ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 503 บีบบังคับ

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 503 บีบบังคับ

และในขณะเดียวกัน ในห้องโถงใหญ่

ดวงตาสีดำขลับทั้งคู่ของกู้โม่หาน เพ่งมองไปทางโม่หลีที่มีท่าทางจริงจังเบื้องหน้าอย่างจดจ่อ นัยน์ตามีการพินิจพิเคราะห์เล็กน้อย

โม่หลีไม่สนใจอำนาจกดดันที่อยู่รอบตัวของกู้โม่หานสักนิด ลูบแหวนหยกที่สวมที่นิ้วโป้ง เอ่ยปากว่า

“ท่านอ๋อง เสี่ยวจวิ้นจู่ทั้งสองยังรอให้ข้าน้อยถ่ายทอดความรู้เพื่อคลายความสงสัยอยู่ หากว่าท่านอ๋องเรียกข้าน้อยมา เพียงเพราะอยากมองดูข้าน้อย จะต้องเปลืองเวลาทำไม ข้าน้อยวาดรูปเหมือนให้ท่านอ๋อง ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

กู้โม่หานหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาเสียงหนึ่ง เสียงเย็นชาจนทำให้คนขนลุก “โม่เซียนเซิงพูดจาเหิมเกริมเช่นนี้ หากวันนี้เปลี่ยนเป็นคนอื่น เซียนเซิงจะมีหัวกี่หัวก็คงไม่พอให้บั่น”

โม่หลียิ้มอย่างสบายๆ “ท่านอ๋องพูดเรื่องสำคัญดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”

กู้โม่หานก็ไม่อ้อมค้อมอีก เอ่ยปากพูดอย่างตรงไปตรงมา “ข้าสามารถมอบเงินให้ท่านสองหมื่นตำลึงได้ ท่านก็รีบออกไปจากจวนของข้าซะเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่นี้ไปห้ามเหยียบเข้ามาในเมืองหลวงอีกแม้แต่ก้าวเดียว”

หมู่นี้ เขาเห็นท่าทีการปกป้องโม่หลีทุกรูปแบบของหนานหว่านเยียนและยัยตัวเล็กทั้งสองก็รู้ว่า ภัยคุกคามของโม่หลีนั้นสูงกว่าโม่หวิ่นหมิงมากนัก

ดังนั้นเขาไม่สามารถใช้ไม้แข็งกับโม่หวิ่นหมิงได้ หนานหว่านเยียนเฉลียวฉลาดมาก นอกจากกักตัวนางไว้ เขาก็ไม่อยากเล่นลูกไม้อะไรกับนาง

ยิ่งไม่อยากเดินจนห่างไกลจากนางไปเรื่อยๆ

น้ำเสียงของกู้โม่หานเต็มไปด้วยคำเตือนและการข่มขู่ หากเป็นคนธรรมดาได้ฟัง จะต้องหวาดกลัวตกใจจนฉี่ไหลรีบตอบตกลงอย่างติดต่อกันเป็นแน่

แต่โม่หลีเพียงแค่เลิกคิ้ว มองไปทางกู้โม่หานด้วยท่าทางประหลาดใจแวบหนึ่ง

เขาส่ายศีรษะโดยไม่แยแส วาจาเฉียบคม

“ท่านอ๋อง ข้าน้อยเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วสารทิศ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเห็นความสำคัญของชื่อเสียงเงินทองความร่ำรวย ข้าน้อยเพียงแค่ชอบเป็นอาจารย์ของเสี่ยวจวิ้นจู่ทั้งสอง เงินสองหมื่นตำลึงของท่านนี้เก็บกลับไปจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยยากที่จะทำตามรับสั่งได้”

สีหน้าของกู้โม่หานเปลี่ยนไปทันที หรี่ตาลงครึ่งหนึ่งเพ่งมองโม่หลี ริมฝีปากบางๆยกโค้งขึ้นอย่างเย็นยะเยือก

“คิดไม่ถึงว่าโม่เซียนเซิงอายุยังน้อย ก็มีความแน่วแน่ได้เพียงนี้ ช่างเป็นคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ”

ปัญญาชนธรรมดาผู้หนึ่ง จะมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีสูงส่งขนาดนี้ได้อย่างไร ทำเหมือนเงินหมื่นตำลึงเป็นสิ่งของที่ว่างเปล่า

ยิ่งกว่านั้นยังไม่มีความหวาดกลัวอำนาจความร่ำรวยแม้สักนิด คนเช่นนี้ผู้หนึ่ง จะธรรมดาได้อย่างไร?

โม่หลีคือใครกันแน่ และจุดประสงค์ของเขาคืออะไรกัน?

โม่หลีมองดูกู้โม่หานแวบหนึ่ง “ท่านอ๋องชื่นชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยเพียงแค่เห็นมามากไปหน่อยเท่านั้น จึงพูดหลักการสำคัญเรื่อยเปื่อยได้บ้าง”

“แต่ ไม่ว่าท่านอ๋องจะว่าอย่างไร ข้าน้อยก็จะไม่จากไปด้วยตัวเอง ข้าน้อยถูกชะตากับเสี่ยวจวิ้นจู่ทั้งสองเป็นอย่างมาก พูดคุยกันได้อย่างถูกคอเป็นที่สุด ทำใจจากไปไม่ลงพ่ะย่ะค่ะ”

สิ้นสุดคำพูด โม่หลีเห็นได้ชัดว่าใบหน้าของกู้โม่หานบึ้งตึงขึ้นเล็กน้อย

เขาหัวเราะเยาะในใจ และเพิ่มเติมอีกสองประโยค “อันที่จริงข้าน้อยก็ไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก ฐานะที่เป็นบิดา ท่านอ๋องไม่ปรารถนาให้ลูกสาวเป็นหงส์หรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ? ท่านอ๋องคิดจะขับไล่ข้าน้อยออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ยอมให้ข้าน้อยสั่งสอนพวกเสี่ยวจวิ้นจู่ให้มีวิชาความรู้ความสามารถที่แท้จริง ท่านอ๋องกำลังกลัวอะไรอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

กลัวอะไร?

หมัดในแขนเสื้อกว้างๆของกู้โม่หานกำจนกลายเป็นสีขาวทันที แววตาของเขาเย็นยะเยือกเคียดแค้นอย่างไร้ขอบเขต น้ำเสียงเปลี่ยนไปจนเฉียบขาดดุดันเป็นที่สุด “ข้ามีอะไรต้องกลัว”

แต่โม่หลีกลับยิ้มและส่ายหน้า เหมือนว่ามองทะลุเช่นนั้น

“หากท่านอ๋องไม่กลัวอะไร ทำไมจะต้องเป็นเหมือนนกที่ตื่นธนูเช่นนั้นด้วย มักจะสร้างความลำบากใจให้ข้าน้อยอยู่เสมอ? ข้าน้อยเพียงแค่ชอบถ่ายทอดความรู้คลายความสงสัยก็เท่านั้น”

“ยิ่งไปกว่านั้น บนโลกนี้เรื่องราวที่ไม่เป็นดั่งปรารถนา สิบเรื่องก็มีเก้าเรื่องแล้ว มีบางคนแม้ว่าท่านจะวางอุบายมากมายเพื่อขับไล่ไป ก็จะอยู่ต่อ แต่ก็มีคนที่แม้ว่าท่านจะพยายามทำทุกทางให้นางอยู่ต่อ สุดท้ายนางก็จะจากไป นี่ล้วนเป็นชะตาลิขิต ทำไมท่านอ๋องจะต้องบีบคั้นด้วยพ่ะย่ะค่ะ?”

คำพูดเหล่านี้แทงใจดำของกู้โม่หานตรงๆ ม่านตาของเขาหดลงอย่างฉับพลัน ริมฝีปากบางๆเม้มเป็นเส้นตรงเส้นเดียว

เขากลัวจริงๆ กลัวว่าจะรั้งหนานหว่านเยียนและยัยตัวเล็กทั้งสองไว้ไม่ได้

เดิมทีพวกนางทั้งสามแม่ลูกก็ไม่ชอบเขา หากว่าข้างกายยังมีคนที่ทำให้พวกนางชอบและมีความสุขเช่นนี้ เขา……จะอยู่ตรงไหนได้อีก?

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคิดจะทำให้โม่หวิ่นหมิงและโม่หลีจากไป คนที่มีผลกระทบกับความรู้สึกของหนานหว่านเยียนและยัยตัวเล็กทั้งสอง มีแค่เขาก็เพียงพอแล้ว…..

เพียงแค่สามารถรั้งพวกนางให้อยู่ได้ ต้องบีบบังคับแล้วจะยังไง

การสนทนาจบลงโดยไม่มีเหตุผล โม่หลีกุมมือเคารพและทูลลา

เขาเดินไปทางเรือนด้านหลัง นัยน์ตาที่นิ่งสงบไร้ความรู้สึกในเดิมที มีแรงอาฆาตอันน่ากลัวผุดขึ้นอย่างฉับพลัน โหดเหี้ยมและกระหายเลือด

เขาไม่ได้ไปหาสาวน้อยทั้งสอง แต่ตรงไปที่ห้องของโม่หวิ่นหมิงแล้ว

“ท่านกลับมาแล้ว” เมื่อโม่หวิ่นหมิงเห็นเงาร่างอันเย็นยะเยือกสูงใหญ่ร่างนั้นของโม่หลี แววความกังวลจึงได้ผ่อนคลายลง ถามอย่างระมัดระวังว่า: “อี้อ๋อง…….สงสัยว่าเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับพวกข้าแล้วใช่หรือไม่?”

ก่อนหน้านี้โม่หลีบอกว่า ต้องการจะช่วยสนับสนุนสถานการณ์ความวุ่นวายครั้งใหญ่ในราชสำนักของแคว้นซีเหย่ ของขวัญได้ส่งไปแล้ว แต่ไม่น่าจะสืบสาวมาถึงพวกเขาได้เร็วขนาดนี้…….

โม่หลีหัวเราะอย่างเย็นชาทีหนึ่ง ดวงตาเคลื่อนไหว เปล่งประกายสดใสออกมา

“พวกข้าทำได้อย่างสะอาดหมดจด เขาสืบไม่พบหรอก”

โม่หวิ่นหมิงเห็นสีหน้าท่าทางที่สามารถจัดการปัญหาได้อย่างสบายมือของโม่หลี จิตใจก็สงบลงไม่น้อย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง “เช่นนั้นอี้อ๋องพบท่าน ด้วยเรื่องอันใด?”

ได้ยินดังนั้น สายตาของโม่หลีก็ก่อตัวขึ้นเป็นความอวดดี ยกริมฝีปากขึ้น ยิ้มอย่างภาคภูมิและมั่นใจ

“เขาก็แค่กระวนกระวายใจเท่านั้น ตอนนี้รู้สึกหวาดระแวงไปหมดแม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้า ทำให้สถานการณ์วุ่นวายด้วยตัวเอง แต่เขาน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจนานแล้วว่า เขาไม่คู่ควรกับ…..นาง”

คนที่มักจะทำให้นางเสียใจอยู่เสมอ จะคู่ควรเป็นสามีของนางได้อย่างไร?

ดวงตาของโม่หวิ่นหมิงเคลื่อนไหว นึกอะไรได้ สุดท้ายก็พูดเพียงแค่ประโยคหนึ่งเบาๆ

“ใช่ กู้โม่หานไม่คู่ควรกับหว่านหว่าน”

กระวนกระวายใจก็ควรแล้ว อย่างไรเสียหัวใจของหว่านหว่าน ก็ไม่ได้อยู่ที่กู้โม่หาน

แต่หัวใจของหว่านหว่าน ก็ไม่ได้อยู่ที่เขาเช่นกัน……

และกู้โม่หานที่พวกเขาเอ่ยถึง ยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้ผลักประตูออกไป

หนานหว่านเยียนนั่งอยู่ข้างโต๊ะอย่างเหม่อลอย เซียงอวี้รินชาอยู่ข้างกายของนาง

เมื่อเห็นกู้โม่หานเข้ามา เซียงอวี้รีบวางแก้วชาลง โค้งตัวคำนับไปทางเขา “บ่าวคารวะท่านอ๋อง”

กู้โม่หานส่งสายตาให้นาง เซียงอวี้รับรู้และเข้าใจได้ ถอยออกไปอย่างเงียบๆ

เมื่อครู่หนานหว่านเยียนก็เห็นโม่หลีออกไปจากห้องโถงใหญ่ด้วยความรีบร้อน ไม่ทันได้ตามไป ก็ไม่เห็นเงาคนแล้ว

เวลานี้ นางมองดูกู้โม่หาน “กู้โม่หาน เมื่อครู่ท่านไม่ได้ทำให้เซียนเซิงลำบากใจใช่หรือไม่?”

เห็นนางเอ่ยปากก็สอบถาม ในตาของกู้โม่หานก็มีความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย

เขาเพ่งมองหนานหว่านเยียนอย่างจดจ่อ “เจ้าคิดว่าไงล่ะ?”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท