ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 542 ชอบกู้โม่หาน

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 542 ชอบกู้โม่หาน

ฉินอี้หรานดูเหมือนจะประหลาดใจ “เอ๊ะ?”

หนานหว่านเยียนอธิบายเพิ่มเติม “พิษที่ข้าให้องครักษ์ไม่เพียงทำให้เขามีปฏิกิริยาโต้ตอบ แต่ยังทำให้คนที่อยู่ใกล้เขาเป็นเวลานานมีกลิ่นหอมแปลกๆ บนร่างกายด้วย ผู้คนรอบข้างไม่มีใครได้กลิ่น แต่ผึ้งจะชอบที่สุด ดังนั้นฆาตกรจึงหนีไม่พ้นแน่นอน”

หนานหว่านเยียนมีแผนสำรองจริงหรือ?!

นัยน์ตาของหนานชิงชิงสั่นไหวเล็กน้อยสังเกตได้ยาก อดเชิดขึ้นสูงไม่ได้

แววตาของกู้โม่หานเป็นประกาย สังเกตการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของทุกคนอย่างถี่ถ้วน แต่กลับไม่มีการแสดงออกใด ๆ บนใบหน้าหล่อเหลา

แต่คนที่อยู่ใกล้กับองครักษ์เมื่อครู่ จู่ๆ ก็ยืนไม่อยู่ ตื่นตระหนกอย่างที่สุด

“ไท่จื่อเฟย เมื่อครู่พวกเราก็ยืนใกล้กับองครักษ์ผู้นี้! แต่พวกเราบริสุทธิ์ใจจริงๆ เช่น…เช่นนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไหม?”

หนานหว่านเยียนส่ายหน้า พลางกวาดตามองไปรอบ ๆ

“ทุกท่านไม่ต้องกังวล เมื่อครู่พวกท่านอยู่กับองครักษ์ผู้นี้เป็นเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป ยาพิษของข้าจะออกฤทธิ์บนร่างกายของคนที่ใกล้ชิดกับเขา อยู่กับเขาเป็นเวลานานเท่านั้น”

ว่าแล้วนางก็หยิบถุงเครื่องหอมออกมาจากอก โรยไปที่บาดแผลบนร่างกายขององครักษ์ “ตอนนี้มาดูกันว่าผึ้งกำลังมองหาใครอยู่”

ทุกคนคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ บนโลกนี้จะมียาวิเศษเช่นนี้ได้อย่างไร?

แต่ฉินอี้หรานกลับจ้องเขม็งที่หนานหว่านเยียนด้วยดวงตาแวววาว สายตาดูลุ่มลึกร้อนแผดเผา

ในคืนเทศกาลปีใหม่ นางบอกว่านางจะช่วยชีวิตคนเท่านั้น ไม่รู้วิธีปรุงยาพิษ ดูท่าทาง…โกหกทั้งเพ

ไท่จื่อเฟยแห่งแคว้นซีเหย่ผู้นี้ช่างมีความสามารถ

เขายังขบคิดไม่ถึงไหน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง “หึ่งๆ” ดังอยู่ไม่ไกล

เสียงนั้นใกล้เข้ามา ดังแสบหูราวกับฟ้าผ่า

ใบหน้าของหลายคนซีดเผือดด้วยความกลัว บางคนร้องเสียงหลง “อ๊ากก! มีผึ้งจริงๆ! ผึ้งกำลังมาจริงๆ!”

“รีบหลบเร็ว!”

“อย่า อย่าต่อยข้า!”

ทุกคนกรีดร้อง เหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมาทันที

หนานชิงชิงเห็นดังนั้น ใบหน้าก็ซีดเผือด นางกำหมัดถอยหลังไปเรื่อยๆ อย่างเงียบๆ

นางอยู่กับหน่วยกล้าตายผู้นั้นไม่นาน แต่ก็ไม่ใช่แค่แป๊บเดียว หากผึ้งตัวนั้นต่อยนาง นางคงหาข้อแก้ตัวไม่ได้

แต่นางเพิ่งถอยออกไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนว่า “ดูสิ! ผึ้งกำลังไปต่อยผู้หญิงคนนั้น! ยาของไท่จื่อเฟยช่างอัศจรรย์จริงๆ!”

เสียงที่ไม่รู้ที่มาได้ดึงดูดสายตาของทุกคนในทันใด

ทุกคนพากันมองไปทางนั้น เห็นเพียงสาวใช้ในวังโบกมือทั้งสองพัลวัน พยายามขับไล่ฝูงผึ้งที่ล้อมรอบนางเป็นชั้นๆ

“โอ๊ย! อย่า! อย่าเข้ามานะ!”

เสียงร้องเจ็บปวดสุดหัวใจนั้นดังเลือนรางไม่หยุด แต่ก็ไร้ประโยชน์ สาวใช้นางนั้นถูกปกคลุมด้วยฝูงผึ้ง ทุกคนถึงกับอึ้งไป บางคนยิ่งตกตะลึง

“สาวใช้ในวังนางนั้นคือสาวใช้ประจำตัวพระชายาเฉิง!”

“ให้ตายสิ!”

“ผึ้งตัวนี้ต่อยสาวใช้ของพระชายาเฉิง หรือว่าผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังองครักษ์ผู้นั้นก็คือ…”

ผึ้งต่อยใคร แสดงว่าคนนั้นอยู่กับองครักษ์ทั้งวัน เรื่องนี้มองปราดเดียวก็เข้าใจ ทุกคนล้วนเข้าใจแล้ว แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ

อย่างไรเสียหนานชิงชิงก็เป็นพระชายาเฉิง เป็นผู้หญิงของอ๋องเฉิง ใครจะกล้ายั่วยุราชวงศ์ ไม่ได้เบื่อโลกแล้วเสียหน่อย

กู้โม่เฟิงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง มองผู้หญิงที่ร่วมเรียงเคียงหมอนกับเขามานานหลายปีอย่างไม่เชื่อสายตา

“หนานชิงชิง เจ้า…”

หนานหว่านเยียนและกู้โม่หานมองไปทางหนานชิงชิงด้วยแววตาเฉียบคม

คิ้วของกู้โม่หานขมวดแน่น เขารู้ว่าหนานชิงชิงเป็นจอมวางแผนและกล้าหาญ แต่หากจะบอกว่าหนานชิงชิงเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังในการวางกับดักครั้งนี้ เขาก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อ

นางไปเอาความสามารถมาจากไหน?

เมื่อหนานชิงชิงเห็นสีหน้าของกู้โม่เฟิง ก็มองสีหน้าของทุกคนอีกครั้ง รู้สึกว่าหัวใจแทบจะกระโดดออกมาจากอก ปัดความรับผิดชอบโดยสัญชาตญาณ

“ไม่ใช่เพคะ ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย ท่านอ๋อง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับหม่อมฉัน! หม่อมฉันอยู่ในจวนตลอดก่อนจะเข้าวัง ท่านอ๋องก็รู้ อีกอย่างวันนี้นอกจากอาบน้ำแต่งตัว หม่อมฉันก็ไม่ได้ไปไหนเลย แล้วจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง! จะเอาเวลาที่ไหนไปทำเรื่องแบบนี้!”

ว่าแล้ว นางก็แสร้งทำเป็นตกใจและสำนึกผิด ตวาดใส่ชิวซวงที่อยู่ท่ามกลางฝูงผึ้ง “ชิวซวง! อธิบายให้ข้าฟังชัดๆ ซิว่าทำไมเจ้าถึงอยู่กับองครักษ์ผู้นี้?!”

ชิวซวงถูกต่อยจนใบหน้าผิดรูป ใบหน้าบวมจนเกือบเท่าลูกบอลแล้ว ริมฝีปากก็หนาขึ้นและมันวาว

นางเอาแต่ส่ายหน้า ดิ้นรน แต่กลับพูดอะไรไม่ออก

หนานหว่านเยียนหรี่ตาลง ดึงถุงเครื่องหอมออกมาจากอก แล้วโยนไปที่เท้าของชิวซวง

สักพักฝูงผึ้งก็แยกย้ายกันไปหมด

ชิวซวงมีโอกาสได้หายใจ พลันทรุดลงกับพื้น

หนานหว่านเยียนตรงปรี่เข้าไปหานาง สีหน้าเย็นชาราวกับสระน้ำเย็น “ชิวซวง พระชายาเฉิงบงการเจ้า ให้มาทำร้ายข้ากับองค์หญิงฮั่นเฉิงและท่านอ๋องเจ็ดหรือ?”

ชิวซวงส่ายหน้า พึมพำพูดจาคลุมเครือ “ไม่ ไม่ใช่ ไม่มี ไม่มีใครสั่งบ่าว…”

กู้โม่หานมองชิวซวงอย่างจนตรอก สายตาอึมครึม น้ำเสียงเย็นชา

“เจ้าเป็นสาวใช้ประจำตัวของพระชายาเฉิง แทนที่จะดูแลอยู่ข้างกายนาง กลับไปเที่ยวกับองครักษ์ผู้อื่นทั้งวัน หากไม่ได้รับอนุญาตจากนายท่าน เจ้าจะมีโอกาสได้ยังไง! ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเป็นเพียงสาวใช้ตัวเล็กๆ กล้าแตะต้องไท่จื่อเฟยและท่านอ๋องขององค์หญิง เจ้าคิดว่าทหารรักษาพระราชวังตายแล้ว หรือเห็นข้าและผู้คนโง่เง่า?”

เรื่องมาถึงขั้นนี้ ชิวซวงก็ไม่มีทางเลือก ผึ้งต่อยนาง นางจึงเป็นฆาตกรอีกคนหนึ่งนอกจากองครักษ์ผู้นั้น

แต่นางไม่สามารถซัดทอดหนานชิงชิงได้ ชิวซวงเอ่ยอย่างเจ็บปวด “ไม่ใช่เพคะ! ไท่จื่อ แม้ว่าบ่าวจะเป็นคนของพระชายาเฉิง แต่ก็…ชอบท่านมาโดยตลอด”

“ถึงบ่าวจะไม่คู่ควรกับท่าน แต่หนานหว่านเยียนก็ไม่สมควรเป็นพระชายาของท่าน! นางมีคุณสมบัติหรือความสามารถอะไรที่จะได้รับความรักจากท่านเช่นนี้ ยังมีเสี่ยวจวิ้นจู่ทั้งสองนั่นอีก ใครจะรู้ว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านหรือไม่?”

“แต่เรื่องพวกนี้ไม่มีใครเชื่อ ดังนั้นบ่าวจึงไม่อยากให้นางอยู่ดีมีสุข บ่าวจึงร่วมมือกับองครักษ์ผู้นั้นวางแผนขึ้นมา ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของบ่าวเอง หากท่านอยากฆ่าอยากแทง ก็มาลงที่บ่าวเถอะ!”

ข้อแก้ต่างของชิวซวงมีจุดที่น่าสงสัยมากมาย แต่นางก็ยืนกรานจะรับผิดชอบทั้งหมด ไม่ยอมบอกว่าใครคือผู้บงการอยู่เบื้องหลัง

“เหตุผลคือเกลียดเพราะรัก เจ้าเกลียดข้า ต้องการกำจัดข้า แล้วจะทำอะไรกับองค์หญิงและท่านอ๋องเจ็ด?” หนานหว่านเยียนหัวเราะเยาะ ไม่เชื่อข้อแก้ต่างของชิวซวงแน่นอน พลางมองไปทางหนานชิงชิง

“พระชายาเฉิง นี่คือสาวใช้ของท่าน เชื่อฟังคำสั่งของท่าน ปกป้องท่านด้วยชีวิต ท่านจะอธิบายอย่างไร?”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท