ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 525 มีความสุข

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 525 มีความสุข

กู้โม่หานกัดนางเพียงหนึ่งที แล้วก็รีบปล่อยนาง เขามองดูใบหน้าโกรธโมโหของหนานหว่านเยียน มุมปากกระตุกยิ้มอย่างบางเฉียบ

“เมื่อคืนแสดงละครต่อหน้าเสด็จย่าดีขนาดนั้น วันนี้บนร่างกายเจ้าไม่มีร่องรอยอะไรเลย เสด็จย่าก็จะรู้แผนของเราหมด ทิ้งร่องรอยไว้ คนอื่นจะได้ไม่พูดว่าอะไร เข้าใจไหม?”

งั้นจะต้องกัดแรงขนาดนั้นเลยหรือ?

นางยังรู้สึกได้ถึงความประสงค์ร้ายอย่างชัดเจน และจะต้องสวมชุดลำลอง ร่องรอยพวกนี้ล้วนถูกปกปิด สามารถปิดปากผู้คนอะไรกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นความตั้งใจทำ

หนานหว่านเยียนยกมือกุมตรงที่ถูกกัด เจ็บจนกัดฟัน นางกำลังจะพูดอะไร ในเวลานี้ หน้าประตูก็มีเสียงหลี่หมัวมัวดังขึ้นมาว่า

“เตี้ยนเซี่ย ไท่จื่อเฟย ท่านทั้งสองตื่นหรือยัง?”

หนานหว่านเยียนมองดูกู้โม่หาน ชายหนุ่มลงจากเตียงแล้ว สวมเสื้อผ้าเสร็จ ก็พูดขึ้นว่า “หลี่หมัวมัว เข้ามาเถอะ”

ในมือหลี่หมัวมัวมีเสื้อผ้าที่จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ผลักเปิดประตูห้อง ก็เห็นหนานหว่านเยียนผมยุ่งเหยิง บนร่างกายยังมีร่องรอย เห็นได้ชัดว่า “รักกัน” อย่างมาก

นางยิ้มอย่างปลาบปลื้ม หันไปมองกู้โม่หาน พร้อมพูดขึ้นว่า “เตี้ยนเซี่ย ไทเฮาเหนียงเหนียงให้บ่าวมาบอกท่านทั้งสองว่า วันนี้ในวังมีงานยุ่ง ท่านอ๋องมีภารกิจสำคัญ เดี๋ยวจะต้องมีงานยุ่งแน่”

“ไทเฮาเหนียงเหนียงมีรับสั่งว่า เดี๋ยวท่านอ๋องกับพระชายาทานอาหารเช้าแล้ว ก็ไปทำงานในสิ่งที่ต้องทำเถอะ ไม่ต้องไปถวายพระพรนางแล้ว”

“นี่เป็นชุดไปงานเตะบอลในวันนี้ ท่านกับไท่จื่อเฟยเปลี่ยนชุดได้เลย”

กู้โม่หานพูดขึ้นด้วยใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยว่า “อืม ข้ารู้แล้ว”

เวลานี้ หนานหว่านเยียนที่ดึงเสื้อขึ้นมาคลุมเรียบร้อยแล้วก็ขยับมาใกล้ นางปกคลุมร่องรอยที่กู้โม่หานทิ้งไว้เมื่อกี้ ยิ้มหวานให้กับหลี่หมัวมัว พร้อมพูดขึ้นว่า “รบกวนหลี่หมัวมัวไปกราบทูลให้ด้วยว่า ขอบคุณเสด็จย่า เมื่อคืนข้าหลับสบายมาก”

ได้ยินแบบนี้ หลี่หมัวมัวยิ่งยิ้มบาน พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ บ่าวจะไปกราบทูลเดี๋ยวนี้”

นางหันหน้าไป ถอยจากไปอย่างดีอกดีใจ

นางต้องไปบอกไทเฮา ตอนนี้ไท่จื่อกับไท่จื่อเฟยรักกันอย่างมาก ท่านจะได้สบายอกสบายใจ บางทีไม่นานก็จะมีเสี่ยวซื่อจือแล้ว….

หลี่หมัวมัวไปแล้ว หนานหว่านเยียนก็หุบยิ้ม หันไปถลึงตาใส่กู้โม่หาน หยิบชุดนักขี่ม้าสีแดงขึ้นมา แล้วเอาไปเปลี่ยนด้านหลังม่าน

กู้โม่หานมองดูเงาหลังของหญิงสาว แววตาเป็นประกาย สุดท้ายก็ค่อยๆสงบลง

ทั้งสองคนรับประทานอาหารเช้าแล้ว ก็ตรงไปยังสนามแข่ง

ระหว่างทาง หนานหว่านเยียนก็ได้ยินเสียงโห่ร้องเสียงดัง

เสียงจากไกลมาจนถึงใกล้ ยิ่งใกล้ถึงสนามแข่ง เสียงร้องยิ่งดังกระหึ่ม

นางกับกู้โม่หานเดินเคียงคู่กันมา เพิ่งเดินเข้ามาในสนามแข่ง ก็ก่อให้เกิดเสียงอุทานดังไปรอบด้าน

“ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยกับไท่จื่อเฟยเสด็จแล้ว”

“ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยสง่าผ่าเผย รูปหล่ออย่างมาก สวมชุดเตะบอลแบบนี้แล้ว ยังดูดีขนาดนั้น”

“เดิมไท่จื่อเฟยก็งดงาม ตอนนี้สวมชุดนักขี่ม้า ยิ่งเหมือนนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นเก้าตกลงมายังบนโลกมนุษย์”

“ไท่จื่อกับไท่จื่อเฟย เหมาะสมกันอย่างมาก”

นอกชุดนักขี่ม้าสีแดงของหนานหว่านเยียนแล้ว สวมเสื้อตัวนอกสั้นสีเงิน สายผูกเอวลวดลายเมฆ ผมสีดำสลวยฟ้าคราม เหมือนดั่งน้ำตกถูกหวีมัดเป็นหางม้าสูงสง่างามอยู่ด้านหลังศีรษะ

ทุกย่างก้าว กระโปรงสีแดงสดใสพลิ้วไสวไปตามสายลม ดวงตาที่วาววับทำเอาผู้คนต่างตกตะลึง

กู้โม่หานสวมชุดนักขี่ม้าสีดำ คอแขนเสื้อตกแต่งขอบด้วยสีทอง ภาวะอารมณ์รอบตัวเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ ตรงเอวผูกปมสองแฉกรูปดาวกับพระจันทร์ เป็นคู่กับหนานหว่านเยียนพอดี

ผมดำเกล้าสูงพร้อมสวมมงกุฎ ภูมิฐานสง่างาม แม้ว่าใบหน้าที่หล่อเหลานั้นจะปฏิเสธผู้คนเหินห่างออกไปหลายพันไมล์ แต่เมื่อยืนอยู่เคียงข้างหนานหว่านเยียน กลับแลดูงดงามอย่างผิดปกติ

ทุกคนต่างแอบอุทาน การมายังสนามแข่งในวันนี้ ช่างคุ้มค่าจริงๆ

หนานหว่านเยียนฟังเสียงเอะอะรอบด้าน อย่างรู้สึกปวดหัว

นางหันมองไปรอบๆ นอกจากทูตแคว้นเทียนเซิ่งกับองค์ชายสิบสองสามีภรรยาที่ชำนาญการเล่นนี้แล้ว ทุกคนล้วนเป็นหน้าเดิมๆ

กู้โม่เฟิงกับท่านอ๋องเจ็ดมาถึงแล้ว ทั้งสองกำลังเตรียมตัวสำหรับการลงแข่งในอีกสักครู่ ส่วนฉินอี้หรานกับฉินมู่ไป๋สองพี่น้องก็ยืนอยู่ด้านข้าง

สายตาของทั้งสองพี่น้อง ต่างจับจ้องมองดูนาง ถึงแม้จะดูไม่ออกว่ารู้สึกยังไง แต่หนานหว่านเยียนก็รู้สึกไม่ดี

นางขมวดคิ้วหันหน้าไป กลับหันไปพบสายตาของหนานชิงชิงท่ามกลางผู้คน ที่วันนี้แต่งตัวอย่างไม่ถือว่าโดดเด่น

หนานชิงชิงก็มา?

ไม่ได้เจอตั้งนาน หนานหว่านเยียนรู้สึกเพียงว่าหนานชิงชิงเหมือนจะผอมลง สีหน้าแลดูค่อนข้างมัวหมอง

กู้โม่หานเหลือบมองดูหญิงสาวข้างกายตน ได้ยินคนอื่นพูดว่าพวกเขาเหมาะสมกัน ไม่รู้ทำไม ในใจค่อนข้างรู้สึกมีความสุขขึ้นมา

เขากับหนานหว่านเยียนเดินมาถึงตรงกลางสนามแข่ง หันไปถวายบังคมกู้จิ่งซานกับชี่กุ้ยเฟยที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งชมตรงข้าม

ทั้งสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกันว่า “ลูก ถวายบังคมเสด็จพ่อ ถวายบังคมกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง”

“ไม่ต้องพิธีรีตอง” กู้จิ่งซานมองดูทั้งสองคน ด้วยสายตาเข้มเล็กน้อย

เขาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรมาก เพียงพูดคุยกับทูตแคว้นเทียนเซิ่งอย่างเป็นมารยาท สุดท้ายค่อยหันไปมองชี่กุ้ยเฟย

“ไม่ง่ายที่วันนี้ ลูกชายหลายคนของข้าล้วนอยู่พร้อมหน้า ให้พวกเขาปฏิบัติตนต่อหน้าทูตแคว้นเทียนเซิ่งให้ดี สนมรักกับข้า ดูการแข่งขันอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”

ชี่กุ้ยเฟยยิ้มแย้ม พร้อมพูดขึ้นอย่างอ่อนหวานว่า “ได้ยินมานานแล้วว่า แคว้นเทียนเซิ่งล้วนกล้าหาญ ชำนาญการศึก เตะบอล ขี่ม้ายิงธนู เพลงดาบ ล้วนเชี่ยวชาญทุกอย่าง วันนี้หม่อมฉันถือว่าได้เปิดหูเปิดตา ต้องขอบคุณที่ฮ่องเต้มีเมตตา”

กู้จิ่งซานผงกหัว จากนั้นก็หันไปพูดกับทุกคนว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็เริ่มการแข่งขันเลย”

“ตามกฎปฏิบัติของบรรพบุรุษ ใครยิงถูกเป้าเยอะที่สุด คนนั้นก็คือผู้ชนะ ทุกคนไม่ต้องระมัดระวังตัวมากเกินไป ล้วนงัดเอายอดความสามารถออกมา ผู้ชนะนั้นมีรางวัล”

ได้ยินแบบนี้ คนของแคว้นเทียนเซิ่งต่างก็ตื่นเต้นกันขึ้นมา

พวกเขาชอบการแข่งขัน เสียงคำรามโห่ร้องดังขึ้นมา ล้วนเป็นการให้กำลังใจฉินอี้หรานกับทูตคนอื่นๆของแคว้นเทียนเซิ่ง

หนานหว่านเยียนรู้ว่า การยิงธนูเป็นเรื่องสำหรับผู้ชาย นางอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ กลับแลดูขวางหูขวางตา จึงหันกลับไปนั่งดูอยู่ด้านข้างอย่างรู้ตัว

เพิ่งหันหน้าไป ข้อมือก็ถูกคว้าดึงจับไว้

นางหันกลับมา ก็สบกับสายตาคู่หงส์สีดำเป็นประกายของกู้โม่หาน เขาพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำอย่างเย้ายวนว่า

“พวกเขาล้วนมีคนให้กำลังใจ พระชายาไม่คิดที่จะให้กำลังใจข้า บ้างหรือ…..”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท