ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 495 พลีกายถวายชีวิตให้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 495 พลีกายถวายชีวิตให้

ต้องยอมว่า กู้โม่หานเป็นผู้ชายที่กล้าหาญ ทั้งยังหน้าตาหล่อเหลามากจริง ๆ ถ้านางได้แต่งให้เขา ได้เป็นภรรยาอย่างถูกต้องล่ะก็ คงเป็นเรื่องที่มีความสุขมากแน่ ๆ

เมื่อหนานหว่านเยียนเห็นว่ากู้โม่หานช่วยชีวิตฉินมู่ไป๋ไว้ได้ ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรมากมาย แต่แววตากลับค่อย ๆ มืดทะมึนลง

“ถอย!” นักฆ่าที่ถือดาบเห็นว่าไม่มีหนทางสำเร็จแน่แล้ว จึงหันไปตะโกนใส่กลุ่มนักฆ่าทันที

ทันใดนั้น นักฆ่าหลายคนก็ขว้างระเบิดควันลงบนพื้น จากนั้นทั้งหมดก็กระโดดลงไปในน้ำเพื่อหลบหนี

ดวงตาของกู้โม่หานหรี่ลงทั้งยังมืดทะมึน “ตาม!”

“รับทราบ!” เหล่าราชองครักษ์ตอบรับทันที แล้วพากันมุ่งหน้าไปทางป่าหอแจ้งสัญญาณอย่างพร้อมเพรียง

ฉินอี้หรานพุ่งตรงมาข้างตัวฉินมู่ไป๋อย่างรวดเร็ว “มู่ไป๋ เจ้าไม่เป็นไรนะ?”

ฉินมู่ไป๋เอาแต่จ้องมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของกู้โม่หาน แทบจะลืมตอบคำถามอยู่แล้ว “ข้า….. ไม่เป็นไร”

นางมองกู้โม่หานด้วยแววตาชื่นชมยินดีอย่างปิดไม่มิด “ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย ในเมื่อท่านช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”

กู้โม่หานกระตุกแขนเสื้อกลับทันที พูดอย่างเย็นชาว่า “แค่ช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ องค์หญิงไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไรทั้งนั้น”

แต่ฉินมู่ไป๋กลับตอแยกู้โม่หานไม่เลิกรา “แบบนั้นไม่ได้หรอก! ในเมื่อเจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าก็ควรต้องตอบแทนบุญคุณ ไม่สู้ให้ข้าพลีกายถวายชีวิตให้เจ้าดีหรือไม่?”

พลีกายถวายชีวิต?

สีหน้าของกู้โม่หลิงถึงกับดำทะมึน แววตาเก็บซ่อนเจตนาร้ายสาดประกายดั่งปลายมีดคมกริบ

“องค์หญิง โปรดอย่าได้เอาเรื่องแต่งงานมาพูดล้อกันเล่นเช่นนี้” แววรังเกียจเดียดฉันท์สายหนึ่งปรากฏวาบขึ้นในดวงตาของกู้โม่หาน แต่เจ้าตัวกลับเผลอเหลือบตามองไปทางหนานหว่านเยียนโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเห็นว่านางไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลย ความโกรธก็พลุ่งพล่านขึ้นในดวงตาของเขาทันที ฉินมู่ไป๋ถึงกับจู่โจมอย่างชั่วร้ายเปิดเผยไม่มีความละอายใด ๆ ขนาดนี้แล้วแท้ ๆ หนานหว่านเยียนกลับไม่รู้จักลุกขึ้นมาปกป้องเขาบ้างเลยหรือ?

เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลย วางตัวเองเหมือนเป็นคนนอกอีกต่อไปแล้ว

กู้โม่หานตรงดิ่งเข้าไปคว้าข้อมือของหนานหว่านเยียนอย่างแรง แล้วลากตัวนางมาข้าง ๆ ฉินมู่ไป๋ “องค์หญิงฮั่นเฉิงได้รับบาดเจ็บ เจ้าช่วยดูอาการให้นางหน่อย”

จู่ ๆ หนานหว่านเยียนก็ถูกกู้โม่หานลากให้เดินตามไปหลายก้าว และด้วยความที่ช่วงก้าวขามันกว้างขึ้นกว่าเดิม ทำให้ทั่วร่างของนางพลันปวดแปลบขึ้นมาอีก

นางเม้มปากแน่น “ได้”

นางรู้สึกรำคาญมาก ที่กู้โม่หานเอาแต่โยนพวกผู้หญิงที่เป็นชะตาดอกท้อเน่าหนอนเหล่านี้มาให้เรื่อย ๆ แต่ฉินมู่ไป๋คนนี้ยังไงนางก็ต้องรับ

ฉินมู่ไป๋แอบลอบกัดกู้โม่หานแบบลับ ๆ เพราะฉะนั้นนางก็จะลอบกัดฉินมู่ไป๋แบบลับ ๆ บ้าง

คนที่ทำให้กำหนดหย่าร้างในชีวิตของนางต้องเปลี่ยนไป ก็คือฉินมู่ไป๋คนนี้นี่แหล่ะที่ทำความผิด

ฉินมู่ไป๋ทำได้แค่ยืนมองตาปริบ ๆ ดูกู้โม่หานลากตัวหนานหว่านเยียนมาตรงหน้า ในใจแอบรู้สึกชิงชัง แต่ในขณะเดียวกันก็สับสนงงงันไปด้วย

นางรู้ว่าหนานหว่านเยียนคงจะไม่มีความทรงจำของเมื่อคืนนี้หลงเหลืออยู่แน่ เพราะนั่นคือฤทธิ์ของกู่ แต่พอมาดูตอนนี้ ทำไมถึงดูเหมือนว่ากระทั่งกู้โม่หานก็สูญเสียความทรงจำไปด้วยเลยล่ะ?

หรือเขาไม่รู้ว่าตอนนี้หนานหว่านเยียนกำลังทรมานมาก? ถึงได้ไร้ความเห็นอกเห็นใจ ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุพผา ปฏิบัติต่อนางอย่างหยาบคาย ทั้งยังบังคับให้หนานหว่านเยียนมารักษานางอีก?

ในใจของนางพลันมีความเคลื่อนไหว หยักยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน

“คิดไม่ถึงเลยนะ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยกับไท่จื่อเฟยจะไม่ใช่อย่างที่ข้าเคยคิดไว้”

หนานหว่านเยียนหันไปมองฉินมู่ไป๋อย่างนึกสงสัย ล้วงหยิบถุงใส่เข็มออกจากอกเสื้อ แล้ววางมันลงบนพื้น หยิบเข็มเงินเล่มที่หนาที่สุดออกมา “ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านอ๋องก็ดีมากมาโดยตลอดเลยนะ ไม่ทราบว่าที่องค์หญิงฮั่นเฉิงคิดไว้มันเป็นอย่างไรรึ?”

ฉินมู่ไป๋กลับยกยิ้มมุมปากอย่างมีนัยแฝง “ดี ? ถ้าอย่างนั้นก็คงจะดีมากจริง ๆ นั่นแหล่ะ”

กู้โม่หานอาจจะชอบหนานหว่านเยียนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ชอบมากมายขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นแล้วเขาก็คงไม่มีทางตัดใจ ปล่อยให้หนานหว่านเยียนต้องเผชิญกับความทรมาทรกรรมถึงขนาดนี้ได้แน่

หนานหว่านเยียนไม่รู้จริง ๆ ว่าฉินมู่ไป๋กำลังเล่นปริศนาคำใบ้อะไรอยู่กันแน่ แค่เผชิญการลอบสังหารครั้งเดียว ฉินมู่ไป๋ก็ค้นพบได้แล้วหรือ ว่านางกับกู้โม่หานไม่ลงรอยกัน?

นางก็ไม่สนใจเหมือนกัน ยกถุงใส่เข็มเงินขึ้นมากวัดแกว่งตรงหน้าของฉินมู่ไป๋

“เข็มนี้พอฝังลงไปอาจรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง ทางที่ดีองค์หญิงควรอดทนไว้หน่อยจะดีกว่านะ”

ปลายเข็มทอประกายแสงสีเงินเย็นเยียบ เมื่อได้เห็นดังนั้นหัวใจของฉินมู่ไป๋ก็พลันสั่นสะท้าน นางหดตัวไปข้างหลังเล็กน้อยอย่างระแวดระวัง “ข้าได้รับบาดเจ็บจากคมดาบ จะต้องฝังเข็มไปทำไม?”

หนานหว่านเยียนออกแรงกดที่แขนของนางเต็มแรง หัวเราะอย่างชวนหลงใหล “เจ้าดูสิ ปากแผลของเจ้าดำถึงขนาดนี้ ถ้าเกิดโดนพิษขึ้นมาแล้วไม่ฝังเข็มไล่พิษล่ะก็ อาจถึงตายได้เลยนะ”

“แต่ถ้าองค์หญิงไม่เต็มใจก็แล้วไปเถอะ”

ฉินอี้หรานขมวดคิ้วมุ่น พลางมองสลับไปมาระหว่างหนานหว่านเยียนกับฉินมู่ไป๋ จากนั้นจู่ ๆ ก็ตบที่หัวของฉินมู่ไป๋ “อย่าทำตัววุ่นวาย ฟังไท่จื่อเฟย”

“พี่ชาย” ฉินมู่ไป๋มีท่าทางไม่ยินยอมเล็กน้อย แผลนี้มันมีพิษหรือไม่นางจะไม่รู้เลยเชียวรึ? แต่ยังพูดไม่ทันจบ จู่ ๆ ที่หัวไหล่ก็รู้สึกปวดแปลบขึ้นมาอย่างรุนแรง “อ๊า ——”

นี่มันเจ็บนิดหน่อยซะที่ไหนล่ะ ทั้งยังจงใจเจาะเข้าที่จุดฝังเข็มที่เจ็บที่สุดของนางด้วย!

กู้โม่หลิงกับกู้โม่หานมองดูอยู่อีกด้าน ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ

ฉินมู่ไป๋เจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาให้ได้แล้ว มองไปที่ฉินอี้หรานด้วยสายตาที่ราวกับจะร้องขอความช่วยเหลือ “พี่ชาย ทักษะทางการแพทย์ของนางย่ำแย่สิ้นดีเลย ทำข้าเจ็บแทบตายแล้ว!”

ฉินอี้หรานดูมีท่าทีสนใจอย่างมาก เขาแค่อยากจะรู้ว่าหนานหว่านเยียนจะรักษาอาการบาดเจ็บนี้อย่างไร “หมอทำการตรวจรักษา ย่อมมีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป เจ้าก็อดทนหน่อยเถอะ”

หนานหว่านเยียนพูดเบา ๆ ว่า “ข้าขอแนะนำองค์หญิงว่าไม่ควรเคลื่อนไหวสะเปะสะปะ ไม่อย่างนั้นแล้วเกิดข้าพลาดพลั้ง เผลอไปแทงโดนส่วนอื่น ความเจ็บปวดที่ตามมาจะไม่ใช่ขั้นธรรมดา ๆ เลยเชียวล่ะ”

ฉินมู่ไป๋รู้สึกว่าหนานหว่านเยียนตั้งใจทรมานนางแน่ ๆ จึงพยายามดิ้นรนสะบัดมือของหนานหว่านเยียนออกไปให้พ้นตัว “ไม่ต้องให้ถึงมือไท่จื่อเฟยหรอก ข้ารักษาตัวเองก็ได้!”

พูดพลาง นางก็ใช้นิ้วกดลงบนจุดฝังเข็มเพื่อห้ามเลือด

แต่ใครจะรู้ล่ะว่า จุดที่นางเพิ่งถูกหนานหว่านเยียนใช้เข็มเงินแทงลงไปเมื่อครู่ ไม่เพียงแต่เลือดจะไม่หยุดไหลเท่านั้น ในทางกลับกันยังมีเลือดสีดำสนิทไหลออกมาไม่หยุดอีกด้วย

ฉินมู่ไป๋ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที รีบกดตามจุดชีพจรฝังเข็มอีกสองสามจุด แต่ก็ไม่ได้ผล “เจ้า…นี่เจ้าทำอะไรกับข้า?!”

หนานหว่านเยียนพูดขึ้นแบบไม่อ้อมค้อมว่า “ข้าก็บอกแล้วอย่างไรล่ะ ว่าองค์หญิงไม่ควรขยับสะเปะสะปะ ตอนนี้ได้เรื่องแล้วไหม เลือดไหลไม่หยุดแล้ว จะให้ข้าทำอย่างไรต่อดีล่ะทีนี้?”

นางตั้งใจแน่ ๆ ตั้งใจสั่งสอนฉินมู่ไป๋แบบหนัก ๆ ไปหนึ่งคำรบ

สีหน้าของฉินอี้หรานมืดทะมึนลงทันที มองหนานหว่านเยียนด้วยสายตาสำรวจตรวจสอบ

ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจอย่างที่คิดจริง ๆ แค่ลงมือเล่น ๆ สองสามกระบวนท่า ก็ทำให้มู่ไป๋ลนลานจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว

กู้โม่หานยังคงรักษาสีหน้าได้นิ่งสนิท นัยน์ตาหงส์ของเขาไม่แสดงความตระหนกวิตกใด ๆ ทั้งสิ้น

มีเพียงฉินมู่ไป๋คนเดียว ที่เมื่อมองตรงเข้าไปในดวงตาของหนานหว่านเยียน กลับรู้สึกหนาวเยือกจนหัวใจสั่นสะท้าน

ผู้หญิงคนนี้ดู ๆ ไปแล้ว เหมือนว่าจะเป็นคนที่น่ากลัวกว่าที่นางเคยคิดไว้มากทีเดียว…..

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท