ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 490 หย่า
“ตอนนั้นชายารองหยุนซีกำลังร้องไห้ปานใจจะขาดอยู่นอกเรือนซีเฟิง หวังหมัวมัวเห็นแล้วยังถึงกับทนดูไม่ได้ ต้องเข้าไปปลอบนาง จากนั้นค่อยไปหาท่านอ๋องเพื่อช่วยพูดแทนให้”
“แต่ต่อมาพวกเขาก็พูดกันว่า สีหน้าของหวังหมัวมัวตอนออกมาก็ดูไม่ดีเช่นกัน เหมือนว่าจะถูกท่านอ๋องตำหนิด้วยอีกคน”
กู้โม่หานถึงกับร่วมหอกับหยุนอี่ว์โหรวแล้วจริง ๆ หรือนี่? !
หัวใจของหนานหว่านเยียนถึงกับเต้นผิดจังหวะ การเคลื่อนไหวขณะดื่มน้ำหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน น้ำในแก้วเกือบกระฉอกออกมา
เซียงอวี้ที่หลังจากได้ยินเรื่องซุบซิบก็สีหน้าเปลี่ยนทันที เจ้าตัวถึงกับกระทืบเท้าเร่า ๆ ด้วยความโกรธเคือง
“พี่เซียงเหลียน นี่ไม่ใช่ว่าเจ้าไปได้ยินมาผิดหรอกรึ?! ท่านอ๋องจะไปอยู่กับชายารองหยุนนั่นได้อย่างไรกัน…..ท่านอ๋องทำแบบนี้ จะคู่ควรกับพระชายาของพวกเราได้อย่างไรกัน?!”
มันไม่ง่ายเลยกว่าที่พวกเขาทั้งสองคน จะอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ขึ้นมาได้บ้างอย่างในช่วงเวลานี้ แต่ทำไมมักจะเกิดปัญหาอะไรสักอย่างในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้เสมอ ๆ เลยนะ?!
อย่างที่รู้กันดีว่า นางยังคงตั้งความหวังว่าพวกท่านอ๋องสี่คนพ่อแม่ลูก จะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเสียที!
เซียงเหลียนจะไม่รู้ถึงความขุ่นเคืองที่อัดแน่นอยู่ในใจของเซียงอวี้ได้ยังไง แต่นางก็พูดอะไรไม่ได้มากนัก แค่เม้มปากแล้วส่ายหน้า พลางหันไปมองหนานหว่านเยียนด้วยสีหน้ากังวลใจ
เมื่อเซียงอวี้เห็นว่าเซียงเหลียนยอมรับอย่างมั่นใจแล้ว ก็ยิ่งร้อนใจขึ้นเรื่อย ๆ หันไปมองหนานหว่านเยียนทันที
“พระชายา เรื่องนี้มันต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างแน่ ๆ เจ้าค่ะ เดิมทีชายารองหยุนนั่นก็เป็นพวกมากเล่ห์แสนกลไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว นางต้องใช้กลอุบายชั่วร้ายอะไรบางอย่างแน่นอน ท่านอย่าได้เสียใจไปเลยนะเจ้าคะ…..”
“ไม่เป็นไรหรอก” แม้ว่าในใจของหนานหว่านเยียนจะถือสา แต่นางก็ไม่พูดพิรี้พิไรให้น่ารำคาญ ยังถึงขั้นเก็บซ่อนความโกรธไว้ในใจลึก ๆ ด้วย แต่หลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้ว นางก็ไม่ได้มีความรู้สึกใด ๆ กับกู้โม่หานเลยซักนิด
อีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสอง ก็เป็นไปในลักษณะของการให้ความร่วมมือกันเท่านั้น นางมีอะไรต้องโกรธล่ะ
แต่เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นางก็จำเป็นต้องเร่งระดับความเร็ว เพื่อบังคับให้เสิ่นอี่ว์ฟื้นขึ้นมาให้เร็วขึ้นกว่าเดิมแล้ว
หนานหว่านเยียนวางแก้วน้ำลง แสร้งทำท่าทางสงบนิ่งแล้วมองไปที่เซียงอวี้ “เรื่องแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องเกิดอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องโกรธจนเสียอาการขนาดนั้นหรอก”
“นอกจากนี้การที่ท่านอ๋องจะร่วมหอกับใคร ข้าก็ไม่สนใจทั้งนั้น เพราะถึงยังไงอีกไม่นานข้าก็จะหย่ากับเขาแล้ว”
หย่า? !
ทั้งเซียงอวี้และเซียงเหลียน ต่างก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
เซียงอวี้ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองไปครู่ใหญ่ ก่อนจะส่ายหัวระรัวราวกับกลองป๋องแป๋ง
“ไม่ได้ ๆ พระชายา ท่านอย่าโกรธเลยนะเจ้าคะ นี่มันเท่ากับตกหลุมพรางของชายารองหยุนชัด ๆ! ครั้งนี้ต้องเป็นเพราะถูกชายารองหยุนใช้แผนล่อลวงอะไรสักอย่างเข้าแน่ ๆ ท่านอ๋องถึงได้…..”
“เรื่องนี้ ข้าได้หารือกับกู้โม่หานเอาไว้เมื่อนานมาแล้วล่ะ อีกทั้งเขาก็ตอบตกลงเรียบร้อยแล้วด้วย” หนานหว่านเยียนเลือกที่จะไม่ปิดบัง แต่บอกทั้งสองคนอย่างตรงไปตรงมา
ถึงยังไงไม่ช้าก็เร็วนางก็จะไปอยู่แล้ว ไม่สู้บอกพวกนางให้ชัดเจนเสียตั้งแต่ตอนนี้ยังจะดีกว่า เพื่อไม่ให้พวกนางต้องตั้งความหวังกันโดยเปล่าประโยชน์ เมื่อถึงเวลานั้นจะได้ไม่ต้องผิดหวังเหลือแค่หัวใจพัง ๆ ที่ยากจะประกอบขึ้นมาใหม่
หนานหว่านเยียนเห็นเซียงอวี้ที่เบิกตาโพลง พลางทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ ก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า: “อย่าร้อง ความจริงแล้วเส้นแบ่งของข้ามันชัดเจนมาก ข้าทนไม่ได้ที่จะให้ผู้ชายของตัวเองไปมีสัมพันธ์แนบแน่นกับหญิงอื่น ตอนนี้กู้โม่หานเป็นไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยอย่างเป็นทางการ มีพระชายาเอกทั้งยังมีพระชายารอง และในอนาคตหลังจากนี้ ก็ยังต้องมีสนมนางในสามวังหกตำหนักอีก จะร่วมหอกับหญิงอื่นก็ถือเป็นเรื่องปกติแล้วนี่”
“น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่คนใจคอกว้างขวางอะไร แล้วข้าก็เกลียดผู้ชายที่มีนิสัยโลเลทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ มาก ดังนั้นการหย่ากับท่านอ๋องจึงถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว ทั้งยังจำเป็นต้องหย่าด้วย”
นางไม่ได้พูดอะไรมากมาย แค่อธิบายในส่วนที่ตัวเองจะหย่ากับกู้โม่หานเท่านั้น
ชั่วขณะนั้น มันยากสำหรับเซียงอวี้ที่จะวิเคราะห์แยกแยะเรื่องนี้ให้เข้าใจได้ นางมองไปที่หนานหว่านเยียนพร้อมเสียงสะอื้น แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและยากจะตัดใจ
ในทางตรงกันข้าม เซียงเหลียนกลับดูสงบนิ่งกว่ามาก
แท้จริงแล้วในใจของนาง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยคิดไปถึงผลลัพธ์แบบนี้ แต่ติดที่ว่าพอต้องมาได้ยินเองกับหู ก็ยังรู้สึกทรมานใจมากอยู่ดี
บรรยากาศภายในเรือนดูกดดัน ทั้งยังหนักหน่วงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ในเวลานี้เอง น้ำเสียงสั่นเทิ้มของอวี๋เฟิงก็ดังมาจากนอกประตูเรือน “พระชายา ท่านอ๋องมาแล้ว….”
เขาเองก็ได้ยินเช่นกัน ว่าพระชายาพูดว่าจะหย่ากับท่านอ๋อง แล้วท่านอ๋องก็คงจะได้ยินชัดเจนกว่าเขาด้วยซ้ำ
ติดอยู่แค่ว่าเขาคิดยังไงก็คิดไม่ถึงเด็ดขาด ว่าท่านอ๋องจะรับปากหย่ากับพระชายาได้จริง ๆ น่ะหรือ?
อวี๋เฟิงหันหน้ากลับไป ลอบมองกู้โม่หานที่อยู่ข้างหลังเขาด้วยสีหน้ากังวลใจแวบหนึ่ง
สีหน้าของชายหนุ่มมืดมนอึมครึมอย่างหนัก ดวงตาหงส์เรียวยาวหรี่ลงเล็กน้อย เผยให้เห็นประกายเย็นเยียบชวนสะท้าน ริมฝีปากบางเม้มจนเป็นเส้นตรง ดูแล้วบอกได้คำเดียวเลยว่าเจ้าตัวไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง……