ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 510 ขอโทษ
“พระชายา ท่านอ๋องมีความรู้สึกต่อท่าน ท่านอ๋อง…….”
ดวงตาอันสดใสดุดันของหนานหว่านเยียนจับจ้องไปยังใบหน้าที่ไม่เข้าใจของเสิ่นอี่ว์ นางถอนใจเบาๆเสียงหนึ่ง และเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เสิ่นอี่ว์ ข้าช่วยเจ้าไว้สองครั้งแล้วใช่หรือไม่?”
คำพูดของเสิ่นอี่ว์ถูกขัดจังหวะ และไม่ได้พูดต่อ ศีรษะของเขาขยับไม่ได้ ทำได้เพียงพยายามกะพริบตา “ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
หนานหว่านเยียนมองดูเขา “ครั้งแรก เจ้าคุ้มกันเจ้าตัวเล็กทั้งสองไว้ ข้าช่วยเจ้า เป็นเรื่องตามหลักการคุณธรรมความถูกต้อง ครั้งนี้ข้าก็ช่วยเจ้าอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ข้าไม่ต้องการการตอบแทน แต่ตอนนี้ ข้าต้องการให้เจ้าทำตามการจัดการของข้า”
สีหน้าท่าทางของหนานหว่านเยียนจริงจังแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระทั่งเสิ่นอี่ว์คล้ายกับจะเห็นถึงท่าทางในขณะจัดการเรื่องราชการของกู้โม่หานในตัวของนาง
เขาเอ่ยปากพูดโดยสัญชาตญาณว่า “เชิญท่านว่ามาได้พ่ะย่ะค่ะ”
หนานหว่านเยียนหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง ริมฝีปากสีแดงขยับเล็กน้อย
“พ่อบ้านกาวอยู่ในจวนอี้อ๋องมาสิบกว่าปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ บุคลิก ล้วนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน หากไม่ทำให้พ่อบ้านกาวยอมรับด้วยปากตัวเองว่าเขาได้ทำความผิดในสิ่งที่เลวร้าย เกรงว่าคงจะยากที่กู้โม่หานจะเชื่อว่าเขาเป็นคนทรยศ”
“ก็เหมือนกับเจ้า หากไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นกับตัวเจ้าเอง ข้าบอกเจ้าว่าพ่อบ้านกาวเป็นคนเลว เจ้าจะเชื่อข้าหรือ? และหากแหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว ก็เกรงว่าอาจจะทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายได้”
“สำหรับหยุนอี่ว์โหรว ท่านอ๋องของเจ้าเข้าใจผิดคิดว่าหยุนอี่ว์โหรวเป็นผู้มีพระคุณมาสิบกว่าปีแล้ว ตอนนี้จู่ๆก็ไปบอกเขาว่า ข้าถึงจะเป็นผู้มีพระคุณของเขา เจ้าว่า เขาจะคิดอย่างไร?”
เสิ่นอี่ว์ขมวดคิ้วแน่น นิ่งเงียบไม่พูดจา
หากไม่เกิดเรื่องขึ้นกับเขา หากว่าหนานหว่านเยียนพูดปากเปล่าโดยไม่มีพยานหลักฐานว่าพ่อบ้านกาวเป็นคนเลว ตัวเขาเองก็ยากที่จะเชื่อว่าเป็นความจริงเช่นกัน
สำหรับหยุนอี่ว์โหรว…….นางเสแสร้งแกล้งแสดงอยู่ข้างกายของท่านอ๋องได้ดีเกินไป ยังไงก็เป็นบุญคุณมาสิบกว่าปีแล้ว คนที่ให้ความสำคัญกับไมตรีจิตทั้งยังรับผิดชอบเช่นท่านอ๋องนั้น จะต้องไม่สามารถรับได้ในทันทีแน่ ความจริงจะต้องพูดอย่างแน่นอน แต่ให้เขาลองหยั่งเชิงก่อนละกัน
เขาคิดไตร่ตรองอยู่นานจึงกล่าวขึ้น “เช่นนั้นพระชายา ท่านคิดจะทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
หนานหว่านเยียนมองดูเขา สายตามีความเฉยชาเล็กน้อย
“หยุนอี่ว์โหรวทางนั้น ข้ามีการเตรียมการของข้าเอง สำหรับพ่อบ้านกาว……พวกเราไม่สามารถปล่อยให้เขาทำชั่วต่อไปได้ จะต้องรีบเปิดโปงใบหน้าที่แท้จริงของเขาให้เร็วที่สุด แต่พวกเรายังจำเป็นต้องวางแผนการให้สมบูรณ์”
พูดจบ นางก็พูดเบาๆกับเสิ่นอี่ว์สองสามคำ สีหน้าของเสิ่นอี่ว์เคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
ในห้องบทสนทนาของทั้งสองคนเบามาก จนแทบจะไม่ได้ยิน
และด้านนอก กู้โม่หานยังคงรอข่าวจากหนานหว่านเยียนด้วยความร้อนใจดั่งไฟเผาอยู่
แม้แต่หยุนอี่ว์โหรวที่เข้ามาใกล้เขาเงียบๆก็ไม่ได้สังเกต
ก่อนหน้านี้หยุนอี่ว์โหรวถูกกู้โม่หานตะคอกตำหนิให้ออกไป กลับไปที่เรือนด้วยความเสียใจมาก แต่ไม่นาน นางก็ได้ยินข่าว บอกว่าเสิ่นอี่ว์ทางนั้นมีความเคลื่อนไหวแล้ว
จะโกรธแค้นเพียงใดจะไม่ยอมเพียงใดก็ต้านทานความกลัวไว้ไม่ได้ หากว่าเสิ่นอี่ว์ฟื้นขึ้นมา นางก็จบเห่แล้ว
ดังนั้นหยุนอี่ว์โหรวจึงต้องจำทนหน้าด้าน มาสืบข่าวสักหน่อย
หยุนอี่ว์โหรวจ้องมองกู้โม่หานที่เห็นได้ชัดว่ากำลังเหม่อลอยอยู่ นางบิดนิ้วมือ เดินไปด้านข้างกายเขา น้ำเสียงอ่อนโยนไร้ที่เปรียบ
“ท่านอ๋อง เมื่อครู่โหรวเอ๋อร์บุ่มบ่าม กลัวว่าตงเสวี่ยผู้นั้นจะมีเจตนาอื่น จึงได้พูดจาไม่เหมาะสมเช่นนั้น ยังไงก็ขอให้ท่านอ๋องลงโทษด้วยเพคะ”
“ตอนนี้ท่านและพระชายาก็ไม่ได้มีความบาดหมางใจกันแล้ว ปัญหาทุกอย่างสลายไปได้แล้วก็ดีแล้วเพคะ”
ได้ยินเสียงหยุนอี่ว์โหรว กู้โม่หานก็ดึงสติกลับได้อย่างฉับพลัน เขาเหลือบตามองไปทางนาง ดวงตาอันคมงามหรี่ลง จับจ้องมองดูหยุนอี่ว์โหรวที่ท่าทางน่าสงสารโดยไม่กะพริบตา
“ข้าให้เจ้ากลับเรือนไปแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้ออกมาอีก?”
หยุนอี่ว์โหรวรู้ว่าเขายังโกรธ จึงไม่กล้าแข็งกร้าว ทำตัวอ่อนแอลงเรื่อยๆ
“เพราะโหรวเอ๋อร์ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่เป็นโหรวเอ๋อร์ที่ไม่ดี บังอาจสงสัยพระชายา ด้วยเหตุนี้จึงรู้สึกละอายใจ จึงอยากมาขออภัยต่อท่านอ๋องและพระชายา โหรวเอ๋อร์ไม่อยากเหินห่างกับท่านอ๋องและพระชายาเพคะ”
บนใบหน้าอันสง่างามของกู้โม่หานไม่ได้มีการตอบสนองใดเป็นพิเศษ และไม่ได้มองนางอีก ตอนนี้เขาไม่มีใจจะสนใจนาง “พระชายาไม่ถูกกับเจ้า เจ้ารู้ดี ไม่จำเป็นต้องขอโทษนางแล้ว กลับไปก่อนเถอะ”
หนานหว่านเยียนเห็นนาง ไม่แน่อาจจะโมโหอย่างไร ยังจะขอโทษอะไรอีก ไม่ปรากฏตัวเป็นดีที่สุด
จิตใจของหยุนอี่ว์โหรวตึงเครียด รีบดึงแขนเสื้อของเขา “ท่านอ๋อง โหรวเอ๋อร์รออีกหน่อยได้หรือไม่เพคะ โหรวเอ๋อร์ได้ยินว่าองครักษ์เสิ่นมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ รู้ว่าท่านมีความสนิทชิดใกล้กับองครักษ์เสิ่น ในเวลานี้ ก็ให้โหรวเอ๋อร์อยู่เป็นเพื่อนท่านเถอะนะ ดีหรือไม่เพคะ?”
แต่สายตาของกู้โม่หานกลับเฉียบคมขึ้นในทันใด มองไปทางหยุนอี่ว์โหรว “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่า เจ้ารู้ข่าวได้ไวนักนะ?”
สีหน้าของหยุนอี่ว์โหรวเปลี่ยนไปทันที มองดูกู้โม่หานด้วยสายตาอันคมคาย แต่ก็ฝืนฉีกปากยิ้มต่อไป “ท่านอ๋องทำไมถึงได้คิดเช่นนี้เพคะ ข่าวที่โหรวเอ๋อร์รู้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะคนรับใช้ข้างกายพูดกัน พูดไม่ได้ว่ารู้ข่าวได้ไวเพคะ เพียงแต่โหรวเอ๋อร์เป็นห่วงท่านอ๋อง ชอบไถ่ถามเรื่องราวเกี่ยวกับท่านอ๋องก็เท่านั้นเพคะ”
ชาวใช้ข้างกายของหยุนอี่ว์โหรว เป็นคนที่เขาให้พ่อบ้านกาวจัดเตรียม เพื่อคอยจับตานาง
ตอนนี้นางสร้างคลื่นพายุอะไรออกมาไม่ได้
กู้โม่หานกดคิ้วลงเบาๆ ไม่ได้นึกสงสัย เมื่อเขาคิดจะพูดอะไร
บังเอิญในเวลานี้ หนานหว่านเยียนเปิดประตูพอดี แวบแรกนางก็เห็นเหตุการณ์ที่หยุนอี่ว์โหรวและกู้โม่หานจู๋จี๋กัน
พริบตานั้น ดวงตาของหนานหว่านเยียนก็เย็นชาลงในทันที นางยิ่งมั่นใจว่าการตัดสินใจของตัวเองที่ไม่ให้เสิ่นอี่ว์พูดความจริงนั้นถูกต้องเป็นที่สุด
หยุนอี่ว์โหรวเห็นหนานหว่านเยียนออกมา ก็รีบเก็บมือทันที แสร้งเม้มปากทำตัวอ่อนโยน
“พระชายา……”
กู้โม่หานไม่ได้มองหยุนอี่ว์โหรวสักแวบเดียว รีบมองไปทางหนานหว่านเยียน
“เป็นอย่างไรบ้าง เสิ่นอี่ว์เขา ฟื้นแล้วหรือไม่?”