ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 492 ผิดสัญญา

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 492 ผิดสัญญา

สกปรกแทบตายแล้ว? !

ชั่วขณะนั้น คิ้วของกู้โม่หานคล้ายถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งหนา ๆ ขึ้นมาชั้นหนึ่ง ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยปราณอำมหิตอันเย็นเยียบ พยายามระงับความโกรธอย่างสุดกำลัง

วินาทีต่อมา เขาก็คว้าจับข้อมือขาวผ่องของหญิงสาวอย่างรุนแรง ดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน ก้มหน้าลงแล้วจูบนางอย่างหนักหน่วง

รูม่านตาของหนานหว่านเยียนพลันหดตัวลงกะทันหัน ลมหายใจคล้ายถูกเขาช่วงชิงไปชั่วขณะ

กู้โม่หานไอ้ผู้ชายสารเลว เขาร่วมหอกับหยุนอี่ว์โหรวแล้วแท้ ๆ แต่ก็ยังกล้าจูบนางอีกเรอะ!

ช่างเป็นผู้ชายเศษสวะที่ถนัดเหยียบเรือสองแคมซะจริง!

นางส่งเสียงอู้อี้ พยายามดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต แต่ก็ไม่เป็นผล

ยิ่งนางดิ้นรนมากเท่าไหร่ กู้โม่หานก็ยิ่งโกรธจนควบคุมตัวเองไม่อยู่มากขึ้นเท่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เป็นเพราะเขาสับสนเลอะเลือนจนทำให้จำคนผิดไป แต่ในใจของเขามันชัดเจนกระจ่างแจ้งมานานแล้ว

แต่คนที่เขาชอบไม่ได้ชอบเขามาตั้งแต่แรกแล้ว ยิ่งตอนนี้ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ก็ยิ่งทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขาสองคน ดูเหมือนจะห่างไกลออกไปทุกที

กู้โม่หานรู้สึกเหมือนว่า หัวใจของเขากำลังจะระเบิดจนแหลกละเอียดให้ได้แล้ว สัตว์ร้ายที่ถูกสะกดเอาไว้ในส่วนลึกกู่ร้องคำรามด้วยความไม่สบายใจ ชั่วขณะนี้ เขาต้องการแค่อยากจะกักขังนางไว้ ถึงขั้นปรารถนาจะครอบครองนางเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว

เดิมทีพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากันแท้ ๆ การที่สามีภรรยาจะผูกพันเป็นหนึ่งเดียวกัน มันก็เป็นกฎเกณฑ์ตามธรรมชาติของโลกใบนี้ไม่ใช่หรือ? ทำไมนางถึงเอาแต่อยากจะผลักไสเขาออกไป เอาแต่คิดจะจากไปล่ะ?

ทันใดนั้น ริมฝีปากก็พลันเจ็บแปลบขึ้นมา กู้โม่หานถูกผลักออกไปอย่างแรง

หลังจากนั้น น้ำเสียงคมชัดที่เจือความอู้อี้น้อย ๆ ก็ดังทำลายความเงียบขึ้นมา หนานหว่านเยียนเงื้อมือขึ้นตบหน้ากู้โม่หานอย่างแรง “เจ้าเป็นหมาบ้ารึ ? ยังมีสมองรู้จักเหตุรู้จักผลอยู่ไหม?”

ใบหน้าปวดแสบปวดร้อน สติของกู้โม่หานฟื้นกลับคืนมาไม่น้อย ชายหนุ่มยกมือขึ้น ใช้ปลายนิ้วลูบไปบนริมฝีปาก มีของเหลวสีแดงสดติดอยู่บนปลายนิ้วของเขา

เขาเงยหน้าขึ้น ปะทะเข้ากับแววตากระหืดกระหอบระคนลนลานของหนานหว่านเยียน โทสะที่อัดแน่นอยู่ในใจค่อย ๆ ลดลงไปอย่างช้า ๆ

กู้โม่หานจ้องหนานหว่านเยียนด้วยสายตาแน่วนิ่ง พยายามลดน้ำเสียงของตัวเองให้อ่อนโยนที่สุด “หายโกรธแล้วหรือยัง?”

“ถ้าหายโกรธแล้วก็รีบกินข้าวเช้าเถอะ อีกเดี๋ยวก็ต้องไปล่องเรือชมทะเลสาบกับคณะทูตของแคว้นเทียนเซิ่งแล้ว”

หนานหว่านเยียนจ้องกู้โม่หานอย่างเย็นชา “เจ้าไม่ต้องมายุ่ง”

แต่กู้โม่หานกลับแสร้งทำเป็นหูหนวก ถึงขั้นเดินไปนั่งลงที่โต๊ะเองเลยทีเดียว “กินข้าวก่อนเถอะ”

หนานหว่านเยียนรู้สึกหงุดหงิดแทบคลั่ง แค่เห็นใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มก็รู้สึกโกรธแล้ว

นางชี้ไปที่ประตู “ไสหัวออกไปซะ ตอนนี้ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า”

แต่กู้โม่หานกลับทำท่าเหมือนว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น เทน้ำสองแก้วแล้วชำเลืองมองไปที่หนานหว่านเยียน ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติอย่างมากว่า “เช้านี้เจ้าอยากกินอะไร?”

เมื่อเห็นว่าเขาทำท่าไม่สะทกสะท้าน หนานหว่านเยียนก็โกรธจนแทบกระอักเลือดออกมาให้ได้แล้ว “ทำไมก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่เคยรู้เลยนะ ว่าเจ้าเป็นพวกหน้าด้านไร้ยางอายขนาดนี้? ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าข้าอยากกินมื้อเช้าพร้อมกับเจ้า? ”

กู้โม่หานไม่อยากให้เกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งใด ๆ กับหนานหว่านเยียนให้มากไปกว่านี้ จึงพูดเสียงเย็นชาไปที่หน้าประตูว่า “เซียงอวี้!”

เซียงอวี้กำลังช่วยหาหยกพกให้หนานหว่านเยียนอยู่ในสวนพอดี เมื่อได้ยินเสียงเรียก ก็รีบวิ่งตัวสั่นงันงกไปที่หน้าประตูเรือนทันที “ท่านอ๋อง พระชายา มีอะไรจะสั่งข้าน้อยหรือเจ้าคะ?”

น้ำเสียงของกู้โม่หานเย็นชาอย่างยิ่ง เขาเหลือบมองหนานหว่านเยียนที่โกรธจนตาแดงก่ำแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ไปเตรียมอาหารเช้ามา ข้ากับพระชายาจะกินมื้อเช้าในเรือนนี้”

“เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะรีบไปเตรียมเดี๋ยวนี้” เซียงอวี้เลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจครู่หนึ่ง แล้วรีบตอบรับคำสั่ง

แต่นางเพิ่งจะหันหลังเดินออกไปได้ยังไม่ถึงสองก้าวด้วยซ้ำ ก็ได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจของหนานหว่านเยียนดังออกมาจากในเรือน

เซียงอวี้ขมวดคิ้วอย่างหนัก รู้สึกแค่ว่าเรื่องนี้วุ่นวายจนบานปลายเป็นเรื่องใหญ่มากจริง ๆ

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นว่า หนานหว่านเยียนมีท่าทางเย็นชาระคนรังเกียจกู้โม่หานขนาดนี้ กระทั่งเรื่องหย่าก็ยังพูดออกมาได้หน้าตาเฉยแล้ว

แต่ความสงสัยก็ส่วนสงสัย สิ่งที่ทำให้นางงุนงงยิ่งกว่าก็คือ เมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แล้วชายารองหยุนไปร่วมหอกับท่านอ๋องได้อย่างไร

เห็น ๆ อยู่ว่าพระชายากลับมาดึกมาก ถ้าจะร่วมหอ ก็ควรเป็นพระชายากับท่านอ๋องถึงจะถูกสิ…..

เซียงอวี้รู้สึกงงงันจนจับต้นชนปลายไม่ถูก นางอยากจะสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง แต่ตอนนี้ต้องรีบไปเตรียมอาหารเช้าก่อน

หนานหว่านเยียนมองท่าทางที่คล้ายว่าเป็นเจ้าเรือนเสียเองของกู้โม่หาน มั่นคงหนักแน่นดุจดั่งเทพเจ้าประจำบ้านก็ไม่ปาน ไฟโทสะในใจก็ยิ่งประทุจนระงับไม่ลง

“กู้โม่หาน เจ้าเอาแต่ท้าทายขีดความอดทนของข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าคงไม่อยากจะร่วมมือกันอีกต่อไปแล้วสินะ?”

เมื่อได้ยินดังนั้น กู้โม่หานก็จ้องหนานหว่านเยียนด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่เคยพูดเลยนะว่าจะไม่ร่วมมือกันแล้ว”

หนานหว่านเยียนแค่นยิ้มเย็นชา “ในเมื่อเจ้ายังคิดอยากจะร่วมมือกันต่อ ก็จงไสหัวออกไปจากเรือนของข้าเดี๋ยวนี้!”

“ขอแค่เจ้าออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ข้าก็ยังจะยึดตามความร่วมมือที่ผ่านมา ก็คือรักษาเสิ่นอี่ว์กับหยีเฟยต่อไป ช่วยเจ้าชิงบัลลังก์ ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ ข้าจะพายัยหนูทั้งสองออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย”

นางอดทนมามากพอแล้ว ทนมาพอแล้วกับสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่ง แต่ตัวเองอ่อนแอไร้ทางตอบโต้ ทนมาพอแล้วกับค่านิยมหนึ่งสามีหลายภรรยา ทนมาพอแล้วกับความโลเลไม่แน่นอนของกู้โม่หาน

นางไม่ใช่พวกลูกพลับนิ่ม ที่จะยอมถูกใครบีบคั้นเหยียบย่ำได้ตามอำเภอใจ ถ้าไม่ใช่เพราะลูกของนางยังเล็กขนาดนั้น ถ้าไม่เพราะนางต้องต่อสู้เพื่อหาทางออกให้ลูกทั้งสอง ตอนนี้นางก็คงจะจากไปชนิดไม่เหลียวหลังตั้งนานแล้ว

กู้โม่หานรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างมาติดอยู่ในลำคอของเขา ริมฝีปากบางขยับน้อย ๆ มองไปที่หนานหว่านเยียนที่โกรธจัดจนแทบไม่เผาผี ชั่วขณะหนึ่งเขาคล้ายจะร่วงตกลงสู่ภวังค์ฝันร้าย สองตามืดทะมึน

“หนานหว่านเยียน แท้ที่จริงแล้วเจ้าก็ถือสาสินะ? ถึงได้โกรธมากมายขนาดนี้ ถึงได้ทนมองข้าไม่ได้แบบนี้”

นางต้องถือสาอะไรล่ะ? เรื่องที่พวกเขาร่วมหอกันน่ะรึ?

น่าขำ! นางจะถือสาได้ยังไงล่ะ!

แต่นิ้วของหนานหว่านเยียนกำเป็นหมัดแน่น “กู้โม่หาน เรื่องพวกนั้นมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ข้าจะไม่ท้าทายขีดจำกัดขั้นต่ำสุดที่ตัวเองตั้งไว้ เจ้าหลุดออกจากเกมไปนานแล้ว เรื่องของเจ้ากับหยุนอี่ว์โหรวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแค่เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า การตัดสินใจของข้านั้นมันถูกต้อง”

“รีบ ๆ ไปให้พ้นหน้าข้าซะ อย่ามาทำให้ข้ารำคาญ”

หลุดออกจากเกมไปแล้ว?

ร่างกายของกู้โม่หานพลันแข็งทื่อทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลุกขึ้น มองไปที่นาง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาระคนแหบแห้งว่า

“ข้าออกไปก็ได้ แต่ก่อนจะไปข้ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องชี้แจงกับเจ้าให้ชัดเจน”

“เรื่องระหว่างข้ากับชายารองหยุน หลังจากนี้ไปจะไม่มีการสานต่อกันอีกเด็ดขาด ส่วนเรื่องที่ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ข้าจะสืบสวนให้รู้ชัด..…”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ข้าฟังทั้งนั้น”

หนานหว่านเยียนไม่แม้แต่จะมองเขา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความแปลกแยกห่างเหิน “แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยจำกัดเสรีภาพของเจ้า ขอแค่เจ้าไม่ละเมิดข้อตกลงในการร่วมมือกัน ข้าก็พร้อมจะติดตามเจ้า ให้ความร่วมมือกับเจ้า”

“แต่ว่านะกู้โม่หาน เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมากจริง ๆ ไม่ว่าเมื่อไหร่เจ้าก็ผิดสัญญาตลอด นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ข้าจะเชื่อใจเจ้า ถ้าครั้งหน้าเจ้ายังทำผิดสัญญาทั้งยังแตะต้องข้าอีกล่ะก็ จากนี้ไปก็อย่าได้พูดเรื่องอะไรระหว่างเราอีกแม้แต่เรื่องเดียว ข้าจะไปจากที่นี่แน่…… ”

ชั่วพริบตานั้น ดวงตาของกู้โม่หานก็หดเกร็งลงอย่างหนัก…..

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท