ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 502 ไม่สบอารมณ์
“พระชายากำลังมองอะไรอยู่รึ?”
แรงกำลังของกู้โม่หานแข็งกร้าวรุนแรง ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเมื่อคืนหนานหว่านเยียนเจ็บปวดด้วยบาดแผลไปทั้งตัวก็เพราะเขา ถูกเขาบีบเข้าที่เอวอย่างแนบแน่น ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายตัว
นางขมวดคิ้วทันที อยากจะสะบัดมือของเขาออกไปโดยสัญชาตญาณ แต่กลับไม่ขยับสักนิด
“ในเรือนจะมีอะไรให้ดู” หนานหว่านเยียนเหลือบมองเขาด้วยหางตาแวบหนึ่ง “ท่านอ๋องไม่ได้อยู่กับเสด็จแม่หรือเพคะ ทำไมถึงมาที่เรือนของข้าได้?”
โม่หลีที่จับสีหน้าท่าทางการแสดงออกของหนานหว่านเยียนได้ แววตาเย็นชาลงไปในทันที ในดวงตาซ่อนไปด้วยความดุดันที่สังเกตเห็นได้ยาก
สายตาของโม่หวิ่นหมิงกวาดมองมือของกู้โม่หานที่โอบช่วงเอวของหนานหว่านเยียนด้วยท่าทางแสดงอำนาจความเป็นเจ้าของ แล้วขมวดคิ้วขึ้น
มีเพียงเจ้าตัวเล็กทั้งสองเท่านั้นที่เก็บหยกแขวนไว้ดีแล้วก็เพ่งมองดูกู้โม่หานตรงๆ
ดวงตางดงามเรียวยาวที่แสนจะเย็นชาดุจน้ำแข็งของกู้โม่หาน จับจ้องที่ดวงตาของหนานหว่านเยียน “ไม่ว่ายังไงก็เป็นวันแรกของปีใหม่ ข้านำของขวัญมามอบให้เหล่าลูกสาว”
“ยิ่งไปกว่านั้น โม่เซียนเซิงที่เป็นคนนอกผู้หนึ่งยังมาได้ ข้ามาไม่ได้รึ?”
กู้โม่หานเน้นย้ำคำว่า “คนนอก” สองคำนั้นหนักแน่นมาก
โม่หวิ่นหมิงก็ช่างแล้ว แม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ก็ยังยึดครองชื่อการเป็นท่านน้าไปแล้ว
แต่โม่หลีนับว่าเป็นใครกัน?
ยัยตัวเล็กทั้งสองสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันคุกรุ่นที่ซ่อนเร้นอยู่ของพวกผู้ใหญ่ได้ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะการเสียดสีอย่างเย็นชาในน้ำเสียงของกู้โม่หาน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะโกรธเคืองขึ้นมานิดหน่อย
โม่เซียนเซิงปฏิบัติต่อพวกนาง รวมทั้งท่านแม่และท่านน้าเป็นอย่างดีมาก ทำไมพ่อสารเลวนี่ถึงได้ชอบมีปัญหากับโม่เซียนเซิงอยู่เสมอ?
เกี๊ยวน้อยทำแก้มตุ่ย มือน้อยๆทั้งสองข้างเท้าสะเอว ดวงตากลมๆเพ่งมองกู้โม่หาน
“ท่านปู่หมิงและโม่เซียนเซิงก็เอาของขวัญมาให้ ตามลำดับก่อนหลัง ท่านมาทีหลัง ท่านไม่เพียงจะต้องต่อแถวดีๆ แถมยังห้ามดุใส่โม่เซียนเซิงและท่านปู่หมิงอีกด้วย รู้หรือไม่!”
ซาลาเปาน้อยพยักหน้า “ท่านพี่พูดถูก!”
กู้โม่หานก้มหน้า มองดูยัยสาวน้อยตัวกลมๆทั้งสอง ใจอ่อนลงมาในทันที
แต่เห็นได้ชัดว่ายัยตัวเล็กทั้งสองเอนเอียงไปทางโม่หวิ่นหมิงและโม่หลี นี่ทำให้ในจิตใจของเขารู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งขึ้น
เขาขมวดคิ้วแล้วกล่าว “ข้าไปดุพวกเขาเมื่อไหร่กัน?”
ความสนใจของกู้โม่หานถูกเบี่ยงเบน หนานหว่านเยียนฉวยโอกาสผละออกจากอ้อมแขนของเขา “โม่เซียนเซิงมามอบขวัญให้ยัยตัวเล็กทั้งสอง เขาเป็นอาจารย์ของยัยตัวเล็กทั้งสอง เป็นอาจารย์หนึ่งวันเปรียบดั่งเป็นพ่อไปชั่วชีวิต จะนับว่าเป็นคนนอกได้ยังไง?”
“ข้าว่าท่านอ๋องไม่ได้ดูเหมือนจะมาให้ของขวัญ หากว่าไม่มีธุระอะไร ก็เชิญกลับไปเถอะเพคะ”
ถูกหนานหว่านเยียนและยัยตัวเล็กทั้งสองปกป้องไว้ ในดวงตาของโม่หลีก็มีความสุขและความเอ็นดูบางๆ
แต่กู้โม่หานนั้นกลับกัน ดวงตาของเขามืดครึ้มลงเล็กน้อย จิตใจอัดอั้นจ้องเขม็งไปที่หนานหว่านเยียน แต่ก็กลับฝืนทนกล้ำกลืนทั้งหมดไว้
“ข้ามีของขวัญจะมอบให้แน่นอน”
เขาก้มหน้าลงมองใบหน้าเยาว์วัยไร้เดียงสาของเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อย ย่อตัวลง
ทันทีหลังจากนั้น เขาก็หยิบแท่งทองคำสองแท่งออกมาจากหน้าอก ยื่นให้สองพี่น้อง แววตาอันลึกซึ้งจับจ้องไปที่สองพี่น้อง
“หนานจือ หนานเสี่ยว นี่เป็นของที่พวกข้ารู้จักกันในปีแรก ก่อนหน้านี้พ่อไม่ได้ดูแลและอยู่เป็นเพื่อนพวกเจ้าให้ดีๆ ต่อจากนี้จะชดเชยให้พวกเจ้ามากขึ้น ขอให้ลูกสาวของพ่อมีความสุขอย่างไร้ขีดจำกัด สุขภาพแข็งแรงตลอดไป ไร้ทุกข์ไร้โศกเช่นนี้ตลอดไป”
ทีแรกเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยยังโกรธเคืองกู้โม่หานอยู่ เพราะตอนเช้าพวกนางได้ยินข่าวลือบางอย่าง บอกว่าพ่อสารเลวกับผู้หญิงชั่วที่รังแกท่านแม่ผู้นั้นทำเรื่องอะไรบางอย่าง ทำให้ท่านแม่เสียใจแล้ว
แต่ตอนนี้ ทั้งสองพี่น้องเห็นกู้โม่หานอวยพรให้พวกนางด้วยความรักและความเอ็นดูอย่างจริงจังเพียงนี้ จิตใจก็อ่อนลงอย่างอดไม่ได้
ยังไงพ่อสารเลวก็ดีกับพวกนางเป็นอย่างมาก
แต่ท่านแม่ถูกรังแกแล้ว พวกนางไม่สามารถรับมาได้
ความคิดนี้ยังไตร่ตรองไม่เสร็จ ทองคำแท่งหนึ่งก็ถูกยัดใส่ในมือของเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อย
“ของขวัญปีใหม่ ปฏิเสธไม่ได้ หากกลัวว่าจะทำหาย ก็มอบให้ท่านแม่ของพวกเจ้าเก็บรักษาไว้”
เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยมองไปทางหนานหว่านเยียนทันที
หนานหว่านเยียนมองดูเจ้าตัวเล็กทั้งสองที่ท่าทางสับสน สุดท้ายก็พยักหน้า ยิ้มและลูบหัวของเจ้าตัวเล็กทั้งสอง
“รับไว้เถอะ”
ต้องพูดแน่นอนว่า สำหรับเด็กๆแล้วกู้โม่หานนั้นใจกว้างจริงๆ มีเขาอยู่ ก็แทบจะไม่ได้ทำให้ยัยตัวเล็กทั้งสองขุ่นข้องหมองใจเลย
เรื่องของนางกับเขา ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวโยงไปถึงเด็กๆ
ยัยตัวเล็กทั้งสองเห็นหนานหว่านเยียนเห็นด้วยแล้ว จึงรับทองคำไว้ กล่าวขอบคุณไปทางกู้โม่หาน
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง”
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง”
เจ้าตัวเล็กทั้งสองล้วนไม่ได้เรียกเสด็จพ่อ เห็นได้ชัดว่ายังโกรธอยู่ จิตใจของกู้โม่หานถูกทิ่มแทงอย่างรุนแรง ลุกขึ้นยืนช้าๆ
โม่หลีและโม่หวิ่นหมิงยืนดูอยู่ด้านข้าง ไม่ได้เปล่งเสียง
กู้โม่หานมองไปทางโม่หลีและโม่หวิ่นหมิง ดวงตาอันงดงามเรียวยาวหรี่ลง สายตามีเจตนาอันเป็นศัตรูเล็กน้อย
“โม่เซียนเซิง ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่าน”
พูดจบ เขาก็หมุนตัวแล้วเข้าไปในห้องรับแขก
โม่หวิ่นหมิงขมวดคิ้วทันที แต่โม่หลีกลับสงบนิ่ง มองดูหนานหว่านเยียนแวบหนึ่ง “พระชายา วันนี้เป็นวันสำคัญ จึงไม่มีเข้าเรียน สายสักหน่อยโม่หลีจะพาเสี่ยวจวิ้นจู่ทั้งสองไปทำกิจกรรมเล็กน้อย ท่านพาพวกนางไปที่ห้องเรียนก่อนละกันพ่ะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวข้าน้อยจะตามไป”
“ได้” หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วขึ้น นัยน์ตามีความกังวลเล็กน้อย แต่กู้โม่หานไม่ใช่คนเลวคนชั่วช้า จะไม่ทำอะไรโม่หลี “ลำบากเซียนเซิงแล้ว”
โม่หลีทำความเคารพหนานหว่านเยียน จากนั้นก็สาวเท้าตามกู้โม่หานไป ทั้งยังปิดประตูห้องอีกด้วย
หนานหว่านเยียนเห็นดังนั้น จึงกล่าวกับโม่หวิ่นหมิงว่า “ท่านน้า รบกวนท่านพายัยตัวเล็กทั้งสองไปก่อน ข้าจะรออยู่ตรงนี้”
โม่หวิ่นหมิงพยักหน้า แววความเย็นชาเฉียบคมแวบผ่านในตา “ได้”
พูดจบ เขาก็พายัยตัวเล็กทั้งสองไปทางด้านหลังของเรือน
โม่หวิ่นหมิงพาสาวน้อยทั้งสองมายังห้องที่ใช้สำหรับการเรียนโดยเฉพาะ กำชับอาจี้ให้อยู่กับพวกนางก่อน ตัวเองกลับหมุนตัวกลับเข้าห้อง นิ้วมือเคาะไปบนที่เท้าแขนของรถเข็น เงาคนปรากฏตัวขึ้นตรงร่มเงามืดทันที “นายท่าน”
“จับตาดูความเคลื่อนไหวของโม่เซียนเซิงและกู้โม่หานทางนั้นอย่างใกล้ชิด อย่าให้มีเรื่องพลาดพลั้งอะไรเกิดขึ้นกับโม่เซียนเซิงเด็ดขาด!” น้ำเสียงของโม่หวิ่นหมิงเย็นชาจนน่ากลัว
“ขอรับ” หลังจากที่เงาคนตอบรับ ก็หายตัวไปจากร่มเงามืดด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึมทันที…….