ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 527 ความสามารถของกู้โม่หาน

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 527 ความสามารถของกู้โม่หาน

หนานชิงชิงหันไปมองดู ท่าทีไม่ค่อยพอใจ

หนานหว่านเยียนเลิกคิ้ว อย่างค่อนข้างแปลกใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้เห็นความสามารถด้านการยิงธนูของกู้โม่หาน ซึ่งฝีมือการยิงธนูนี้ ถือว่าไม่เลว

เห็นทีทางด้านความสามารถ ไม่เสียงแรงที่เป็นถึงเทพสงคราม

กู้โม่หานกลับไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่น เขาตั้งใจหันไปมองหนานหว่านเยียนที่อยู่ท่ามกลางฝูงคน เห็นนางหันมายิ้มให้กับตนเอง สายตาฉายแววมีความสุขขึ้นมา

จากนั้น ข้างหูก็ได้ยินเสียงฉินอี้หรานที่เต็มล้นไปด้วยความชื่นชม ร้องตะโกนขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น

“ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยสมคำร่ำลือจริงๆ ลูกศรดอกแรก ความสามารถข้าไม่เท่าท่าน แต่อีกสองดอก ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยระวังตัวให้ดี”

ปกติเขาชอบที่จะต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่ง เจอกับกู้โม่หาน ยิ่งเจอเพชรตัดเพชร จึงปลุกเร้าความปรารถนาที่จะเอาชนะของเขาขึ้นมาทันที

กู้โม่หานหันไปมองฉินอี้หราน สีหน้าไม่สะทกสะท้าน

เขาหันไปหัวเราะให้กับฉินอี้หราน พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ผิงซวนอ๋องชมเกินไปแล้ว อีกสองดอกหลัง ขอผิงซวนอ๋องอย่ากดดัน เป็นไปอย่างปกติก็พอ”

พูดเสร็จ ฉินอี้หรานก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเสียงดัง

กู้โม่หานโอหังยิ่งนัก แต่เขาก็ชอบอย่างมาก หากคนคนนี้ได้เป็นน้องเขยของเขา เชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นเทียนเซิ่ง การครอบครองโลกทั้งใบเป็นปึกแผ่นอยู่ใกล้แค่เอื้อม

เขาตั้งถ้าขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้ เขาเตรียมที่จะยิงลูกศรสามดอกพร้อมกันในทีเดียว เสียงซี๊ดดังขึ้น สอนทั้งสามดอกแทงตรงกลางเป้า

ว้าว

เก่งกาจยอดเยี่ยมมากเลย

ยิงแม่นเหมือนจับวางจริงๆ

ผู้คนระเบิดเสียงเชียร์ดังสนั่นหวั่นไหว

ดูการแข่งขันระหว่างเทพสงครามกับเทพสงครามนั้น มีสีสันยอดเยี่ยมจริงๆ ล้วนคิดไม่ถึงเลยว่าพลังอานุภาพของพวกเขานั้นจะแข็งแกร่งขนาดไหน

“พี่ชายเก่งมาก” ฉินมู่ไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะร้องพูดให้กำลังใจฉินอี้หราน

กู้โม่หลิงกับกู้โม่เฟิงที่ยิงธนูก่อน ต่างมีท่าทีหวั่นไหวเล็กน้อย

ฝีมือของฉินอี้หราน ไม่เลวจริงๆ

ทุกคนต่างหันไปมองกู้โม่หานอย่างรอคอย อยากรู้ว่าเขาจะรับมือยังไง

เห็นกู้โม่หานก็เตรียมลูกศรสามดอก ดึงสายธนู

เสียง “ซี๊ว” ดังขึ้นมา ลูกศรทั้งสามดอกถูกยิงออกไป

ในขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดาว่า กู้โม่หานจะเหมือนเมื่อครั้งก่อน ยิงผ่าทะลุลูกศรของฉินอี้หรานหรือเปล่า แต่จู่ๆ ก็พบสิ่งที่พิเรนยิ่งกว่า

กู้โม่หานอาศัยกำลังภายในของการยิงธนู แทงหัวลูกศรของเขาเข้าที่เป้าหมาย

เสียง “ปัง” ดังขึ้น ตรงกลางเป้าแยกออกจากกัน แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน

ทุกคนอึ้งตะลึงจนลืมหายใจ นานสักพัก ค่อยได้สติกลับมา

“เซี้ย เป้าแตกแล้ว ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยเทพจริงๆ”

“นี่มีพลังแบบไหน ถึงสามารถทำให้เป้าแตกสลายได้? ความสามารถนี้อุกอาจเกินไปหรือเปล่า”

“และลูกศรของไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย ไม่ได้แตะต้องลูกศรของผิงซวนอ๋องเลยสักนิด กลับสามารถใช้กำลังภายในยิงทะลุเป้า พลังอานุภาพแข็งแกร่งมากจริงๆ”

ฉินมู่ไป๋นิ่งอึ้ง พี่ชายของนางเก่งขนาดไหนนั้นนางรู้ดี คิดไม่ถึงว่ากู้โม่หานจะแข็งแกร่งยิ่งกว่า

สายตาของนางร้อนรุ่มไปด้วยเพลิงไฟ ความรู้สึกรักชอบที่มีต่อกู้โม่หานยิ่งอยู่ก็ยิ่งทวีความรุนแรง

ไม่ได้ นางจะต้องทำให้กู้โม่หานมาเป็นสามีของนางให้ได้

ผู้ชายที่เก่งมีความสามารถขนาดนี้ ต่อให้มีผู้หญิงหลายคน นางก็ยอม

หนานหว่านเยียนก็อึ้ง คิดถึงฝีมือการยิงธนูของเกี๊ยวน้อย คิดถึงฝีมือการยิงธนูของ

ถึงว่าเจ้าลูกน้อยเก่งขนาดนี้ นางยังคิดว่าลูกเข้มกว่าพ่อ คิดไม่ถึงว่ากู้โม่หานจะเก่งขนาดนี้ งั้นเกี๊ยวน้อยอยู่ตรงหน้าเขา น่าจะยังไม่เพียงพอที่จะมอง….

ฉินอี้หรานมองดูเป้าที่แตกสาแหรกขาดอยู่บนพื้น สายตาที่ดุร้ายเคร่งขรึมลง เขาคิดไม่ถึงว่า กำลังความสามารถของกู้โม่หานจะแข็งแกร่งขนาดนี้

ถึงแม้การยิงธนูจะง่าย แต่สามารถทำได้ถึงระดับนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย

ความสามารถของกู้โม่หานเก่งกาจขนาดไหน ฉินอี้หรานรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

เขามองดูกู้โม่หาน พร้อมพูดขึ้นมาว่า “คิดไม่ถึงว่า ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยจะเก่งขนาดนี้ เห็นทีข้าประมาทเกินไปแล้ว”

“แต่ในเมื่อวันนี้เป้ายิงธนูเสียไปแล้ว งั้นก็พอแค่นี้ หากครั้งต่อไปมีโอกาส ข้าค่อยประลองกับไท่จื่ออีกครั้ง”

กู้โม่หานพยักหน้าอย่างเป็นเกียรติ ยื่นคันธนูในมือคืนให้กับองครักษ์ พร้อมหันไปพูดกับฉินอี้หรานว่า “ถือเป็นเกียรติของข้า”

การเผชิญหน้าระหว่างผู้แข็งแกร่งไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดมากเกินไป เพียงแค่ครั้งเดียว ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ว่า กู้โม่หานค่อนข้างได้เปรียบ

กู้โม่เฟิงเลิกคิ้ว ค่อนข้างคาดไม่ถึงว่า กู้โม่หาน จะแสดงออกมาแบบนี้

ความสามารถของกู้โม่หาน ทุกคนต่างเคยได้ยินว่าเขาเป็นเลิศในสนามรบอย่างไร แต่ก็เพียงแค่ได้ยิน น้อยครั้งที่จะได้เห็นเขาแสดงออกมา กู้โม่หานเป็นคนที่ไม่ชอบออกหน้าออกตา

วันนี้ที่ตั้งอกตั้งใจจะเอาชนะขนาดนี้ นอกจากต้องการปกป้องหน้าตาของแคว้นซีเหย่แล้ว เขารู้สึกเหมือนยังมีเหตุผลอื่น?

เหมือนกับนกยูงกระพือปีก เพื่อต้องการดึงดูดสายตาของใครบางคน….

แต่กู้โม่เฟิงก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ ยังไงก็ไม่ใช่เป็นการดึงดูดความสนใจของเขาแน่นอน

และเมื่อเป้ายิงธนูเสียหายอย่างสุดวิสัย การแข่งขันยิงธนูก็จำต้องหยุดลง

แต่ความจริงการแข่งขันในครั้งนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแข่งอีกต่อไปแล้ว เพราะผู้ชนะคือใคร ไม่ต้องบอกก็รู้

ทุกคนต่างก็กลับมาพักในท่ามกลางกลุ่มคน รอการแข่งขันแตะบอลในอีกไม่นาน

กู้โม่หานก็กลับมาอยู่ด้านข้างหนานหว่านเยียน ดื่มน้ำหนึ่งครั้ง แล้วก็ถามขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ข้าแสดงฝีมือได้เป็นอย่างไรบ้าง?”

น้ำเสียงค่อนข้างแผ่วเบา แต่หนานหว่านเยียนฟังแล้ว กลับรู้สึกเหมือนแฝงไปด้วยความได้ใจ โอ้อวดอะไรแบบนั้น

นางมองดูเขาแวบหนึ่ง พร้อมพูดชมอย่างจริงใจว่า

“เก่งอย่างมาก”

เขาเก่งกาจขนาดนี้ ต่อไปเกี๊ยวน้อยจะต้องเก่งกาจแน่

แต่ลูกสาวอ้วนท้วนตัวชมพู อ่อนโยน น่ารัก น่าเอ็นดูของนาง ต่อไปก็จะเป็นเทพสงครามหรือ?

หนานหว่านเยียนกำลังครุ่นคิดไปเรื่อย เรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกสาวทั้งสองคน นางมักจะเหม่อลอยอยู่บ่อยๆ จึงไม่เห็นว่าหลังจากที่กู้โม่หานได้ยินคำตอบของนางแล้ว ก็กระตุกมุมปากยิ้ม อย่างค่อนข้างภูมิใจมาก

เสียงดังกระหึ่มในสนามยิงธนู ทุกคนยังจมอยู่กับการแข่งขันของกู้โม่หานกับฉินอี้หราน

กู้จิ่งซานกับชี่กุ้ยเฟยอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งสูง ก็เห็นการแข่งขันเมื่อกี้ยังเต็มตา

กู้โม่หานทำเพื่อเกียรติภูมิของแคว้น ความสามารถเหนือกว่าแคว้นเทียนเซิ่ง เขาจึงควรที่จะดีใจ แต่กู้โม่หานแข็งแกร่งเกินไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดหวาดระแวง

คนที่แข็งแกร่งยากที่จะควบคุม ขอไปทีเหมือนอย่างกู้โม่หลิง แต่ก็ไม่ได้ด้อยเกินไป ถือว่าไม่เลว

รอเมื่อทุกคนพักผ่อนสักพัก กู้จิ่งซานก็พูดขึ้นมาว่า “การยิงธนูเป็นเพียงบททดสอบเล็กน้อย ทุกคนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ไม่ต้องใส่ใจ ต่อจากนี้เป็นการแข่งขันเตะบอล ทุกคนกระฉับกระเฉง เล่นกันสนุกสนาน”

พูดถึงเตะบอล น้อยนิดจากชาวบ้านประชาชน ใหญ่โตไปถึงราชวงศ์ในวัง ล้วนเป็นกีฬาที่ชื่นชอบ วันนี้ ทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความฮึกเหิม

หนานหว่านเยียนไม่ค่อยรู้เรื่องกฎการเตะบอล นางไม่ชอบออกกำลังกายที่สุด แต่ที่ผ่านมาเคยเห็นการแข่งขันเตะบอลในทีวี ไม่แตกต่างอะไรไปจากการเตะฟุตบอล เตะลูกบอลเข้าตะกร้าก็ได้คะแนนแล้ว

สามารถพยายามอย่างดีที่สุดได้อยู่มั้ง

แต่เวลานี้ จู่ๆฉินมู่ไป๋ก็ยืนขึ้นมา

นางมองไปทางกู้จิ่งซาน พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ฮ่องเต้ การเตะบอลปกติที่ไหนก็สามารถเล่นได้ หากแข่งกันแบบนี้ ไม่น่าตื่นเต้นเกินไปไหม”

“หากฮ่องเต้ไม่ถือสา ฟังความคิดของฮั่นเฉิงได้ไหม?”

เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ทุกคนต่างก็ให้ความสนใจขึ้นมา

กู้จิ่งซานมองดูฉินมู่ไป๋ พร้อมพูดขึ้นมาว่า “องค์หญิงฮั่นเฉิงพูดออกมาได้”

สายตาฉินมู่ไป๋ ปรากฏความพึงพอใจขึ้นมาทันที

“ปกติการเตะบอลก็จะรวมกลุ่มกันเอง เจ้าทีมหนึ่ง ข้าทีมหนึ่ง เตะเข้าแล้วก็ถือว่าชนะ ตอนนี้กฎไม่เปลี่ยนแปลง แต่ต้องให้ชายหญิงมัดมือติดกันแล้วเตะบอล จับคู่กันแบบนี้ ความยากก็จะเพิ่มขึ้น และก็สนุกขึ้นด้วย”

“แน่นอน ชายและหญิงให้สุ่มอยู่ทีมเดียวกัน ไม่สามารถตัดสินเลือกทีมจากการเป็นสามีภรรยาโดยตรง ไม่อย่างนั้นสามีภรรยามีความเข้าใจกันโดยปริยายอยู่แล้ว งั้นทีมอื่นก็จะเสียเปรียบ”

แน่นอนว่าคำพูดประโยคสุดท้าย ฉินมู่ไป๋พูดไปไร้สาระ นางเพียงแค่ต้องการแยกกู้โม่หานกับหนานหว่านเยียน

การเตะบอลในครั้งนี้ นางต้องคู่กับกู้โม่หาน ให้หนานหว่านเยียนไสหัวไปที่อื่น…

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท