ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 512 พ่อบ้านกาวถูกเปิดโปง

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 512 พ่อบ้านกาวถูกเปิดโปง

เรื่อง “เข้าหอ”ของหยุนอี่ว์โหรวและกู้โม่หานวุ่นวายจนเป็นที่รู้กันทั่ว ทีแรกเขาก็เชื่อเช่นกัน แต่วันนี้ขณะที่ทำความสะอาดห้องให้กู้โม่หาน ได้พบห่วงหยกของหนานหว่านเยียนเข้า

ห่วงหยกนี้ เมื่อวานที่หนานหว่านเยียนกลับมาจากพระราชวังก็ยังสวมติดตัวอยู่ ผ่านไปคืนหนึ่งกลับไปอยู่ในห้องของท่านอ๋องแล้ว ทั้งยังตกอยู่บนเตียงของท่านอ๋องอีก เห็นได้ชัดว่าหนานหว่านเยียนและท่านอ๋องมีอะไรกัน

จะมีเรื่องของหยุนอี่ว์โหรวได้อย่างไร

แต่ เขาก็ไม่ได้เปิดโปง “รู้แล้ว ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง พระชายารองหยุนไม่ต้องเข้ามาทำให้วุ่นวาย”

หยุนอี่ว์โหรวเหมือนได้ฉีดยาใจเช่นนั้น รีบถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบคุณพ่อบ้านกาว ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านจะต้องสนใจดูแลข้า”

แต่พ่อบ้านกาวกลับเหลือบมองนางอย่างเย็นชา พลังรอบตัวไม่เหมือนพ่อบ้านธรรมดาโดยสิ้นเชิง “ข้าทำสิ่งเหล่านี้ ก็ไม่ใช่เพื่อเจ้าทั้งหมด”

ตอนนี้กู้โม่หานและหนานหว่านเยียนใกล้จะได้เป็นไท่จื่อและไท่จื่อเฟยแล้ว กว่าปีนี้เขาแอบคุ้มกันคุณหนูน้อยมาตลอด ความปรารถนาที่อยากจะเป็นไท่จื่อเฟยใกล้จะล้มเหลวแล้ว เขาไม่สามารถทำให้คุณหนูน้อยผิดหวังได้อีก

เขายังต้องการจะช่วยคุณหนูน้อยกระทำการอยู่ที่นี่ ดังนั้นเสิ่นอี่ว์ระเบิดเวลาผู้นี้ เขาปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด!

หยุนอี่ว์โหรวฟังความหมายนอกเหนือจากคำพูดไม่ออก ยังคิดว่าพ่อบ้านกาวทำเพื่อตัวเขาเอง นางจึงไม่ได้สนใจ เพียงแค่พ่อบ้านกาวยอมออกโรงก็ได้แล้ว

หลังจากที่หยุนอี่ว์โหรวกลับมาอารมณ์ดีแล้ว ก็กลับเรือนจู๋หลานของตัวเอง

แต่ไม่รู้ทำไม จิตใจของนางถึงยังรู้สึกไม่สงบอยู่รางๆ

ข่าวที่เสิ่นอี่ว์ฟื้นมา แต่สูญเสียความทรงจำ แพร่กระจายในจวนอย่างรวดเร็ว ทั้งคืนนี้ มีคนที่ปีติและมีคนที่กังวล……

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พ่อบ้านกาวยกข้าวต้มชามหนึ่งและกับข้าวมาสองชาม ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูเรือนซีเฟิง

เพื่อที่จะคุ้มกันเสิ่นอี่ว์ กู้โม่หานได้เพิ่มองครักษ์ไว้รอบเรือน

องครักษ์ที่เฝ้าประตูเห็นพ่อบ้านกาว จึงเปล่งเสียงถามว่า “พ่อบ้านกาวมาได้อย่างไร?”

พ่อบ้านกาวหัวเราะด้วยความเป็นมิตร คำพูดคำจาดูซื่อตรงน่าใกล้ชิดเหมือนที่ผ่านมา

“พระชายากำชับไว้ว่า หากองครักษ์เสิ่นฟื้นมา ต้องกินอาหารเหลวเพื่อบำรุง ท่านอ๋องก็กำชับเป็นพิเศษอีกว่าให้ดูแลความปลอดภัยขององครักษ์เสิ่นให้ดี ข้าน้อยจึงได้นำอาหารมาส่งด้วยตัวเองแล้วขอรับ”

องครักษ์ทั้งสองสบตากัน กล่าวกับพ่อบ้านกาวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ขออภัยที่ล่วงเกิน แต่ตอนนี้ท่านอ๋องมีรับสั่ง พวกเราก็ต้องตรวจยาพิษตามรับสั่ง”

แววตาของพ่อบ้านกาวเปลี่ยนไปทันที ไม่ช้าก็กลับสู่ความสงบนิ่ง ยิ้มให้ทั้งสองคน “เข้าใจ ยังทุกคนก็ต่างต้องปฏิบัติงานตามรับสั่งของท่านอ๋อง”

หนึ่งคนในนั้นหยิบเข็มเงินออกมาตรวจสอบอาหาร เข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี องครักษ์ทั้งสองจึงปล่อยให้พ่อบ้านกาวเข้าไปในเรือน

พ่อบ้านกาวมาถึงหน้าประตูห้อง เคาะเบาๆสองครั้ง จึงได้ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป “องครักษ์เสิ่น ข้าเอาอาหารมาให้ท่านแล้ว”

บนเตียง เสิ่นอี่ว์ยังคงอ่อนแอเป็นอย่างมาก ทำได้เพียงฝืนลุกขึ้นมาพิงขอบเตียง สีหน้าซีดขาว แต่ในดวงตากลับสะอาดสดใสมาก

เขายิ้มขอบคุณพ่อบ้านกาว ราวกับไม่รู้จริงๆว่าคนเบื้องหน้านี้เคยจะเอาชีวิตเขาไปแล้วเช่นนั้น

“ลำบากพ่อบ้านกาวแล้ว เรื่องเล็กแบบนี้ มอบให้พวกเขาไปทำก็ได้ ท่านไม่จำเป็นต้องวิ่งมาด้วยตัวเอง”

สายตาของพ่อบ้านกาวแฝงไปด้วยการหยั่งเชิงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเสิ่นอี่ว์จำไม่ได้จริงๆ จึงได้แอบโล่งใจ และยิ้มอย่างเบิกบาน

“ข้าและองครักษ์เสิ่นล้วนเป็นคนเก่าแก่ของจวน จะต้องเกรงใจกันทำไม”

เขาหันหลังไป ยกข้าวชามข้าวต้มขึ้น เขายื่นนิ้วชี้และนิ้วกลางไปยังก้นชามและแตะต้องห่อยาที่ได้ซ่อนไว้ล่วงหน้านานแล้ว เอาผงยาโรยลงไปในชามข้าวต้มอย่างใจเย็น จากนั้นก็แอบเก็บกระดาษไว้ หมุนตัวเดินเข้าไปทางเสิ่นอี่ว์ด้วยสีหน้าปกติ

“แต่ว่า องครักษ์เสิ่นหมดสติไปหลายวันเช่นนี้ ก็ทำให้ท่านอ๋องเป็นห่วงมาก เพื่อจับนักฆ่าที่ทำร้ายท่านกลุ่มนั้น ท่านอ๋องก็สิ้นเปลืองแรงกำลังความคิดเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดาย ยังไม่มีเบาะแส…….”

เขาพูดพลาง ก็ยื่นชามข้าวต้มให้เสิ่นอี่ว์

ดวงตาของเสิ่นอี่ว์มีความเฉียบคมเล็กน้อยแวบผ่านอย่างฉับพลัน แต่ก็ฝืนระงับไว้แล้ว

ฝีมือการแสดงดีจริงๆ ถ้าเขาไม่ตกเป็นเหยื่อ เขาจะกล้าคิดได้ยังไงว่า ชายชราใจดีมีเมตตาตรงหน้านี้ ที่ดูเขาเติบโตมา จะเป็นคนทรยศ เป็นคนที่ต้องการฆ่าเขาจริงๆ!

ทั้งยังคุยโวโอ้อวดโดยไม่รู้สึกกระดากใจอีก บอกว่าจับนักฆ่าที่ฆ่าเข้าไม่ได้ คนที่ฆ่าเขา ก็ไม่ใช่พ่อบ้านกาวเองหรอกหรือ……

เขาระงับอารมณ์โกรธของตัวเอง บนใบหน้าเป็นรอยยิ้ม พยายามออกแรงยกมือขึ้น ต้องการจะรับชามข้าวต้มมา “ขอบคุณพ่อบ้าน”

เสิ่นอี่ว์รับชามข้าวต้มมา ในตาของพ่อบ้านกาวมีแววสังหารแวบผ่านเล็กน้อย แต่กลับยิ้มแล้วกล่าว: “ระวังร้อน ค่อยๆกิน”

เสิ่นอี่ว์ยังไม่ทันได้ตอบรับ ในห้องนี้ก็มีเสียงอันเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งของหนานหว่านเยียนดังขึ้นกะทันหัน

“พ่อบ้านกาวแสดงเก่งซะจริงๆ ไม่แต่งตั้งเจ้าเป็นนักแสดงชายยอดเยี่ยม ก็ช่างน่าเสียดายจริงๆ”

หนานหว่านเยียน? !

นางอยู่ที่นี่ได้ยังไง? !

ร่างกายของพ่อบ้านกาวแข็งทื่ออย่างฉับพลัน แต่เขาก็เก็บความคิดความรู้สึกไว้ทันที ไม่เพียงไม่หวาดกลัวหนานหว่านเยียน กลับยังแสร้งหันกลับมาด้วยความประหลาดใจอีก

“พระชายา ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่ได้พ่ะย่ะค่ะ? ข้าน้อยทำความผิดอะไรอีกหรือ ท่านถึงได้ว่าข้าน้อยเช่นนี้?”

หนานหว่านเยียนเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้นห้อง ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วแย่งชามข้าวต้มในมือของเสิ่นอี่ว์โยนทิ้งไปบนพื้น พริบตาเดียว อิฐหินก็ถูกกัดกร่อนเป็นบริเวณใหญ่ พื้นที่ที่ถูกข้าวต้มสีขาวครอบคลุมส่งเสียง “ซือซือ” ออกมาอย่างต่อเนื่อง

“ตอนนี้ เจ้าคิดว่าข้ากำลังว่าเจ้าอะไร? เจ้าคิดจะฆ่าเสิ่นอี่ว์ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะหยุนอี่ว์โหรวรึ?”

เมื่อเสิ่นอี่ว์เห็นดังนั้น ก็เสียใจเล็กน้อย แม้จะรู้ล่วงหน้าว่าพ่อบ้านกาวเป็นคนทรยศ ต้องการฆ่าเขา เขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าพ่อบ้านกาวจะมามอบยาพิษให้เขาที่เพิ่งจะรอดตายมาอีกครั้ง

เขามองดูพ่อบ้านกาว ในดวงตาเต็มไปด้วยความเดือดดาลและความเจ็บปวด เมื่อคิดว่าท่านอ๋องก็อยู่ในห้องด้วย เขาจึงตำหนิว่าด้วยความตื่นเต้น

“พ่อบ้านกาว ทำไมท่านถึงวางยาพิษข้า? ทำไมต้องช่วยพระชายารองหยุนทำร้ายข้า พวกเจ้ามีความสัมพันธ์กันอย่างไรกันแน่—“

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท