ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 478 เก่งกาจจริงๆ
หนานหว่านเยียนคิดไม่ถึงเลยว่าฉินมู่ไป๋จะมาหาเรื่อง แต่นางก็ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะประหม่า หากมีคนมายั่วยุ ย่อมไม่อ่อนข้อให้แน่นอน
“ในเมื่อองค์หญิงฮั่นเฉิงพูดเช่นนี้แล้ว ข้ายังจะมีเหตุผลอะไรมาปฏิเสธได้อีก”
พูดจบ นางก็ตั้งใจมองไปยังกู้จิ่งซาน “เพียงแต่ไม่รู้ว่า เสด็จพ่อมีความคิดเห็นอย่างไร?”
คิ้วของกู้จิ่งซานขยับไปมา “ในเมื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เช่นนั้นพวกเจ้าก็ต่างคนต่างแสดงให้ดูก็แล้วกัน ไท่จื่อเฟย อย่าทำให้ทูตต่างแคว้นมองว่าพวกเราชาวซีเหย่เป็นตัวตลก”
หนานหว่านเยียน: “เพคะ ลูกจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
กู้โม่หานมองดูฉินมู่ไป๋ที่ลำพองตนใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างไม่ใส่ใจ และตอนที่หันไปมองหนานหว่านเยียน แววตามีความหมายลึกซึ้งมากมายอย่างเห็นได้ชัด
วิชาแพทย์ของหนานหว่านเยียน เขารู้ตลอดมา
เพียงเกรงว่าฉินมู่ไป๋ผู้นั้นจะตั้งใจกลั่นแกล้ง ทำร้ายหนานหว่านเยียน
ฉินมู่ไป๋มองดูท่าทางเตรียมการมาอย่างดีของหนานหว่านเยียน แล้วก็ยิ้มเยาะในใจ
การประลองฝีมือวิชาแพทย์ นางยังไม่เคยแพ้มาก่อนเลย
ไม่นานคนที่อยู่รอบๆ ก็รวมตัวกันเข้ามา จ้องมองสตรีที่งดงามหยาดเยิ้มทั้งสองอย่างไม่ละสายตา
องค์ชายสิบและพระชายารออย่างคาดหวัง กู้โม่หลิงวีพัดไปมา นัยน์ตามืดมน
ในตำหนัก ฉินมู่ไป๋หยิบกล่องผ้าไหมจากด้านในอกออกมา แล้วเขย่าไปมาต่อหน้าทุกคน
“ข้าศึกษาเรื่องยามาตลอดทั้งปี วันนี้จะให้ทุกคนได้ชมยาหนึ่งในนั้นก็แล้วกัน”
พูดจบ นางก็เปิดกล่องผ้าไหม หยิบยาเม็ดสีน้ำตาลออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ปิดกล่องอย่างลึกลับ
นางมองไปรอบๆ เห็นขุนนางที่รูปร่างผอมลีบคนหนึ่ง ก็ชี้ไปที่เขาแล้วเอ่ยว่า “เจ้ามาทดลองยานี่เสีย”
ขุนนางผู้นั้นมึนงงในทันที และตื่นตระหนกเล็กน้อย “เอ่อ……”
กู้จิ่งซานชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เขาจึงทำได้เพียงจำต้องก้าวไปข้างหน้า “ขอรับ”
“วางใจเถิด ไม่มีทางทำให้เจ้าบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียวแน่นอน” ฉินมู่ไป๋โยนยาให้กับบุรุษที่รูปร่างผอมลีบคนนั้น มองดูเขากินยา จากนั้นก็ชี้ไปยังถงติ่งที่หนักหนึ่งพันชั่ง “เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าลองไปย้ายอันนั้นดูสิ”
“องค์หญิงฮั่นเฉิง ข้าน้อยเกรงว่า คงไม่ได้” ทันใดนั้น บุรุษที่รูปร่างผอมลีบก็มองดูฉินมู่ไป๋ด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก และส่ายหัวอย่างลนลาน
ขุนนางคนรู้จักที่อยู่ข้างๆ เขาก็ไม่เข้าใจเล็กน้อย จึงเอ่ยชี้แจงให้เขา “องค์หญิงฮั่นเฉิง ร่างกายของใต้เท้าหลี่นั้นผอมและอ่อนแอ ไม่สามารถใช้กำลังได้ พวกเรารู้กันทุกคน ตอนนี้ท่านต้องการให้เขายกถงติ่งที่หนักหนึ่งพันชั่งอันนั้น มันเป็นการ……ฝืนใจผู้อื่นจริงๆ”
ทันใดนั้น ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเริ่มกระซิบกระซาบกันเสียงเบา
“นั่นสิ องค์หญิงนี่ไม่ใช่ว่าจงใจทำให้รู้สึกลำบากใจหรือ?”
“ดูท่าแล้ววันนี้ใต้เท้าหลี่คงต้องประสบเคราะห์เสียแล้ว……”
หนานหว่านเยียนฟังผู้คนบริเวณรอบๆ กระซิบกระซาบกัน มองดูด้วยใบหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาดำมืดเล็กน้อย
ในฐานะหมอ นางเองก็อยากรู้ว่ายานั่นมีผลอะไร
ฉินมู่ไป๋ไม่ใช่คนที่จะยอมให้คนอื่นมาชี้แนะสั่งสอน ยิ่งต่อต้านไม่ปฏิบัติตามนาง นางก็ยิ่งรู้สึกโกรธ และขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงแข็งกร้าวยิ่งนัก
“เมื่อครู่นี้ฝ่าบาทเห็นด้วยแล้วที่ให้เจ้ามาทดลองยา ตอนนี้ข้าให้เจ้าทำอะไรก็ทำอันนั้นเสีย”
ใต้เท้าหลี่ผู้นั้นมีสีหน้าลำบากใจ เห็นกู้จิ่งซานพยักหน้าเห็นด้วยโดยนัย ก็ใช้ความกล้าเดินไปยังด้านหน้าถงติ่งพันชั่ง “เช่นนั้นข้าน้อยจะลองดูก็แล้วกัน”
เห็นใต้เท้าหลี่ต้องการจะลองดูจริงๆ คนจำนวนมากก็ค่อยๆ พากันแสดงความคิดเห็นออกมา
ใต้เท้าหลี่แม้แต่สตรีที่อยู่ที่เรือนก็สู้ไม่ได้ แล้วจะย้ายถงติ่งที่หนักเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าย้ายไม่ได้เป็นแน่
แต่วินาทีต่อมา ทุกคนก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างรู้สึกทึ่งและตกตะลึงของใต้เท้าหลี่ “ข้า ข้าย้ายได้แล้ว!! พวกเจ้ารีบดูเร็ว รีบดูเร็วเข้าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ย้ายได้แล้ว?
จะเป็นไปได้อย่างไร!
แต่ทุกคนก็เห็นว่าใต้เท้าหลี่ย้ายถงติ่งพันชั่งได้จริงๆ และยังสามารถยกมันขึ้นมาได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย มองดูใต้เท้าหลี่อีกทีสีหน้าของเขาก็เปล่งปลั่งสดใส ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกาย ต่างกับความรู้สึกซึมเซาราวกับเป็นโรคเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง นี่มัน……
ทุกคนไม่อยากจะเชื่อเลย
“มหัศจรรย์ มหัศจรรย์ยิ่งนัก ยานี่มหัศจรรย์จริงๆ !”
“นี่มันยิ่งกว่ามหัศจรรย์แล้ว รู้สึกว่าใต้เท้าหลี่เปลี่ยนไปเป็นอีกคนอย่างสิ้นเชิงเลย!”
“คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงฮั่นเฉิงจะเก่งกาจเช่นนี้ ทำให้คนที่ผอมบางและอ่อนแอกลายเป็นคนที่มีพละกำลังมากได้! เป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดาจริงๆ วิชาแพทย์ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
ทุกคนพูดชมเชยกันน้ำไหลไฟดับ ล้วนพูดว่าศักยภาพของฉินมู่ไป๋นั้นเลอเลิศ
กู้จิ่งซานเองก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าองค์หญิงแห่งแคว้นเทียนเซิ่งจะมีความสามารถเช่นนี้
ฉินอี้หรานมองดูน้องสาวของตนอย่างรู้สึกยินดีปรีดา ในดวงตาเป็นรอยยิ้มที่รักใคร่เอ็นดู มองดูคนของซีเหย่รู้สึกทึ่งอยู่เบื้องหน้า ราวกับกำลังมองดูคนที่ขาดความรู้เลย
และฉินมู่ไป๋ที่ได้รับเสียงเอ่ยชมอย่างล้นหลามก็ไม่ได้แสดงสีหน้าภูมิใจออกมา เพราะคำพูดชมเชยเช่นนี้นางได้ยินจนเอียนแล้ว
นางเชิดคางขึ้น เดินมาเบื้องหน้าหนานหว่านเยียน แล้วชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองไปยังกู้โม่หาน “ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย ท่านคิดว่ายานี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
นางเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง เมื่อครู่นี้กู้โม่หานปฏิเสธนาง ตอนนี้คงนึกเสียใจอยู่ละสิ!
หนานหว่านเยียนไม่สนใจการยั่วยุของนาง แล้วหันไปดูสถานการณ์ของใต้เท้าหลี่ทันที
พูดตามตรง นางเองก็คิดว่าองค์หญิงเก่งกาจอย่างยิ่ง ที่สามารถทำยาที่เหมือนกับสารกระตุ้นศักยภาพออกมาได้ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่ามีผลข้างเคียงหรือไม่ก็ตาม
กู้โม่หานนัยน์ตาดำมืด มองดูฉินมู่ไป๋ “องค์หญิงฮั่นเฉิงช่างเก่งกาจจริงๆ”
คิดไม่ถึงเลยว่า แคว้นเทียนเซิ่งจะมียามหัศจรรย์เช่นนี้ สามารถทำให้คนที่ร่างกายอ่อนแอกลายเป็นแข็งแรงกำยำเช่นนี้ได้ หากใช้กับเรื่องที่ไม่สมควร……
ฉินมู่ไป๋ได้ยินเช่นนั้น ก็ปรากฏรอยยิ้มภาคภูมิใจบนใบหน้า ที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
“เช่นนั้นไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยคิดว่า ข้ากับพระชายาของท่าน เมื่อเทียบกันแล้วผู้ใดเก่งกว่ากัน?”