ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 459 คนที่วางยาคือนางนี่เอง

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 459 คนที่วางยาคือนางนี่เอง

ตอนที่หนานหว่านเยียนกลับมาที่ตำหนักข้างเคียงนั้น กู้โม่หานก็ได้นอนหลับไปแล้ว

ชายหนุ่มนอนตะแคงอยู่ริมเตียง ใบหน้านอนหลับที่สงบนิ่ง ทำให้หนานหว่านเยียนอดไม่ได้ที่จะมองดูหลายที

นางกำลังจะปูพื้นนอน แต่พอลองนึกดูแล้วก็รู้สึกว่าเสียเปรียบ ก็เลยเบ้ปากเล็กน้อย แล้วพยายามไม่ให้แตะโดนตัวกู้โม่หาน ย่องข้ามชายหนุ่มเข้าไปนอนบนเตียงอีกด้าน

นางเพิ่งนอนลงไป กู้โม่หานก็พลิกตัวมา

หนานหว่านเยียนหยุดหายใจไปทันที กะพริบตาและจ้องเขม็งไปที่กู้โม่หาน

ชายหนุ่มยังคงนอนสงบนิ่ง แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คิ้วเรียวราวดาบที่สง่างามกลับขมวดขึ้นมาเบา ๆ

หนานหว่านเยียนตบหน้าอกที่ตกใจของตัวเองไป แล้วหันหลังให้กับกู้โม่หาน และถอนหายใจออกยาว ๆ คำหนึ่ง แล้วหลับตาลง

วันนี้เหนื่อยมากจริง ๆ นางยังไม่มีได้รู้สึกตัว ก็จมลงสู่ความฝันไปแล้ว……

เกือบเที่ยงของอีกวัน หนานหว่านเยียนก็ถูกความเคลื่อนไหวระลอกขึ้นปลุกให้ตื่นขึ้นมา

เพราะว่าเมื่อคืนได้นอนมากพอแล้ว ร่างกายของนางก็ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยขนาดนั้นแล้ว

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วแล้วลืมตาตื่นขึ้นมา กลับพบว่าข้างกายว่างเปล่า ไม่รู้ว่ากู้โม่หานหายไปไหนแล้ว

นางเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก บิดขี้เกียจไปทีหนึ่ง แล้วก็เดินไปที่ประตูแล้วผลักประตูเปิดออก ก็พบว่าด้านนอกมีนางกำนัลเฝ้ารออยู่สองคน

“ไท่จื่อเฟย ท่านตื่นแล้วหรือ” พอนางกำนัลทั้งสองคนเห็นหนานหว่านเยียน ก็รีบคำนับอย่างนอบน้อม

บนใบหน้าหนานหว่านเยียนไม่มีปฏิกิริยาอะไร เพียงแต่มองไปพวกคนรับใช้รอบตัวที่หายใจระมัดระวังและดูรีบร้อน แล้วก็ถามขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”

สีหน้าของนางกำนัลทั้งสองนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง “เรื่องนี้……บ่าวไม่กล้านินทาไปเรื่อยเจ้าค่ะ”

หนานหว่านเยียนยักคิ้วเล็กน้อย นางเองก็ไม่ได้ทำให้นางกำนัลทั้งสองลำบากใจ แต่เปลี่ยนหัวข้อเรื่องไปว่า “ก็ได้ งั้นพวกเจ้าเคยเห็นท่านอ๋องไหม?”

พวกนางกำนัลยิ่งโน้มตัวลงจนเอวต่ำกว่าเดิม “พอไท่จื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ไปดูไทเฮาเหนียงเหนียงที่ตำหนักกลางแล้ว ตอนนี้น่าจะยังอยู่ที่นั่นเจ้าค่ะ”

“อืม” หนานหว่านเยียนตอบรับไปคำหนึ่ง แล้วก็ก้าวเดินไปทางตำหนักกลางเลย

ถึงคนรับใช้พวกนี้จะไม่กล้าพูด แต่ไทเฮากับกู้โม่หานจะต้องรู้แน่นอนว่าตอนนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา

หนานหว่านเยียนยังเดินไม่ถึงตำหนักกลาง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่สดใสของไทเฮา นางก็รู้สึกวางใจไปไม่น้อยทันที และเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ในตำหนักกลาง สีหน้าของไทเฮาแดงระเรื่อขึ้นมาไม่น้อยแล้ว ถึงแม้ความกระปรี้กระเปร่าจะดีสู้เมื่อก่อนไม่ได้ แต่เทียบกับเมื่อวานแล้ว ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

ตรงด้านข้างนาง กู้โม่หานกำลังนั่งอยู่อย่างเรียบร้อย คอยเติมชาให้นางอยู่เรื่อย ๆ

ตอนที่หนานหว่านเยียนเข้ามานั้น ไทเฮากำลังรับชาแล้วดื่มเข้าไปคำหนึ่ง พอเห็นหนานหว่านเยียน ก็ยื่นมือไปทักทายขึ้นว่า “เยียนเอ๋อร์มาแล้ว มานั่งตรงนี้เร็ว”

สายตาของกู้โม่หานกวาดตามองหนานหว่านเยียนทีหนึ่งอย่างเรียบเฉย

ตอนที่ตื่นมาตอนเช้า นางอยู่ในอ้อมกอดเขา ด้วยท่าทางนอนหลับสงบนิ่ง แถมยังเกาะเกี่ยวอยู่ตรงหน้าเขาไม่ยอมจากไป

เขาแค่เม้มปากเล็กน้อย ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร

หนานหว่านเยียนมองไปที่กู้โม่หานด้วยความสงสัยทีหนึ่ง แล้วหันมามองไทเฮาที่ใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วเปล่งเสียงพูดขึ้นมาว่า “ข้าได้ยินเสียงหัวเราะของท่านมาแต่ไกลแล้ว ดูท่าเสด็จย่าจะฟื้นฟูได้ไม่เลวเลยนะ และอารมณ์ก็ดีมากด้วย”

ไทเฮาส่ายหน้าเล็กน้อย จ้องมองไปที่กู้โม่หานอย่างมีลับลมคมในทีหนึ่ง “ข้าไม่ได้อารมณ์ดีอะไรหรอก แต่เมื่อกี้เจ้าหกเห็นว่าข้าอารมณ์ไม่ดี ก็เลยตั้งใจพูดเรื่องตลกอะไรมาหลอกข้าเท่านั้น”

กู้โม่หานพูดเรื่องตลกหยอกล้อคนให้หัวเราะได้ด้วยหรือ?

หนานหว่านเยียนจ้องมองไปที่กู้โม่หานอย่างไม่เชื่อ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย “ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง ข้าไม่เคยรู้เลย ว่าท่านอ๋องพูดเรื่องตลกเป็นด้วย”

ไทเฮาได้ยินก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “ทำไม หรือว่าตอนอยู่ในจวนเจ้าหกไม่รู้จักเอาใจเจ้าบ้างเลยหรือ?”

“เจ้าหก แบบนี้มันไม่ไหวนะ เด็กผู้หญิงเขา ต้องคอยเอาอกเอาใจเอาไว้ เจ้าอย่าไป……”

“เสด็จย่าอย่าเพิ่งคิดมาก” กู้โม่หานมองไปที่หนานหว่านเยียนทีหนึ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่ไทเฮา “ตอนนี้ความรักของหลานกับพระชายานั้นดีมาก จึงไม่มีโอกาสเอาใจพระชายาให้ดีใจเลย”

พวกเขารักกันดีหรือ?

นั่นมันดีมากจริง ๆ ดีจนถึงขั้นแทบอยากจะบีบคออีกฝ่ายให้ตายไปเลย

มุมปากของหนานหว่านเยียนกระตุกขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงแกล้งทำดีและเห็นด้วยกับกู้โม่หาน “ท่านอ๋องพูดถูก หลานแค่ล้อเล่นหน่อยเท่านั้น เสด็จย่าอย่าเอาไปใส่ใจเลย”

“แต่ว่าเมื่อกี้ท่านบอกว่าท่านอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เมื่อกี้ตอนที่หลานเดินมาพบว่าท่าทีของทุกคนต่างก็ดูหนักหน่วงกันขึ้นมา มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?”

พอพูดจบ สีหน้าของกู้โม่หานกับไทเฮาก็เคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย

ไทเฮาถอนหายใจออกยาว ๆ ทีหนึ่ง ดวงตาราวหงส์ที่เย็นชาของกู้โม่หานจ้องมองไปที่หนานหว่านเยียน

“เช้าวันนี้ เสด็จพ่อออกคำสั่งประหารนางกำนัลไปหลายสิบคน รวมทั้งพ่อครัวที่มีประสบการณ์มานานในห้องอาหารหลายคน”

“ฟังจากเจตนารมณ์ของเฟิ่งกงกง ก็คือคนพวกนั้นเกี่ยวข้องกับคนที่บงการเรื่องวางยาพิษ”

กู้จิ่งซานสั่งประหารคนไปหลายสิบคนหรือ?!

คิ้วดำของหนานหว่านเยียนขมวดเข้าหากันแน่น ความเยือกเย็นค่อย ๆ มารวมตัวกันที่หัวคิ้ว

นางกำหมัดไว้ “งั้นคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง คือใครล่ะ?”

ชั่วพริบตาเดียว บรรยากาศในตำหนักใหญ่ก็หนักหน่วงขึ้นมา

ไทเฮายังคงทอดถอนใจ

กู้โม่หานกลับค่อย ๆ เปิดปากพูดขึ้น ความโกรธเกรี้ยวในดวงตาทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกหวาดกลัว “เสด็จแม่ฮองเฮา”

หนานหว่านเยียนตกตะลึงไป

ฮองเฮาเป็นคนวางยาพิษหรือ?!

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท