ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 469 เสิ่นอี่ว์จงตั้งสมาธิ

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 469 เสิ่นอี่ว์จงตั้งสมาธิ

“นิ้วขององครักษ์เสิ่นขยับแล้ว!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของทุกคนก็สว่างขึ้น และเด็กน้อยทั้งสองต่างก็ดีใจมาก

หนานหว่านเยียนเอ่ยออกมาในทันที “เขาตื่นแล้วหรือ?”

องครักษ์กล่าว “ยังขอรับ เพียงแค่มีการเคลื่อนไหวบางอย่างเท่านั้น”

“ฝากดูแลสาวน้อยทั้งสองด้วย”

กู้โม่หานฝากฝังกับพี่น้องเซียงอวี้ จากนั้นเอื้อมมือไปจับมือของหนานหว่านเยียนเพื่อพานางไปยังเรือนซีเฟิง “ไป ไปดูเสิ่นอี่ว์กัน”

“ตกลง” หนานหว่านเยียนเร่งฝีเท้าเดินตาม กู้โม่หานไปอย่างรวดเร็ว

เสิ่นอี่ว์มีปฏิกิริยาแล้ว ซึ่งหมายความว่าเขากำลังจะตื่นขึ้น

นางรู้สึกตื่นเต้น ถ้าเสิ่นอี่ว์ตื่นขึ้นมา ความจริงทั้งหมดจะถูกเปิดเผยต่อโลก!

ทุกคนเดินไปถึงเรือนซีเฟิงอย่างรวดเร็ว หนานหว่านเยียนและกู้โม่หานเดินเข้าไปในห้องและเห็นเสิ่นอี่ว์ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง

ใบหน้าของเขาซีดเซียว นิ้วมือก็ขาวซีดเช่นกัน และไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเห็นเสิ่นอี่ว์เคลื่อนไหว?” หนานหว่านเยียนถามองค์รักหน้าประตูอย่างเย็นชาขณะตรวจสอบปฏิกิริยาม่านตาของเสิ่นอี่ว์

องค์รักรีบโค้งคำนับและตอบกลับ “ใช่ขอรับพระชายา บ่าวเห็นอย่างชัดเจนจริงๆ”

“ในตอนนั้น บ่าวกำลังช่วยองครักษ์เสิ่นเปลี่ยนยา ก็เลยเห็นนิ้วของเขาขยับ ในตอนแรกก็คิดว่าตาฝาดไป แต่หลังจากที่บ่าวจ้องมองดูเป็นเวลานาน ก็พบว่ามันขยับจริงๆ จึงมารายงานท่านและท่านอ๋อง”

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่ารูม่านตาของเสิ่นอี่ว์ยังคงขยายอยู่ นางจึงวางมือลงบนชีพจรของเขา “เข้าใจแล้ว”

ปลายคิ้วตรงของกู้โม่หานจมลงเล็กน้อย นิ้วเรียวของเขากำแน่นในแขนเสื้อกว้าง ใบหน้าของเขามืดมนหมองลง

เขาหันศีรษะไปและกล่าวอย่างเคร่งขรึมกับองค์รัก “เจ้ากลับไปเถิด และจงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”

“ขอรับ ท่านอ๋อง!” องค์รักรับคำสั่งและออกจากประตูด้วยความเคารพ

หนานหว่านเยียนยุ่งอยู่กับการตรวจชีพจรของเสิ่นอี่ว์ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด ดวงตาของนางค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา

หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ลุกขึ้นและมองไปยัง กู้โม่หาน”ท่านก็ออกไปด้วยเถอะ ข้าจะช่วยดูเสิ่นอี่ว์ก่อน”

ดวงตาของกู้โม่หานขยับเล็กน้อยและมองไปที่ใบหน้าที่บอบบางของผู้หญิง ” ฝากเสิ่นอี่ว์ไว้กับเจ้าด้วย ในช่วงเวลานี้ข้าจะไม่ให้ใครรบกวนเจ้า ไม่ต้องเป็นกังวล”

หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเดินออกไปและปิดประตูลง

แต่สีหน้าของเขาค่อยๆ เปื้อนไปด้วยความโกรธเมื่อขณะออกจากประตูไป

เขาหวังว่า เสิ่นอี่ว์จะตื่นขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อที่เขาจะได้ค้นหาความจริงและล้างแค้นให้กับเสิ่นอี่ว์และจะได้ยืนยันโดยเร็วที่สุดว่าใครเป็นผู้ทรยศในวังหลวงแห่งนี้…

หนานหว่านเยียนลงกลอนประตู หันกลับและเข้าไปในห้วงเวลาเพื่อเตรียมอุปกรณ์

เพียงแค่เข้าไปในห้วงเวลาเธอก็ตกตะลึง——

ห้วงเวลาได้รับการเพิ่มขั้นอีกครั้ง!

นางไม่ได้เข้ามาในห้วงเวลาระยะหนึ่งแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าจะพลาดการเปลี่ยนแปลงในห้วงเวลา

ไม่เพียงแต่พื้นที่รอบข้างเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว นอกจากเครื่องมือแพทย์ใหม่ ๆ และยาสามัญแล้ว ยังมีเลือด กรุ๊ปเลือดต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นในคลังเลือด

ขณะที่ หนานหว่านเยียนกำลังดู ดวงตาของนางก็ถูกดึงดูดด้วยเข็มฉีดบนตู้

คราวนี้ไม่มียาแปลก ๆ ในห้วงเวลาเพิ่มขึ้นมาอีก แต่กลับมีเข็มฉีดยาสองอัน หนึ่งสีแดงและอีกหนึ่งสีน้ำเงิน

สีแดงมีคำว่า “พื้นฟูความทรงจำ” กำกับไว้ กลับกันในส่วนสีฟ้ามีคำว่า “ลบความทรงจำ”

หนานหว่านเยียนแอบแลบลิ้นอยู่ในใจ สับสนเล็กน้อยเกี่ยวกับหลักการการอัพเกรดห้วงเวลา

ไม่น่าจะมาตามลำดับเวลา ห้าปีที่ผ่านมาไม่เคยมีการอัพเกรดเลย หลังจากที่เธอทำลายงานแต่งงานของกู้โม่หาน และทำให้กู้โม่หานโกรธ พื้นที่ก็ได้รับการอัพเกรด หลังจากนั้นไม่ถึงสองเดือน ท่านน้าเพิ่งย้ายเข้ามา นางก็ทะเลาะกับกู้โม่หานจากนั้นพื้นที่ก็ได้รับการอัพเกรดอีกครั้ง

ตอนนี้… ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับกู้โม่หานนั้นไม่ได้ดีหรือแย่ และไม่ทะเลาะกันแล้ว แล้วทำไมพื้นที่ถึงอัพเกรดอีกหล่ะ แท้จริงแล้วยึดตามหลักการใดกันแน่?

แต่นางไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางรีบเก็บเข็มฉีดยาทั้งสองและเก็บไว้ จากนั้นก็ไม่กล้าหยุดแม้เพียงครู่ ใช้เปลหามที่พับได้และเลื่อนเตียงผู้ป่วยเพื่อย้ายเสิ่นอี่ว์เข้าไปในห้วงเวลา

หนานหว่านเยียนแกะผ้ากอซและผ้าพันแผลบนศีรษะของเสิ่นอี่ว์ออกอย่างระมัดระวัง รอยแผลเป็นที่ด้านหลังศีรษะของเขานั้นเด่นชัดมาก

ในช่วงเวลานี้ หลังจากที่นางและองค์รักได้ผลัดกันดูแล บาดแผลบนหน้าผากของเสิ่นอี่ว์ก็เกือบจะหายดีแล้ว

ภายนใจจู่ๆก็ปรากฎเห็นรอยแผลเป็นที่น่ากลัวบนหลังของกู้โม่หาน หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วและวางความคิดเหล่านี้ไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็วและจดจ่ออยู่กับการทาของเหลวบนหัวของเสิ่นอี่ว์ ซึ่งสามารถช่วยนำเข้าหลอดอิเล็กโทรดได้

จากนั้นนางได้ส่งเสิ่นอี่ว์เข้าเครื่องCT เพื่อดูการรักษาการผ่าตัดลดกะโหลกศีรษะแตกของเขาในครั้งก่อน จากนั้นจึงใส่ท่ออิเล็กโทรด และรอให้ข้อมูลถูกสร้างขึ้น

ในช่วงเวลานี้ นางกระซิบข้างหูของเสิ่นอี่ว์เป็นระยะ ๆ “เสิ่นอี่ว์ ถ้าเจ้าได้ยินฉัน ช่วยแสดงปฏิกิริยาตอบข้าด้วย หลังจากเกิดเรื่องกับเจ้า ในจวนโกลาหลวุ่นวายไปหมด แต่คนที่ลอบสังหารเจ้า พวกเรายังคงหาไม่พบ…”

หลังจากพูดอยู่ครู่หนึ่ง ร่างกายของเสิ่นอี่ว์ยังคงไม่ตอบสนอง แม้แต่นิ้วของเขาก็ไม่ได้แม้แต่จะขยับ

ทันใดนั้น คลื่นที่อัดแน่นจำนวนมากปรากฏขึ้นบนหน้าจอแสดงผล และเครื่องก็ส่งเสียงไม่หยุด หนานหว่านเยียนมองใกล้ขึ้น และลมหายใจของเธอก็หยุดลงชั่วขณะ

สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าคลื่นสมองของเสิ่นอี่ว์นั้นกระฉับกระเฉงอย่างเห็นได้ชัด และมีสภาวะที่ไม่เสถียรอย่างยิ่ง น่าจะเป็นเพราะความรู้สึกนึกคิดของเสิ่นอี่ว์นั้นยังชัดเจนและพยายามอย่างยิ่งที่จะตื่นขึ้นมา

หนานหว่านเยียนรีบพูดทันใด: “เสิ่นอี่ว์ เสิ่นอี่ว์เจ้าจงตั้งสมาธิและพยายามลืมตา … ”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท