ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 513 อัศวินช่วยหญิงงาม
พ่อบ้านกาวเพ่งมองหนานหว่านเยียน ไม่รู้ว่านางรู้ได้ยังไงว่าเขาวางยาพิษเสิ่นอี่ว์ แต่เขารู้ นางฉลาดหลักแหลม
เด็กรับใช้ที่เขาจัดเตรียมให้เข้าไปในเรือนของนาง ล้วนถูกคนนางจับตามอง เขาเปลี่ยนท่าทางที่ซื่อตรงนอบน้อมนั่นทันที หัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง ในตาซ่อนไปด้วยความกระหายเลือด
“ใช่ ข้าคิดจะฆ่าองครักษ์เสิ่น แต่เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับพระชายารองหยุนสักนิด”
เสิ่นอี่ว์รีบเบิกตาโพลงทันที “จะเป็นไปได้อย่างไร พ่อบ้านกาว ท่าน……”
แต่หลังจากนั้น เขาแสร้งทำเป็นตกใจจนเกินขีด เป็นลมหมดสติไป
ท่าทางที่ไม่สะทกสะท้านขณะตกอยู่ในวิกฤติของพ่อบ้านกาว รวมทั้งคำที่เขาพูดออกมา ทำให้ร่างกายของกู้โม่หานที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับในห้องสั่นสะท้าน
เขาตกใจจนหยุดหายใจด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ในดวงตาคมสวย มีความรู้สึกซับซ้อนมากมายผสมปนเปกัน
อย่างแรกคือหยุนอี่ว์โหรว แล้วมาเป็นพ่อบ้านกาว จวนของเขา กลายเป็นสถานที่ที่ไม่สงบให้คนเลวนานาชนิดมารุกล้ำตั้งแต่เมื่อไหร่?
เสิ่นอี่ว์แสร้งแสดงได้ดีมาก หนานหว่านเยียนแอบคิด แต่บนใบหน้ากลับเย็นชาเคร่งขรึมเป็นที่สุด มองดูพ่อบ้านกาว
พ่อบ้านที่ซ่อนตัวมานานกว่าสิบปี คนผู้นี้ไม่ว่าจะเป็นความสุขุมหรือนิสัยบุคลิก ล้วนหนักแน่นมั่นคงเป็นอย่างมาก
“พ่อบ้านกาว เรื่องมาถึงตรงนี้ เจ้ายังจะปกป้องหยุนอี่ว์โหรวอีกหรือ?”
“ความสัมพันธ์นับสิบกว่าปีของเจ้ากับองครักษ์เสิ่น มีอะไรให้จำเป็นต้องฆ่าเขา? แต่หยุนอี่ว์โหรวไม่เหมือนกัน นางทำเรื่องชั่วมากมาย ถูกเสิ่นอี่ว์พบเข้าแล้ว ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องฆ่าคนปิดปาก และท่าน ก็กลับช่วยนางก่อกรรมทำชั่ว พูดเช่นนี้ถึงจะถูกสินะ?”
พ่อบ้านกาวหัวเราะเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน สายตาเพ่งมองหนานหว่านเยียนติดๆ
ไม่พูดไม่ได้ว่า ผู้หญิงที่ฉลาดปราดเปรียวเช่นหนานหว่านเยียนนี้ ทำให้เขาชื่นชมเป็นที่สุด
แม้จะไม่มีหลักฐาน ก็สามารถเดาต้นสายปลายเหตุของเรื่องได้อย่างถูกต้องโดยแท้จริง
แต่น่าเสียดาย ยังคาดเดาน้อยไปจุดหนึ่ง
เขาไม่รับสารภาพหยุนอี่ว์โหรวออกไป ไม่ได้หมายความว่าเขารับหยุนอี่ว์โหรวเป็นนาย หากเพราะหยุนอี่ว์โหรวถูกจับได้ด้วยโทษฐานความผิดอื่น เขาก็สามารถยื่นมีดให้คนอื่นไปสังหารนางได้อย่างง่ายดาย
แต่เรื่องราวเกี่ยวข้องกับเสิ่นอี่ว์ เสิ่นอี่ว์ตรวจสอบออกมาได้ว่าหยุนอี่ว์โหรวร่วมมือกับคุณหนูน้อยวางแผนการเรื่อง “ลูกชู้” หากว่าเขาไม่ปกป้องหยุนอี่ว์โหรว เกรงว่าคุณหนูน้อยก็คงจะต้องติดร่างแหไปด้วย
ดังนั้นเรื่องนี้ เขายอมรับไม่ได้เด็ดขาด แม้ว่ารอบๆจะไม่มีใคร เขาก็ไม่สามารถยอมรับได้อย่างแน่นอน
เขาแก่ชราขนาดนี้แล้ว ความหมายของการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้คือการช่วยให้คุณหนูน้อยบรรลุเป้าหมาย หากคุณหนูน้อยของเขาสามารถเติบโตได้จนถึงจุดนี้ เขาจะตายก็ไม่เสียใจ……
“พระชายา ท่านฉลาดมากที่รู้ว่าคนที่ทำร้ายเสิ่นอี่ว์เป็นข้าน้อย แต่ท่านจะพูดจาเลอะเทอะไม่ได้ แม้ว่าพระชายารองหยุนจะมีมารยาสาไถย แต่อย่างไรก็เป็นผู้หญิง นางช่ำชองการอิจฉาริษยา แต่นางฆ่าคนปิดปากไม่เป็น”
หนานหว่านเยียนจ้องมองพ่อบ้านกาวที่อยู่เบื้องหน้า ขมวดคิ้วขึ้น
นางก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ว่าพ่อบ้านกาวจะปกป้องหยุนอี่ว์โหรวเพียงนี้ น้ำเสียงการเอ่ยปากเต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย “แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนที่เจ้าพูด แล้วเสิ่นอี่ว์ได้ไปล่วงเกินอะไรเจ้าอีก ถึงได้ทำให้เจ้าอยากจะลงมือฆ่าเขาเช่นนี้?”
พ่อบ้านกาวเลิกคิ้ว หัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง คำพูดจาดีๆที่พูดออกมาเหมือนออกมาจากใจจริงเช่นนั้น มองไปทางเสิ่นอี่ว์ด้วยความโกรธแค้น “ข้าติดตามท่านอ๋องมาสิบกว่าปี เรื่องน้อยใหญ่ในจวนล้วนมีข้าคอยจัดการด้วยตัวเอง”
“แต่เสิ่นอี่ว์ไม่เหมือนกัน เขาเป็นองครักษ์ข้างกายของท่านอ๋องตั้งแต่เด็กจนโต ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องเป็นอย่างมาก ข้ารู้สึกว่าคนผู้นี้เป็นภัยคุกคามมานานมากแล้ว ไม่ง่ายกว่าจะมีโอกาส เป็นธรรมดาที่จะต้องรีบสังหารให้สิ้นซาก เพียงแต่น่าเสียดาย ตอนนี้ร่างกายของข้าไม่ได้แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน ไม่เช่นนั้น ครั้งก่อนก็คงไม่เพียงแค่ปล่อยให้เขาหมดสติไปนานขนาดนี้เท่านั้น แต่จะทำให้เขา—ฟื้นขึ้นมาไม่ได้อีกตลอดไป”
“แต่ว่า” หัวข้อสนทนาของเขาเปลี่ยนไป สายตาค่อยๆมองไปทางหนานหว่านเยียน “ตอนนี้พระชายาก็รู้ความจริงแล้ว เช่นนั้นข้าน้อยก็ทำได้เพียงแค่ส่งท่านไป แล้วค่อยส่งเสิ่นอี่ว์ไปแล้วล่ะพ่ะย่ะค่ะ!”
พูดพลาง แววตาของพ่อบ้านกาวก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ล้วงมีดสั้นที่เปล่งประกายเย็นยะเยือกออกมาจากในหน้าอกทันที พุ่งไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง เล็งแทงไปที่หัวใจของหนานหว่านเยียนอย่างแม่นยำ
สีหน้าของหนานหว่านเยียนขรึมขึ้นทันที เพิ่งคิดจะหยิบหน้าไม้ที่โม่หวิ่นหมิงมอบให้นางไว้เพื่อเตรียมต่อกรออกมา
ทันใดนั้น เอวของนางก็กระชับ ตกเข้าไปสู่อ้อมอกอันแข็งแรงและกว้างใหญ่อย่างมั่นคง กลิ่นโม่เซียงโชยเข้าจมูกของนาง
ทันทีจากนั้น นางก็เห็นพ่อบ้านกาวถูกกู้โม่หานถีบเข้าที่ยอดอก
พ่อบ้านกาวกระอักเลือดออกมากมาย โซเซถอยหลังไปสองสามก้าว คุกเข่าลงบนพื้นอย่างไม่มั่นคง
น้ำเสียงทุ้มต่ำและกังวลแฝงไปด้วยความแหบพร่าเล็กน้อยดังขึ้นข้างหูของนาง
“ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”