ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 473 การอภิเษกสมรสขององค์หญิง
หลังจากนั้นเนิ่นนาน กู้โม่หานถึงได้ออกไปจากเรือนเซียงหลิน ด้วยสภาพจิตใจที่ยุ่งเหยิง การหายใจที่ไม่เป็นจังหวะ……
รุ่งสาง วันต่อมา
ทุกคนในเรือนเซียงหลินเริ่มยุ่งอยู่กับงาน
วันนี้คือเทศกาลปีใหม่ และเป็นวันที่แคว้นเทียนเซิ่งมาเยี่ยมเยือน ตามกฎเกณฑ์แล้ว เครือญาติทั้งหมดจักต้องเข้าวังมาร่วมงานเลี้ยงด้วย
หนานหว่านเยียนกับหนูน้อยทั้งสองถูกปลุกในตอนเช้า และถูกเร่งให้มานั่งหน้ากระจกแต่งตัวพร้อมถูกคนแต่งหน้าแต่งตาให้
จากนั้น เซียงเหลียนและเซียงอวี้ต่างก็กระตือรือร้น เปรียบเทียบเครื่องประดับบนหัวของหนานหว่านเยียนกับสองพี่น้องไม่หยุด
เซียงอวี้ม้วนแขนเสื้อขึ้น ตื่นเต้นอย่างยิ่ง “วันนี้เป็นเทศกาลปีใหม่ พระชายาท่านไม่ต้องกังวลให้เป็นหน้าที่ของบ่าวเอง บ่าวจักทำให้ท่านกับคุณหนูทั้งสองโดดเด่นจนหาที่เปรียบไม่ได้ในวังอย่างแน่นอน!”
หนานหว่านเยียนหาวไปด้วย และปล่อยให้พวกนางแต่งตัวให้ไปด้วย และไม่ลืมที่จะสั่งให้คนเตรียมยาให้กับเสิ่นอี่ว์
เมื่อคืนนางหลับไปอย่างสะลึมสะลือ ลืมตาขึ้นมาก็อยู่บนเตียงแล้ว แต่นางก็ไม่ได้คิดมาก เพียงคิดว่าตัวเองปีนขึ้นเตียงไปเอง
เข้าวังวันนี้น่าจะได้กลับจวนตอนเย็นเลย ก่อนเข้าวัง นางจักต้องจัดการเรื่องของเสิ่นอี่ว์ให้เรียบร้อย
หลังแต่งหน้าแต่งตาเสร็จ หนานหว่านเยียนก็พาหนูน้อยทั้งสองไปหาเสิ่นอี่ว์ก่อน หนานหว่านเยียนฝังเข็มรักษาให้เขาครู่หนึ่ง ก็ออกจากเรือนมา แล้วจูงมือหนูน้อยทั้งสองคนเดินออกไปทางด้านหน้าประตูทางเข้า
เพลานี้ กู้โม่หานก็ยืนอยู่ด้านนอกของจวนแล้ว วันนี้เขาใส่ชุดสีดำลายเข้ม ด้านนอกพาดด้วยผ้าคลุมลายงูเหลือม ใบหน้ามุมด้านข้างอยู่ใต้แสงจันทร์แล้วงดงามเป็นพิเศษ บุคลิกที่องอาจผึ่งผายตรงหว่างคิ้วก็ไม่ลดน้อยลงเลย
หนานหว่านเยียนเหลือบตามองเขาอย่างราบเรียบ และอดไม่ได้ที่จะมีสีหน้ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
รูปร่างหน้าตาดูดี มิน่าเล่าถึงได้ดึงดูดสาวน้อยมากมายได้
“ท่านพ่อ! สุขสันต์วันปีใหม่!” เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยเห็นเขามาตั้งแต่ไกล จึงตะโกนเสียงเจื้อยแจ้วอย่างสุดเสียง
วันนี้จะเข้าวัง พวกนางต้องเรียกเขาอย่างเคารพ และวันนี้ก็เป็นวันฉลองปีใหม่ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการฉลองปีใหม่อีกแล้ว ดังนั้นพวกนางย่อมไม่ทำให้เขารู้สึกลำบากใจ
สองตัวอักษรนี้ พอกู้โม่หานได้ยินนัยน์ตาก็สั่นไหว ไม่ได้ยินชื่อเรียกนี้มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว
เขาหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นหนานหว่านเยียนจูงมือของทั้งสอง ออกมาจากจวน
เห็นมวยผมของหนานหว่านเยียนถูกม้วนขึ้นสูง ประดับด้วยปิ่นปักผมสีเงินมากมาย ทั้งสองข้างยังมีพู่ระย้าห้อยลงมา ตรงหน้าผากมีลวดลายสีแดงสดราวกับเจ้าดอกมัญชูษาซึ่งดึงดูดความสนใจยิ่งนัก
ริมฝีปากสีแดงนั้น ก็ยิ่งกระตุ้นให้กู้โม่หานจินตนาการมากมายไปไกล
จูบของเมื่อคืนนี้ ดูเหมือนว่าจะค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นมา
กู้โม่หานหรี่ตาลง เก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจทันที แล้วมองไปยังหนูน้อยทั้งสองคน “สุขสันต์วันปีใหม่”
ขณะที่พูด เขาก็เปิดม่านรถออกอย่างรู้หน้าที่
หนูน้อยทั้งสองคนวิ่งมาด้วยความดีใจเหลือล้น เกี๊ยวน้อยใช้มือและเท้าพยายามขึ้นรถม้า แต่ก็ถูกกู้โม่หานอุ้มขึ้นอย่างง่ายดาย และวางลงที่นั่งอย่างมั่นคง
ซาลาเปาน้อยก็เช่นกัน ถูกกู้โม่หานวางลงในรถม้า
สองพี่น้องขยิบตากลมโตข้างหนึ่ง ยิ้มอย่างอ่อนหวาน “ขอบคุณเพคะ ท่านพ่อ!”
ทั้งสองใส่ชุดสีแดงสดใส สมกับเป็นลูกสาวของเขา รูปโฉมงดงามจริงๆ
กู้โม่หานพยักหน้า ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน
เขาหันมองไปทางหนานหว่านเยียน แล้วยื่นมือไปให้นาง “พระชายา”
หนานหว่านเยียนมองเขาแวบหนึ่ง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือไปจับมือเขา ขึ้นรถม้า
หนูน้อยที่อยู่ในรถมองหน้ากัน และยิ้มออกมาอย่างช้าๆ
ทั้งสี่คนนั่งอยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว รถม้าก็มุ่งหน้าไปยังในวัง
บรรยากาศจวนอ๋องอี้นั้นผสมกลมกลืนปรองดองกัน แต่วันนี้ทุกคนในจวนอ๋องเฉิงไม่สามารถไปเข้าร่วมงานเลี้ยงได้
อ๋องเฉิงก็ไม่ได้เอ่ยอะไร และขี่ม้าออกไปข้างนอกด้วยในหน้าเรียบเฉย มีเพียงหนานชิงชิงที่อยู่ในจวน โอดครวญอยู่กับชิวซวง
นับตั้งแต่ฮูหยินเฉิงเซี่ยงตายอย่างน่าสังเวช หนานชิงชิงก็ไม่ออกไปข้างนอกเลย กว่าจะควบคุมจิตใจได้ ก็ทนจนถึงเทศกาลปีใหม่จึงดีขึ้นมาได้ แต่กลับได้ยินข่าวร้ายว่าฮองเฮาเข้าตำหนักเย็นแล้ว
นางหายใจไม่ออก และป่วยติดต่อกันหลายวัน นางทำอะไรไม่ได้ จึงจำใจต้องยืดเวลาแผนการรับมือหนานหว่านเยียนออกไป
แต่เมื่อคิดถึงจุดประสงค์ที่ทูตมาในวันนี้ แววตาราวกับงูพิษที่ดุร้ายของนางก็มองออกไปนอกหน้าต่าง ประกอบด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยือก
นางไม่จำเป็นที่จะต้องไม่ยอม งานเลี้ยงในคืนนี้จะเป็นวาสนาหรือเป็นเคราะห์ ก็ยังไม่แน่นอนเลย……
หลังธูปหนึ่งก้าน ที่ตำหนักหลวนเฟิ่ง
กู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนพาหนูน้อยทั้งสองคน ไปเจอไทเฮาก่อน
สองพี่น้องรู้ว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเสด็จย่าทวดล้มป่วย วันนี้เลยถือขนมหวานมากมายมาให้ไทเฮาด้วย ซึ่งทำให้ไทเฮาทั้งมีความสุขและซาบซึ้งใจ และกอดทั้งสองคนไว้ไม่ยอมวางมือแม้วินาทีเดียว
หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานเห็นเช่นนั้น ภายในใจก็รู้สึกดีไม่น้อย
ช่วงเวลาที่งานเลี้ยงใกล้เข้ามา หลี่หมัวมัวก็เดินเข้ามาด้วยความเคารพนอบน้อม “ไทเฮา ไท่จื่อ ไท่จื่อเฟย ฝ่าบาทให้คนมาแจ้งเตือน บอกว่างานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว พวกท่านควรจะไปตำหนักหย่างซินได้แล้ว”
ไทเฮามองดูหนูน้อยทั้งสองในอ้อมกอด และมองดูหนานหว่านเยียนกับพระสวามี “ข้ารู้สึกเมื่อยล้าร่างกาย เจ้าหก งานเลี้ยงคืนนี้ ข้ารู้สึกไม่สบายกายก็ไม่ไปแล้วกัน อีกอย่าง วันนี้ตำหนักหย่างซินมีผู้คนมากหน้าหลายตา เสียงดังจ้อกแจ้กจอแจอีกด้วย ส่วนคนแคว้นเทียนเซิ่งแต่ละคนก็รูปร่างสูงใหญ่ ข้ากลัวว่าจะทำให้เหลนที่น่ารักทั้งสองตกใจกลัว พวกเจ้าให้พวกนางอยู่ที่นี่ เป็นเพื่อนข้าเถิด”
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยกะพริบตาอย่างไม่เข้าใจ “เสด็จย่าทวดไม่สบายตรงไหนอีกหรือ?”
“ให้ข้ากับพี่สาวช่วยนวดให้เสด็จย่าทวดหรือไม่?”
ไทเฮาชะงักงัน คำพูดของนางย่อมเป็นการปฏิเสธอ้อมๆ อยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหนูน้อยทั้งสองคนจะจริงจัง นางจึงรีบหัวเราะออกมา “ข้าไม่เป็นไร แค่อยากอยู่กับพวกเจ้าให้นานสักหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงบางคนที่มาร้าย จะมายั่วยุให้ข้าเสียใจ”
คนที่มาร้าย?
หนานหว่านเยียนเลิกคิ้ว ดูท่าแล้วไทเฮาคงรู้อะไรบางอย่าง
เพียงแต่ผู้ที่มาร้าย จะเป็นอ๋องผิงเซวียนแห่งแคว้นเทียนเซิ่ง หรือองค์หญิงฮั่นเฉิงที่มาอภิเษกสมรสกัน?
หนานหว่านเยียนไม่ได้ใคร่ครวญ และลูบหัวหนูน้อยทั้งสองคน “พวกเจ้าสองคนอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเสด็จย่าทวดอย่างว่านอนสอนง่าย อย่าวิ่งเล่นไปทั่ว เข้าใจหรือไม่?”
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยพยักหน้าด้วยความดีใจ “อืมอืม! ท่านแม่กับท่านพ่อวางใจเถิด! พวกเราจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเสด็จย่าทวดเอง จะไม่วิ่งเล่นไปทั่ว”
เสด็จย่าทวดดียิ่งนัก พวกนางชอบเล่นกับเสด็จย่าทวด
ให้ทั้งสองคนอยู่กับไทเฮา หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานก็ไปยังตำหนักหย่างซิน
ตอนที่พวกนางมาถึง ภายในตำหนักหย่างซิน คนส่วนใหญ่ก็มาถึงกันแล้ว
ท่านอ๋องเจ็ด องค์ชายสิบและพระชายาสีบ ชีกุ้ยเฟยกับองค์ชายสิบสามและเหล่าขุนนางที่สำคัญทั้งหลายมาถึงงานแล้ว รวมทั้งฮู่ปู้ช่างชูที่เข้าดำรงตำแหน่งใหม่ด้วย
เพียงแต่ ไม่มีอ๋องเฉิงกับพระชายาเฉิง และไม่มีเฉิงเซี่ยงกับแม่ทัพใหญ่
หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังเงียบไม่เอ่ยอะไร
กู้จิ่งซานเห็นหนานหว่านเยียนและพระสวามี ดวงตาเฉี่ยวก็หรี่ลง “ไท่จื่อ ไทเฮาเล่า?”
กู้โม่หานก้าวเท้าไปข้างหน้า คำนับแล้วเอ่ยว่า: “ทูลเสด็จพ่อ เสด็จย่าไม่ค่อยสบาย เลยพักผ่อนอยู่ตำหนักหลวนเฟิ่งก่อน”
ฮ่องเต้ส่งเสียงอืม “เอาล่ะ นั่งลงเถิด”
หนานหว่านเยียนและกู้โม่หานกำลังจะนั่งประจำที่ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น จากทางด้านหลังกู้โม่หาน……