ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 508 ผู้มีพระคุณช่วยชีวิต
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี หนานหว่านเยียนออกแรงหมดทั้งตัวจริงๆ ประจวบเหมาะกับที่กู้โม่หานกำลังสับสนกระวนกระวายใจ นางจึงได้ผลักเขาออกไป ตบเขาไปฉาดหนึ่งอย่างรุนแรง
“กู้โม่หาน! ไอ้คนสารเลว!”
บนใบหน้าอันสง่างามของชายหนุ่มปรากฏรอยฝ่ามือสีแดงขึ้นในพริบตา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด ราวกับสัตว์ร้ายเช่นนั้นเพ่งมองไปยังหนานหว่านเยียน
แต่เมื่อมองไปยังดวงตาอันสดใสที่เต็มไปด้วยความโกรธ ลูกกระเดือกของเขาก็เคลื่อนไหวอย่างอดไม่ได้ ตระหนักได้ว่าตัวเองทำเกินไปหน่อยแล้ว
อย่างไรซะการเข้าใจผิดระหว่างพวกเขาก็เพิ่งจะคลี่คลาย อย่างไรซะ ก็เป็นเพียงแค่เขาเท่านั้นที่มีความคิดสับสนกระวนกระวาย
“ขอโทษ เป็นข้าตื่นตระหนกเกินไป”
บนใบหน้าของหนานหว่านเยียนเป็นความโมโหอย่างไร้ที่เปรียบ นางคว้าจับคอเสื้อของตัวเอง มองดูเขา “ไสหัวออกไป”
กู้โม่หานยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ฉับพลันนั้นหน้าประตูก็มีเสียงเคาะประตูอย่างรีบร้อนดังขึ้น
“ท่านอ๋อง พระชายา องครักษ์เสิ่นทางนั้นมีความผิดปกติเพคะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหนานหว่านเยียนก็เปลี่ยนไปทันที สองสามวันมานี้นางได้ปรุงยาให้เสิ่นอี่ว์ตามปริมาณยาที่ได้ศึกษาออกมาก่อนหน้านี้ ให้เซียงเหลียนต้มให้เสร็จสรรพและส่งไปให้เสิ่นอี่ว์กิน
นับเวลา เขาก็น่าจะต้องฟื้นแล้ว
นางมองไปทางกู้โม่หาน เขาก็กำลังมองดูนางอยู่เช่นกัน อยากจะพูดแต่ก็หยุดไว้ เห็นได้ชัดว่าสนใจสถานการณ์ของเสิ่นอี่ว์เป็นอย่างมาก
หนานหว่านเยียนกำหมัดไว้แน่น ฝืนระงับอารมณ์ไว้ ตอบรับไปทางหน้าประตู “รู้แล้ว พวกข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
นางอ้อมกู้โม่หานไป จัดเสื้อผ้าให้ดีแล้วเดินออกไป
สายตาของกู้โม่หานหม่นหมองลงเล็กน้อย แต่ก็รีบตามนางไปอย่างรวดเร็ว
หากว่าเสิ่นอี่ว์สามารถฟื้นได้ เช่นนั้นเขาก็จะสามารถหาเบาะแสของฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังได้แล้ว บางที……ยังอาจจะรู้ความจริงได้อีกด้วย
ทั้งสองคนมาถึงเรือนซีเฟิง หนานหว่านเยียนเดินตรงเข้าไปในห้อง และปิดประตูทันที กล่าวต่อกู้โม่หานที่อยู่หน้าประตูอย่างเย็นยะเยือกว่า “ท่านรออยู่ด้านนอก”
ตอนนี้นางไม่มีกระจิตกระใจคิดเล็กคิดน้อยกับกู้โม่หาน เพราะทันทีที่เสิ่นอี่ว์ฟื้น ก็จะสามารถนำพาความจริงมาได้
“อืม” กู้โม่หานยืนอยู่หน้าประตู เขามองดูประตูห้องปิดลง ความคิดความรู้สึกแปรปรวน “เจ้าต้องการอะไร ตะโกนเรียกข้าได้ทันที”
หนานหว่านเยียนไม่สนใจเขา เดินไปทางเสิ่นอี่ว์
เสิ่นอี่ว์นอนอยู่บนเตียง หนังตากระตุกอย่างรวดเร็วสองสามครั้ง นิ้วมือก็เคลื่อนไหวมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้แล้ว
ดูท่า ยาของนางได้ผลแล้วจริงๆ
หนานหว่านเยียนมีสีหน้าดีใจ อารมณ์ก็ดีขึ้นไม่น้อย รีบส่งเขาเข้าไปในห้วงเวลา
นางให้เสิ่นอี่ว์กินยาเพื่อฟื้นฟูการทำงานของเส้นประสาทก่อน จากนั้นจึงเชื่อมต่อเครื่องออกซิเจนไฮเปอร์บาริกเข้าสู่การฝึกฝนการทำงาน
รอจนเสร็จสิ้นไปหนึ่งรายการ นางก็ล้วงเข็มเงินออกมาอีก จุดเทียนเพื่อรมควัน หาจุดฝังเข็มกระตุ้นเส้นประสาทของเสิ่นอี่ว์สองสามจุดแล้วแทงเข้าไป…….
นิ้วมืออันเรียวยาวบีบและค่อยๆหมุนเข็มเงิน ทุกครั้งที่แทงลงไปล้วนระมัดระวังเป็นที่สุด
เหงื่อเม็ดเล็กละเอียดผุดเต็มหน้าผากของหนานหว่านเยียน นางช่วยรักษาให้เสิ่นอี่ว์ด้วยความรับผิดชอบและความละเอียดรอบคอบ ในดวงตาที่ชัดเจนเฉียบคมเปี่ยมล้นด้วยความจริงจัง
จนกระทั่งฝังเข็มเสร็จสิ้น หนานหว่านเยียนจึงให้เสิ่นอี่ว์กินซุปยาที่ปรุงขึ้นเป็นพิเศษอีกครั้ง แล้วพาเขาออกจากห้วงเวลาอย่างระมัดระวัง
หนานหว่านเยียนเฝ้าอยู่ข้างเตียงของเสิ่นอี่ว์ ในเตาบนโต๊ะจุดไม้หอมไว้ แต่กลับหอมจรุงใจไม่ใช่แบบเดิมๆทั่วไป ทำให้คนรู้สึกสดชื่นชื่นใจ
นางเรียกเสิ่นอี่ว์ด้วยเสียงอันอ่อนโยนอย่างต่อเนื่อง “เสิ่นอี่ว์ เสิ่นอี่ว์ควรตื่นแล้ว เสิ่นอี่ว์……”
ในที่สุด เปลือกตาของเสิ่นอี่ว์ก็ขยับ และเปิดขึ้นอย่างช้าๆด้วยความยากลำบากเป็นที่สุด
เหมือนว่าเขากำลังฝันอยู่ ในความฝันตัวเองถูกจองจำอยู่ในคุกด้วยความทรมาน ถูกกักขังอยู่ในความมืดไม่ว่าอย่างไรก็ออกมาไม่ได้ ข้างหูได้ยินเสียงของความเป็นห่วงเป็นใยและการตำหนิตัวเองของกู้โม่หานอยู่บ่อยๆ ทั้งยังมีการร้องเรียกของหนานหว่านเยียนอีกด้วย
วิสัยทัศน์เปลี่ยนจากเลือนรางเป็นชัดเจน เสิ่นอี่ว์กะพริบตาอีกครั้ง จึงฝืนมองจนชัดเจนได้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงคือหนานหว่านเยียน
ม่านตาของเขาเบิกโพลง ราวกับว่ามีคำพูดนับพันหมื่นคำที่ต้องการจะพูดกับนางเช่นนั้น มือทั้งสองข้างล้วนสั่นเทาเล็กน้อย
แต่เนื่องจากอ่อนแอเกินไป ท้ายที่สุดเสิ่นอี่ว์ก็ยกมือขึ้นไม่ได้
หนานหว่านเยียนเห็นเขาฟื้น ใบหน้าก็ฉาบไปด้วยความปีติ “เสิ่นอี่ว์ เสิ่นอี่ว์ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว!”
เห็นเขามีอาการตื่นตระหนกนิดหน่อย นางจึงเข้าไปใกล้เขาเล็กน้อย ใช้น้ำเสียงเบาๆพูดปลอบเขา “อย่างรีบร้อน ตอนนี้เจ้าไม่เป็นอะไรมากแล้ว แต่นอนนานเกินไปหน่อย บาดแผลบนศีรษะก็ยังไม่หายดี สมรรถภาพของร่างกายอีกมากมายก็ยังไม่ฟื้นตัว จึงค่อนข้างอ่อนแอ มีอะไรจะพูด เจ้าก็ค่อยๆพูด ข้าฟังอยู่”
“ขอบพระทัย…….พระชายา ที่ช่วยชีวิต” เสิ่นอี่ว์น้ำตาคลอเบ้า ริมฝีปากอันซีดขาวของเขาเคลื่อนไหว เสียงยังคงแหบแห้งเป็นอย่างยิ่ง เล็กเบาดั่งเสียงยุง
เขายังจำได้ในขณะที่เขาล้มลงนั้นบาดเจ็บสาหัสมากมายเพียงใด ไม่ต้องพูดเขาก็รู้ดีว่า หนานหว่านเยียนช่วยเขาไว้เป็นแน่
เป็นครั้งที่สองแล้วที่หนานหว่านเยียนดึงเขาออกมาจากประตูนรก บุญคุณดั่งขุนเขา เขาจนไม่มีอะไรที่จะตอบแทนได้
ดังนั้นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริง วันนี้เขาจะต้องพูดให้กระจ่างชัดให้ได้
หนานหว่านเยียนรินน้ำแก้วหนึ่ง จิ้มแล้วเช็ดไปรอบๆริมฝีปากของเสิ่นอี่ว์เล็กน้อย ป้องกันไม่ให้แห้งเกินไป “เพียงแค่เจ้าสามารถฟื้นขึ้นมาได้ก็ดีแล้ว พวกเราหลายๆคนล้วนเป็นห่วงเจ้า เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยล้วนคิดถึงเจ้ามากเลยนะ”
ในดวงตาของเสิ่นอี่ว์รื้นชุ่ม หนานหว่านเยียนมองดูเขา พยายามไม่ทำให้เขากระทบกระเทือน ถามอย่างระมัดระวัง: “เสิ่นอี่ว์ เจ้ายังจำวันนั้นที่เจ้าได้รับบาดเจ็บได้หรือไม่ สุดท้ายแล้วเป็นใครกันที่ลงมือทำร้ายเจ้า?”
พูดจบ สีหน้าของเสิ่นอี่ว์ก็เคร่งขรึมลงทันที ในดวงตาเต็มไปด้วยความเดือดดาลและความเจ็บปวดเกลียดแค้นหลังถูกทรยศหักหลัง
ใบหน้าอันโหดเหี้ยมของพ่อบ้านกาว แรงสังหารอันดุเดือด ราวกับว่าอยู่ตรงหน้า
เสิ่นอี่ว์เม้มริมฝีปาก ยากที่จะพูดออกมาได้ “เป็น พ่อบ้านกาว และพระชายารองหยุน……”
เป็นการสมรู้ร่วมคิดดังคาด นางว่าแล้วว่าเรื่องนี้ทำคนเดียวไม่ได้ โดยเฉพาะหยุนอี่ว์โหรว นางจะต้องเป็นหนึ่งในคนที่ทำร้ายเสิ่นอี่ว์เป็นแน่!
หนานหว่านเยียนก็สงสัยพ่อบ้านกาวอยู่เช่นกัน แต่เมื่อได้ยินกับหูตัวเอง ก็ยังรู้สึกตกใจมากอย่างอดไม่ได้ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา
“ตอนนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไร ทำไมพ่อบ้านกาวและหยุนอี่ว์โหรวถึงได้ต้องการจะสังหารเจ้าอย่างกะทันหันได้? เจ้าสืบพบเรื่องที่สำคัญอะไรงั้นหรือ?”
สีหน้าของเสิ่นอี่ว์ไม่น่าดูเป็นอย่างมาก ตอบด้วยความอ่อนแอสุดๆ
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ พระชายาพูดถูก ตอนนั้นข้าน้อยสืบได้ว่า คนที่ประโคมข่าวต่อภายนอกว่าเสี่ยวจวิ้นจู่…….เสี่ยวจวิ้นจู่เป็นลูกชู้ก็คือพระชายารองหยุน นางเอาจดหมายไปให้ขอทานในเมืองผู้หนึ่ง ขอทานผู้นั้นรับสารภาพหมดแล้ว อีกทั้ง ตอนนั้นข้าน้อยก็ยังตรวจสอบพบอีกเรื่องหนึ่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ เกี่ยวกับท่านและท่านอ๋อง…….”
หนานหว่านเยียนคาดเดาเรื่องนี้ไว้เช่นกัน ไม่เช่นนั้นฐานะตัวตนของยัยตัวเล็กทั้งสองคงจะไม่ถูกเปิดเผย จะต้องมีคนในจวนเผยแพร่ออกไปเป็นแน่
เป็นดังคาด เกี่ยวข้องกับหยุนอี่ว์โหรวอย่างหนีไม่พ้นเป็นแน่
นางกำหมัดแน่น ระงับความโกรธในใจ “เจ้ายังตรวจสอบพบอะไรอีก?”
เสิ่นอี่ว์มองดูหนานหว่านเยียน ในดวงตาเต็มไปด้วยความละอายใจ “ปีนั้น คนที่ช่วยท่านอ๋องก็ไม่ได้เป็นพระชายารองหยุน แต่เป็นท่าน”
“พระชายา ท่านสิพ่ะย่ะค่ะถึงจะเป็นผู้ที่มีบุญคุณช่วยชีวิตท่านอ๋องไว้—“