ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 456 ใครเป็นคนทำ
หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานหันมองไปทางประตูพร้อมกัน ก็มองเห็นกู้จิ่งซานผลักประตูเข้ามาเลย แล้วเดินเข้ามาด้วยท่าทีรีบร้อนและเป็นกังวล เบื้องหลังเขา คือหลี่หมัวมัวที่ร้อนรน แล้วก็เฟิ่งจงฉวน
ท่าทางของกู้จิ่งซาน ดูเหมือนลูกชายที่เป็นห่วงแม่มากจริง ๆ
กู้โม่หานท่าทีมืดขรึมลง จ้องมองหนานหว่านเยียนทีหนึ่ง
ทั้งสองต่างเยาะเย้ยอยู่ในใจ บนใบหน้ายังคงเป็นปกติ
“ลูกขอถวายบังคมเสด็จพ่อ” กู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนลุกขึ้นมา แล้วถวายบังคมต่อกู้จิ่งซาน
กู้จิ่งซานเดินเข้ามาด้วยฝีเท้ารีบร้อน จ้องมองไปที่ไทเฮาที่นอนอ่อนแรงอยู่บนเตียง “รีบพูดมา ไทเฮาเป็นอย่างไรบ้าง?”
หนานหว่านเยียนก้มหน้าลง แล้วตอบไปตามความเป็นจริง “ทูลเสด็จพ่อ เสด็จย่าถูกคนวางยาพิษ ถึงแม้ลูกจะรักษาเสด็จย่าอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ตอนนี้นางก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นเลย”
นางอยากจะดูสักหน่อย ว่าพระราชาที่ไม่ตีสองหน้าคนนี้ วันนี้จะมาแสดงละครแบบไหนกัน
บนใบหน้าของกู้จิ่งซาน ค่อย ๆ มืดมนลงเรื่อย ๆ เขากวาดตามองหลี่หมัวมัวอย่างเย็นชาทีหนึ่ง แล้วเปิดปากพูดขึ้นอย่างเฉียบคมว่า “อาหารของไทเฮา ไม่มีคนตรวจพิษหรือ?”
หลี่หมัวมัวมีเหงื่อเย็นออกมาทั้งตัวก็เลยคุกเข่าลงกับพื้น กำลังจะเปิดปากพูดขึ้นมา หนานหว่านเยียนก็พูดขึ้นมาอีกว่า “เสด็จพ่อ พิษที่เสด็จย่าโดนคือพิษวูโถ่ว ซึ่งก็คือฟู่จื่อที่เรียกกันตามพื้นบ้าน พิษแบบนี้ใช้เข็มเงินตรวจสอบไม่เจอ ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับหลี่หมัวมัวหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
“คิดว่าคนที่มาวางยาพิษน่าจะได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว ขอเสด็จพ่อช่วยตรวจสอบให้ชัดเจนด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
กู้โม่หานจ้องมองไปอย่างเย็นชา จ้องมองเสด็จพ่อคนดีของเขา จะมีปฏิกิริยาอย่างไร เมื่อได้ยินคำพูดของหนานหว่านเยียนแล้ว
วินาทีต่อมา ก็ดัง“บัง”ขึ้นมาทีหนึ่ง แจกันที่อยู่ใกล้มือกู้จิ่งซาน ถูกเขาทุบลงพื้นจนแตกละเอียดไปแล้ว
“กล้ามาวางยาไทเฮาใต้สายตาข้า คนคนนี้ช่างมีความกล้ามาจริง ๆ!”
กู้จิ่งซานตะคอกขึ้นมาอย่างโกรธเคืองกะทันหัน “เฟิ่งจงฉวน! ไปตรวจสอบเรื่องนี้มาให้ข้า ข้าต้องการผลสรุปวันพรุ่งนี้ ถ้าหาไม่เจอว่าใครเป็นคนทำ หัวของเจ้าก็ไม่ต้องเอาแล้ว!”
แรงกดดันรอบตัวของกู้จิ่งซานทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว เฟิ่งจงฉวนรีบรับคำไปอย่างนอบน้อม “บ่าวเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
จากนั้นเขาก็หมุนตัวออกไป สายตามืดมนครู่หนึ่ง แล้วก็จากตำหนักหลวนเฟิ่งไป
ในตำหนักหลวนเฟิ่ง หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานเงียบไม่พูดอะไร
ไม่มีส่งเสียงอะไรออกมา
ทั้งตำหนัก มีบรรยากาศกดดันเป็นอย่างมาก
พอโกรธเกรี้ยวไปแล้ว กู้จิ่งซานก็ค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลงมา จ้องมองไปที่ไทเฮาที่สีหน้าขาวซีดบนเตียง แล้วก็หันมองมาที่หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หาน
“เมื่อกี้ข้าใจร้อนราวกับไฟ จึงลืมถามสถานการณ์ของเจ้าไป เจ้าหก อาการบาดเจ็บเจ้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
ดวงตาดำสนิทของกู้โม่หานมองไปที่กู้จิ่งซาน แล้วพูดเสียงขรึมขึ้นว่า “ทูลเสด็จพ่อ มีพระชายาคอยดูแลอยู่ข้างกายลูกทั้งวันทั้งคืน อาการบาดเจ็บของลูกใกล้จะหายดีแล้ว เสด็จพ่อไม่ต้องเป็นกังวลหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
หนานหว่านเยียนสบเข้ากับสายตาที่แหลมคมของกู้จิ่งซาน บนใบหน้ายังคงมีปฏิกิริยาสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง “ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บของท่านอ๋องจะหนัก แต่ผ่านการรักษาในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ในอนาคต ก็ไม่มีอาการหลงเหลือด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ในสายตาของกู้จิ่งซานแฝงประกายคมชัดไว้เล็กน้อย
เขาพยักหน้า น้ำเสียงไม่ช้าไม่เร็ว “เป็นเช่นนั้นก็ดี”
“ตอนนี้ใกล้จะถึงพิธีแต่งตั้งแล้ว กลับมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับไทเฮา คืนนี้พวกเจ้าอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน อยู่ดูแลรักษาไทเฮาให้ดี เรื่องนี้ ข้าจะตรวจสอบให้ถึงที่สุดเอง!”
กู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนก้มหัวลงอย่างเคารพนอบน้อม “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
แน่นอนว่าพวกเขาต้องช่วยไทเฮาอยู่แล้ว แต่กู้จิ่งซานจะสามารถตรวจสอบผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้หรือเปล่า แล้วตรวจสอบออกมาได้ยังไง ใครจะไปรู้กันล่ะ
กู้จิ่งซานจ้องมองทั้งสองคนอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวออกไปจากตำหนักหลวนเฟิ่ง และหันไปบอกกับหลี่หมัวมัวที่อยู่ด้านข้างว่า “ทำความสะอาดที่นี่ให้สะอาด!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” หลี่หมัวมัวรีบตามคนมา มาเก็บเศษแจกันบนพื้นไป
กู้จิ่งซานเดินออกจากตำหนักหลวนเฟิ่งไปเลย เฟิ่งจงฉวนมารออยู่ที่อุทยานหลวงตั้งนานแล้ว
พอเขาเห็นกู้จิ่งซานมา ก็รีบร้อนเดินเข้าไป สีหน้าดูเคร่งขรึมจริงจัง
“ฝ่าบาท ที่ท่านสั่งบ่าวมา บ่าวได้สั่งการลงไปแล้ว”
กู้จิ่งซานเดินอยู่ข้างหน้า ถึงแม้เฟิ่งจงฉวนจะมองไม่เห็นท่าทีของเขา แต่จากกลิ่นอายสังหารรอบตัวเขาที่ทำให้คนหวาดกลัว ก็สามารถรู้ได้แล้วว่าบุตรแห่งสวรรค์เกรี้ยวกราดขึ้นมาแล้ว คาดว่าคงจะเกิดหายนะขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุแล้ว
เขากลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย ก็ได้ยินกู้จิ่งซานเปิดปากถามขึ้นมาอย่างเชื่องช้าว่า “เฟิ่งจงฉวน เจ้าติดตามข้ามาหลายปี เจ้าคิดว่า เรื่องที่ไทเฮาถูกวางยา ใครเป็นคนทำหรือ?”
เฟิ่งจงฉวนจะไปกล้าตอบได้ยังไง รีบส่ายหน้าแล้วพร่ำบ่นขึ้นมาไม่หยุด “เรื่องนี้……บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แล้วก็ไม่กล้าเดาสุ่มสี่สุ่มห้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
กู้จิ่งซานหัวเราะเสียงเย็นขึ้นมาทีหนึ่ง สายตาที่โหดร้ายแฝงกลิ่นอายอันตรายเอาไว้ “จะใช่ภรรยาของเจ้าสามหรือเปล่า?”
คราวที่แล้วเพราะเรื่องของหนานฉีซานกับเฉินเป่าฉวน เขาจึงบีบคั้นให้หนานฉีซานฆ่าฮูหยินเฉิงเซี่ยงไปด้วยมือตัวเอง
ในฐานะที่หนานชิงชิงเป็นลูกสาวของฮูหยินเฉิงเซี่ยง ในใจจะมีความโกรธแค้นอยู่ก็เป็นเรื่องปกติ และที่สำคัญนางยังเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน การลงมือกับไทเฮา ไม่เพียงจะได้ระบายอารมณ์ด้วย แถมยังสามารถทำให้พละกำลังของอ๋องอี้ลดน้อยลง สำหรับนางแล้ว มีแต่ประโยชน์ไม่มีผลเสีย
แต่เฟิ่งจงฉวนกลับขมวดคิ้วเอาไว้ โค้งตัวไว้แล้วเดินขึ้นหน้าไปสองก้าว น้ำเสียงแหลมคมแต่ว่าเบา
“บ่าวนินทาพวกเจ้านาย ขอฝ่าบาทลงโทษด้วย แต่ว่าเรื่องนี้ บ่าวคิดว่า ไม่น่าจะใช่ฝีมือของพระชายาเฉิง”
“ถึงพระชายาเฉิงจะเจ้าเล่ห์แค่ไหน ก็ไม่กล้าพอที่จะยื่นมือเข้าไปยุ่งกับตำหนักหลวนเฟิ่ง แถมยังสามารถไปทำร้ายไทเฮาได้อย่างไม่มีซุ้มไม่มีเสียง และปิดบังคนได้ คนคนนี้จะต้องมีความสามารถมากแน่ พระชายาเฉิง ยังไม่มีความสามารถแบบนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
เขาไม่กล้าคาดเดาใจของบุตรแห่งสวรรค์ แต่ว่าติดตามกู้จิ่งซานมานานหลายปีเขาก็พอเข้าใจว่า ถ้าบุตรแห่งสวรรค์สงสัยใครคนหนึ่ง จะไม่มีทางพูดออกมาตามตรงแน่
ในใจกู้จิ่งซานน่าจะมีการคาดเดาอย่างอื่น เพียงแค่ยกพระชายาเฉิงออกมา เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น
อยู่ ๆ รอบข้างก็เปลี่ยนเป็นเงียบเหงาขึ้นมา
กู้จิ่งซานเดินอยู่ข้างหน้า เม้นปากและหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง ที่จริงในใจเขาคิดถึงคนคนหนึ่งอยู่จริง ๆ
แต่พอครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็ไม่ได้พูดออกไป
วันนี้ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นกับไทเฮา เขาก็ได้สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในวังแล้ว แต่สุดท้ายก็ทำเป็นมองไม่เห็น แล้วมาได้ไถ่ถาม
แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ คนคนนี้กล้าลงมือสังหารไทเฮาได้
เฟิ่งจงฉวนจ้องมองกู้จิ่งซานที่ไม่ยอมพูดอะไร ก็รู้สึกแต่รอบข้างเยือกเย็นไปหมด
เขาจ้องมองไปที่กู้จิ่งซานอย่างระมัดระวัง แล้วเปิดปากพูดขึ้นว่า “งั้นฝ่าบาท ตอนนี้หม่อมฉันควรจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดีพ่ะย่ะค่ะ?”
ถึงแม้ว่าเมื่อกี้เขาจะสั่งการให้คนไปสืบหาแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดว่าจะฆ่าคนที่ตรวจสอบเจอให้ตาย
สายตาของกู้จิ่งซานสั่นไหวเล็กน้อย และไม่นาน ดวงตาทั้งคู่ก็ค่อย ๆ เย็นชาจนเยือกเย็น แล้วกลายเป็นแรงสังหารอย่างกระหายเลือด แอบซ่อนความโกรธที่สั่นไหวเอาไว้
“ไม่ว่าใครเป็นคนทำ กล้าลงมือภายใต้สายตาของข้า แถมยังลงมือสังหารไทเฮา คนคนนี้จะเก็บไว้ไม่ได้เด็ดขาด!”
ครั้งนี้คือตำหนักหลวนเฟิ่ง งั้นครั้งหน้า มือของคนคนนั้นก็ต้องยื่นมือถึงตำหนักหย่างซินของเขาแล้วนะซิ!
เขาจำเป็นต้องเชือดไก่ให้ลิงดู……