ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 516 ให้ข้าอุ้มหน่อย

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 516 ให้ข้าอุ้มหน่อย

เมื่อวาน หลังจากหนานหว่านเยียนช่วยเสิ่นอี่ว์ฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็เล่าแผนการตอนนี้ให้เขาฟัง

ตอนนั้นเขาเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง วันนี้เห็นทุกอย่างด้วยตาตัวเอง เขาหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาตกตะลึงมากกว่า หนานหว่านเยียนรู้เรื่องทุกอย่างนี้ได้อย่างไร

หรือคนที่อยู่ในสถานการณ์จะมองไม่ทะลุ แต่คนที่อยู่นอกสถานการณ์จะมองได้ทะลุปรุโปร่ง?

ท่าทีหนานหว่านเยียนเป็นเหมือนปกติ

“ที่จริงก็คิดไม่อยาก พ่อบ้านกาวเป็นคนของเจ้า ยังเป็นคนเก่าคนแก่อยู่ในจวนอ๋องมานานหลายสิบปี เจ้าไม่มีทางคิดว่าเป็นเขาแน่ แต่ข้าไม่เหมือนกัน ข้ากับพ่อบ้านกาวไม่มีความสัมพันระหว่างกันลึกซึ้งขนาดนั้น และดูจากสภาพความบาดเจ็บของเสิ่นอี่ว์ ง่ายที่จะทำให้คิดถึงว่าเป็นฝีมือของคนที่รู้จักกันดี”

“ยังไงเสิ่นอี่ว์ก็มีวิทยายุทธ์สูงส่ง ยังเป็นองครักษ์ของเจ้า ถูกลักลอบทำร้ายจากทางด้านหลัง เป็นไปไม่ได้ว่าเขาตอบสนองไม่ทัน ยิ่งไม่มีทางถูกคนจับหัวโขกกำแพง นอกจาก….คนคนนั้นถูกเขาไว้วางใจ และยังเป็นคนที่เขาไว้ใจ ไม่คิดว่าจะเป็นคนร้าย”

หนานหว่านเยียนยิ่งพูด สีหน้ากู้โม่หานก็ยิ่งพูดถึง

เขาค่อยๆกำหมัดทั้งคู่ไว้แน่น ข้างหู เสียงของหนานหว่านเยียนยังดังอยู่อย่างต่อเนื่อง

“อีกอย่าง ศีรษะได้รับบาดเจ็บแล้วความจำเสื่อมถือเป็นเรื่องปกติ เสิ่นอี่ว์ก็ลืมเหตุการณ์ทุกอย่างในวันนั้นจริงๆ นอกจากบาดเจ็บอย่างที่เห็นแล้ว ยังอาจถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง จนทำให้เขาไม่อยากพูดถึงอีก”

“ที่ข้าจัดฉากในวันนี้ เพียงเพราะอยากหยั่งเชิงพ่อบ้านกาว และก็ให้เจ้าได้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนดี หากสามารถสืบรู้คนที่อยู่เบื้องหลัง งั้นก็ดีที่สุด”

สีหน้าของกู้โม่หานจากหนักแน่นจนถึงเศร้าสลด ดวงตาดำทั้งคู่ราวกับน้ำหมึกดำที่ไม่อาจจางหาย ริมฝีปากบางขาวซีด ไร้เลือดฝาด ยังแลดูบอบบางอ่อนแรง

“ข้าไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมคนที่ข้าไว้เนื้อเชื่อใจ สุดท้ายก็ล้วนทรยศข้า”

“ตอนที่ข้าเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นอี้อ๋อง พ่อบ้านกาวก็ปรากฏตัว ตอนนั้นข้ายังอายุน้อย ส่วนเขาก็เป็นเหมือนคนอายุมากคนหนึ่งที่ละเอียดอ่อน คิดวางแผนทุกอย่างได้อย่างเรียบร้อย ยังใส่ใจดูแลข้าเป็นอย่างดีมาตลอด ทำไมตอนนี้ เขาถึงทำกับข้าแบบนี้…..”

ผู้หญิงที่เขาเห็นเป็นคนที่มีบุญคุณช่วยชีวิตเขา ก็หลอกลวงเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้แต่หนึ่งในคนที่เขาไว้วางใจที่สุด ก็จงรักภักดีรับใช้คนอื่น

อีกอย่าง เสด็จพ่อที่เขาเคยเคารพที่สุด ตอนนี้ก็จ้องมองเขาอย่างละโมบทั้งที่เป็นลูกแท้ๆ

บนโลกนี้ ยังจะมีอะไรคู่ควรให้เชื่อถือไว้ใจได้อีก….

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วจ้องมองดูใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม สีหน้าของเขาดูย่ำแย่มาก ดูเศร้าสร้อยไร้ที่พึ่ง ไม่รู้ทำไม กู้โม่หานที่เป็นแบบนี้ ทำให้รู้สึกเอ็นดูน่าสงสาร ทำให้หัวใจของนางหดหู่ไปด้วย

เหมือนว่า กู้โม่หานไม่เคยแสดงอารมณ์แบบนี้ออกมาให้ใครเห็น แต่นางกลับเคยได้เห็นด้านที่ไม่มีใครรู้ของกู้โม่หานอย่างมากมาย….

ปกติเขาเป็นคนเด็ดเดี่ยวเย็นชา แม้แต่โกรธโมโหจัด ดูเหมือนล้วนทำให้คนอื่นมีภาพลวงตา

ทำให้คนอื่นลืมไปว่า เขาก็เป็นคนมีเลือดเนื้อ ร้องไห้หัวเราะเป็น เป็นคนธรรมดาที่ต้องการคนใส่ใจให้ความอบอุ่น

เมื่อคิดแบบนี้ หนานหว่านเยียนค่อยๆถอนหายใจ เอื้อมมือไปตบหลังกู้โม่หานเบาๆโดยไม่รู้ตัว พร้อมพูดปลอบขึ้นมาว่า

“กู้โม่หาน ในโลกนี้มีคนตีสองหน้ามากมาย เจ้าเป็นถึงองค์ชาย น่าจะรู้ดียิ่งกว่าข้า”

“ข้ารู้ก่อนถือเป็นเรื่องดี ไม่งั้นรอเจ้าถูกทำร้ายไปมากกว่านี้ ค่อยมารู้ว่าข้างกายมีคนที่มีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่ ถือว่าสายไปแล้ว ส่วนพ่อบ้านกาว ยังไงก็เป็นคนที่เจ้าเจอตั้งแต่อายุยังน้อย ยังดีกับเจ้า เจ้าเชื่อใจเขาผิดไปก็เป็นเรื่องปกติ”

“และข้าเองก็สามารถดูได้ว่า เขายังมีความจริงใจต่อเจ้าเลย เพียงแต่เส้นทางของพวกเจ้าไม่เท่ากันเท่านั้นเอง”

ฝ่ามือของผู้หญิงอบอุ่นนุ่มนวล น้ำเสียงที่พูดออกมาก็ไม่เยือกเย็นชา ดวงตากู้โม่หานสั่นอย่างรุนแรง หัวใจที่โกรธโมโหเจ็บปวดจนแทบระเบิด คิดอยากจะฆ่าคน จู่ๆก็ถูกปลอบให้อ่อนโยนลง

เขาอดไม่ได้ที่จะหันมามองหนานหว่านเยียนที่อยู่ข้างกายเขา สายตาของนางดำสว่างไสว สดใสบริสุทธิ์ ไม่แอบซ่อนแอบแฝงอะไรไว้ ยังแฝงไปด้วยความเห็นใจและเป็นกังวล

ความเห็นใจและเป็นกังวลที่มีต่อเขา

เห้อ กู้โม่หานอยากหัวเราะ ผู้หญิงที่เขาเกลียดมาตั้งใจแรก คิดว่าเป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยมที่สุด กลับเป็นคนที่ยังอยู่ข้างกายเขาเพียงคนเดียว

ถึงแม้ เป้าหมายของนางคืออยากหย่ากับเขา….

จู่ๆ กู้โม่หานก็โอบกอดหนานหว่านเยียนไว้ กอดนางไว้แน่น

หนานหว่านเยียนถูกกอดอย่างไม่ทันตั้งตัว แก้มติดอยู่ในอ้อมแขนที่อบอุ่นและแข็งของเขา นางยื่นมืออยากจะผลักเขา กลับยิ่งถูกกอดรัดไว้แน่น

“กู้โม่หาน……”

บนหัวมีเสียงกู้โม่หานพูดขึ้นมาด้วยเสียงแหบน่าฟัง เหมือนแฝงไปด้วยต่ำต้อยเล็กน้อยว่า “หว่านเยียน ให้ข้ากอดแปบหนึ่ง”

ไม่รู้ทำไม ได้ยินน้ำเสียงพูดขอร้องแบบนี้ หนานหว่านเยียนก็ไม่ต่อต้านเหมือนถูกผีอำ

ต่อให้เป็นเช่นนี้ ยังไงกู้โม่หานในตอนนี้ ถูกกระทำทั้งร่างกายและจิตใจ กอดแปบหนึ่งจะเป็นไรไป นางเม้นริมฝีปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ครั้งนี้ครั้งเดียว ต่อไปไม่ได้”

กู้โม่หานหลับตา หน้าซบตรงคอของนาง ปลายจมูกได้กลิ่นหอมจางๆของเส้นผมนาง สัมผัสที่นุ่มนวลไร้กระดูกในอ้อมแขนของเขา ทำให้เขารู้สึกสบายใจ

มีนางอยู่ข้างกาย ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถค้นหาดินแดนที่บริสุทธิ์ได้ ค้นหาเจอความสงบที่แท้จริง

คนแบบนี้ เขาจะปล่อยมือได้ยังไง?

เขาไม่ปล่อยมือแน่นอน หากเขาเป็นฮ่องเต้ นางก็ต้องเป็นฮองเฮา

ไม่ว่าจะต้องทำยังไง เขาก็จะต้องหาวิธีผูกมัดนางไว้ข้างกาย….

เนิ่นนาน จนคอหนานหว่านเยียนแข็งแล้ว กู้โม่หานค่อยปล่อยมืออย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วมองดูนาง

นางไม่ได้มองเขา ลูบปลายจมูกอยู่อย่างไม่สบอารมณ์ หมุนคอแล้วเห็นเขามองดูนาง หนานหว่านเยียนไอขึ้นมาสองที กำลังจะพูดขึ้นมา เขากลับหยิบเอาหยกห้อยเอวในมือของนางไป

หนานหว่านเยียนมองดูเขา เห็นเขาครุ่นคิด จึงถามขึ้นว่า “เป็นอะไรหรือ?”

เมื่อกี้ พ่อบ้านกาว ดูเหมือนจะมีปฏิกิริยากับหยกห้อยเอวอันนี้

กู้โม่หานมองดูหยกห้อยเอวสีแดงงดงามในมืออันนี้ ยิ่งดูก็ยิ่งคุ้นตา

“รู้สึกเหมือนว่า ไม่รู้เคยเห็นหยกห้อยเอวอันนี้อย่ที่ไหน”

จู่ๆ เขาก็คิดขึ้นมาได้ พร้อมหันไปมองหนานหว่านเยียน

“หยกห้อยเอวอันนี้ พระชายาเฉิงก็มีอันหนึ่ง หรือจวนเฉิงเซี่ยงพวกเจ้า มีคนละอัน….”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท