ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 551 ความรักจากพ่อ

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 551 ความรักจากพ่อ

หากจําคุณหนูผิดไป เขาก็จะตายตาไม่หลับ

โทษฐานและจุดจบของหนานชิงชิง ก็จะถูกกระจายออกไปทั่วทุกหนแห่งในเมืองหลวงตั้งแต่ฟ้าสาง

แต่ขณะนี้ จวนอี้อ๋อง

ในห้องที่เงียบสงบ กู้โม่หานลืมตาขึ้นมาอย่างพรวดพราด นัยน์ตาสีแดงก่ำ ดวงตาก็สะท้อนภาพหนานหว่านเยียนและเด็กน้อยทั้งสองที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา

แสงยามเช้า ส่องลงมากระทบใบหน้าที่งดงามหมดจดของหนานหว่านเยียน ผิวขาวเกลี้ยงเกลา ขนตาเรียวยาวดั่งขนนก และเด็กน้อยทั้งสองที่แก้วนุ่มๆ กลมๆ นอนอยู่ข้างกายหนานหว่านเยียนอย่างเงียบๆ ดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก

มีภรรยาอยู่ในอ้อมแขน มีบุตรสาวอยู่เคียงข้าง สถานการณ์ที่ดีงามเช่นนี้ทำให้กู้โม่หานใจลอยไปชั่วขณะ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถหยุดอยู่ในช่วงเวลาที่อบอุ่นและมีความสุขเช่นนี้ตลอดไป

ทว่าเมื่อเขานึกถึงท่าทางที่กู้จิ่งซาน และฉินอี้หรานมาข่มเหงเมื่อวานนี้ และนึกถึงกู้จิ่งซานที่ขอให้เขายกทัพโจมตีแคว้นต้าเซี่ยดวงตางดงามคู่นั้นก็อึมครึมลงในทันที

แม้ว่าเขาจะอาลัยอาวรณ์กับฉากเช่นนี้ ก็ไม่ควรอยู่ในช่วงเวลานี้

สิ่งที่เร่งด่วนในตอนนี้คือการกวาดล้างปัจจัยความไม่มั่นคงทั้งหมด

กู้โม่หานระงับความโกรธภายในดวงตาของเขาไว้ จุมพิตลงบนหว่างคิ้วของหนานหว่านเยียน จากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืน และเดินออกจากห้องไป

ในเรือนเซียงหลิน เซียงอวี้ที่กําลังทำความสะอาดอยู่เห็นกู้โม่หาน สายตาหยุดนิ่งด้วยความตกใจจนหัวใจแทบตกลงไปอยู่ตาตุ่ม

ท่านอ๋องมาตั้งแต่เมื่อใดกันเจ้าค่ะ

“ท่าน——” นางเตรียมกําลังทำความเคารพ ก็ถูกหยุดไว้ด้วยสายตาของกู้โม่หาน

กู้โม่หานพูดออกมาเบาๆ ว่า “อย่าพูดเรื่องนี้กับพระชายา”

ไม่อย่างนั้น หนานหว่านเยียนก็จะใส่อารมณ์กับเขาอีก

“เจ้าค่ะ ท่านอ๋อง” เซียงอวี้พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าดู สายตามองตามกู้โม่หานที่เดิน ทว่าในใจกลับดีใจอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อคืนท่านอ๋องพักที่เรือนเซียงหลิน หรือว่าท่านอ๋องจะกอบกู้ใจของพระชายางั้นหรือ?!

อย่างนั้นก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ!

หลังจากกู้โม่หานจากไป เวลาประมาณครึ่งก้านธูป เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน

เกี๊ยวน้อยนึ่งเพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา ก็อดไม่ได้ที่จะปิดตาลงไปอีก ซาลาเปาน้อยยื่นมือไปจิ้มหน้าเกี๊ยวน้อย และพูดอย่างงุงงง และอ่อนโยนว่า “พี่สาว เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าเมื่อคืนตอนที่นอนหลับ ข้างกายเหมือนยังมีคนอีกคน”

ความรู้สึกนั้นเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก เหมือนตอนที่พ่อเฮงซวยอุ้มนาง ทำให้นางรู้สึกสบายใจ

เกี๊ยวน้อยขยี้ตาด้วยความง่วง นางหันกลับไปมองบนเตียง จึงเห็นหนานหว่านเยียนที่ไม่รู้ว่ามานอนอยู่ข้างพวกนางตั้งแต่เมื่อใด

นางรีบทำเสียง “ชู่วว์” ท่านแม่ยังไม่ตื่น พวกเราอย่าส่งเสียงดังรบกวนนาง”

“อืมอืม” ซาลาเปาน้อยมองไปยังหนานหว่านเยียนที่กำลังหลับสนิท ก็พยักหน้าเช่นกัน

เมื่อวานพวกนางรอท่านแม่เป็นเวลานานมาก ทว่าก็ไม่ได้รอจดท่านแม่กลับมา

คิดดูแล้วท่านแม่จะต้องเหนื่อยแน่ๆ เพราะทุกครั้งที่ท่านแม่กลับมาจากวัง ก็จะรู้สึกเหนื่อยล้าทุกครั้ง

พวกนางจะต้องเป็นเด็กดี ไม่ส่งเสียงดังปลุกท่านแม่ ให้ท่านแม่ได้นอนหลับเต็มอิ่ม!

เป็นที่รู้กันของทั้งคู่ พวกนางลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง ช่วยกันแต่งตัว กำลังจะออกไป ก็เห็นหนานหว่าเยียนลืมตาขึ้นมาด้วยความสะลึมสะลือ

ก้อนเนื้อกลมๆ บนใบหน้าของเด็กน้อยทั้งสองสั่นไม่หยุด พร้อมยิ้มหวาน “ท่านแม่ ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ!”

เมื่อเห็นเด็กน้อยทั้งสองที่มีชีวิตชีวา หัวใจของหนานหว่านเยียนก็ละลายลงทันที

ความตึงเครียดที่สะสมอยู่ในใจของนางในช่วงเวลานี้ และความวิตกกังวลที่ค่อยๆ เกิดขึ้น ก็หายไปในทันทีออกไปในทันที

นางลุกขึ้นนั่ง อ้าแขนกอดเจ้าก้อนน้อยนุ่มนิ่มน่ารักทั้งสอง “เมื่อวานเป็นอย่างไรบ้าง”

ซาลาเปาน้อยพยักหน้าและพูดว่า “ดีมากเจ้าค่ะ เมื่อวานเหล่าเซียนเซิงทยอยกันกลับจวนเจ้าค่ะ!”

มีความประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตาของหนานหว่านเยียน เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันที่ห้าแล้ว เวลาผ่านไปไวเสียจริง

“หากเป็นเช่นนี้ ในวันนี้พวกเจ้าจะต้องเข้าเรียนกับเหล่าเซียนเซิงใช่หรือไม่?”

เกี๊ยวน้อยพยักหน้า หัวเล็กๆ เสียดสีไปมาในอ้อมอกของหนานหว่านเยียน “อืมอืม แต่เหมือนว่าวันนี้โม่เซียนเซิงจะมีธุระ วันนี้ไม่ต้องเข้าเรียนวิชาของโม่เซียนเซิง”

ซาลาเปาน้อยก็กล่าวคล้อยตามกันว่า “ท่านปู่หมิงกล่าวว่า วันนี้โม่เซียนเซิงออกไปข้างนอก อาจจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ สองวันมานี้ข้ากับพี่สาวได้ทำของขวัญชิ้นเล็กๆ ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง อยากจะมอบให้โม่เซียนเซิง ดูท่าแล้วจะต้องรอไปก่อน”

หนานหว่านเยียนลูบปลายจมูกทั้งสองเบาๆน้ำเสียงอ่อนโยนและพึงพอใจเป็นอย่างมาก “ช่างเป็นเด็กดีของแม่จริงๆ ไม่เป็นไรรอโม่เซียนเซิงกลับมาในวันพรุ่งนี้ เมื่อเห็นของขวัญของพวกเจ้า เขาจะต้องดีใจมากอย่างแน่นอน

ความจริงแล้วเมื่อพูดถึงโม่หลี นางก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคราวก่อนที่เข้ามอบหยกห้อยเอวให้กับเด็กน้อยทั้งสอง ยังมีหยกห้อยเอวของหนานชิงชิงชิ้นนั้นที่คล้ายกัน ที่กู้โม่หานกล่าวถึงอีก

นางอยากรู้ว่าโม่หลี และท่านแม่ของเจ้าของร่างเดิมมีความสัมพันธ์อะไรกัน เหตุใดโม่หลีถึงต้องการเข้าใกล้นาง ในตอนนั้นฮูหยินเฉิงเซี่ยงสองแม่ลูกทำอย่างไรถึงมีหยกห้อยเอวของท่านแม่เจ้าของร่างเดิมมาครอบครองได้

สิ่งเหล่านี้ น่าจะมีส่วนความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน…

เกี๊ยวน้อยเห็นว่าหนานหว่านเยียนใจลอยตลอด จึงอดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของหนานหว่านเยียน

“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านลุกขึ้นนั่งให้ดี ข้าและซาลาเปาน้อยจะช่วยท่านเปลี่ยนเสื้อผ้า

ซาลาเปาน้อยรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ลองทำดู “อืมอืม รอข้ากับพี่สาวช่วยท่านแม่แต่งตัวเสร็จแล้ว ก็ไปรับประทานอาหารเช้าด้วยกันกับท่านปู่หมิง”

“ได้” หนานหว่านเยียนไม่ได้ปฏิเสธ และยิ้มหวานให้พวกนาง

ช่วงเวลาอบอุ่นที่ที่รับประทานอาหารกับท่านน้าแล้วก็เจ้าเด็กน้อยทั้งสอง ไม่ได้มีมานานแล้ว

นางก็จะได้ใช้โอกาสนี้ ถามท่านน้าว่า เหตุถึงได้สนิทสนมกับโม่หลีถึงเพียงนี้ และหยกห้อยเอวในมือของโม่หลี ในฐานะที่ท่านน้าเป็นน้องชายสาบานของท่านแม่ ไม่มีทางที่จะไม่เคยเห็น

เวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป ในที่สุดทั้งสามแม่ลูกก็แต่งตัวจนเสร็จ และออกไปกินข้าวในเรือน

ในลานบ้าน โม่หวิ่นหมิงได้นั่งอยู่บนม้านั่งหินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชุดสีขาวที่สง่างาม

นางพาเด็กทั้งสองเดินเข้าไปหาเขา “ท่านน้า”

โม่หวิ่นหมิงหันหน้ามา เห็นหนานหว่านเยียนและเด็กน้อยทั้งสองเดินเข้ามาหาเขา ดวงตารูปดอกท้อก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน

“พวกเจ้ามาแล้ว นั่งลงเถิด”

เขาเคาะม้านั่งหินที่อยู่ข้างๆ

หลังจากหนานหว่านเยียน และเด็กๆ นั่งลง หนานหว่านเยียนก็จับชีพจรให้เขา “ท่านน้าขาของท่านฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ รายการยาที่ข้าเขียนให้คราวก่อน ได้ดื่มยาตรงเวลาหรือไม่เจ้า ”

โม่หวิ่นหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ลุกขึ้นเดินได้สักพักแล้ว แต่นานไปไม่ค่อยได้”

หนานหว่านเยียนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก โม่หวิ่นหวิงมีร่างกายที่แข็งแรงเป็นทุนเดิม เพิ่งจะผ่านมาเดือนกว่าก็สามารถฟื้นได้ขนาดนี้ เร็วกว่าที่นางคาดไว้มาก

“ขาของท่านดีขึ้นแล้วเป็นเรื่องที่ดี แต่ยาชนิดนี้อีกสองสามวันก็ต้องเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงกำหนดข้าจะเขียนใบสั่งยาให้ใหม่ ให้เซียงอวี้นำไปมอบให้กับท่าน”

เกี๊ยวน้อยมองไปที่โม่หวิ่นหมิง เผยให้เห็นฟันขาวสองซี่ “ท่านปู่หมิงหายไวๆ นะเจ้า!” คราวก่อนโม่เซียนเซิงกล่าวว่า รอท่านหายดี ก็จะพาพวกเรากับล่า ปู๋ล่า ออกไปเล่นว่าวไม้กันเจ้าค่ะ! ”

ซาลาเปาน้อยก็พยักหน้าด้วย “อืมอืม พวกเรารอท่านและโม่เซียนเซิงมาสอนวิชาอาคมกลไกใหม่ๆ ให้พวกเราอยู่นะเจ้าค่ะ! ”

โม่หวิ่นหมิงรู้สึกอบอุ่นมาก เขาลูบเส้นผมของหนูน้อยทั้งสองไปมา “ได้ ข้าจะต้องหายในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน”

รอโม่หลีจัดการเสร็จแล้ว หลังกลับจากแคว้นต้าเซี่ย พวกเขาอยากจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น

เกี๊ยวน้อยแกว่งขาสั้นๆ ไปมาในอากาศอย่างมีความสุข “รอข้าเรียนรู้วิชาอาคมกลไกแล้ว จะต้องทำให้เอาชนะท่านพ่อได้อย่างแน่นอน!”

ซาลาเปาน้อยตอบกลับทันทีว่า “พี่สาวเก่งขนาดนี้สามารถทําได้อย่างแน่นอน!” เมื่อถึงเวลานั้นข้าก็จะไปเรียนรู้การวางหมากรุกกับท่านพ่อเสียหน่อย!”

เด็กน้อยทั้งสองคนไม่ได้ตั้งใจที่จะกล่าวถึงกู้โม่หาน หนานหว่านเยียนที่ยิ้มมาตลอดกลับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

แม้ว่าจะเป็นคำพูดที่มาจากจิตใต้สํานึก แต่ก็หมายความว่าเกี๊ยวน้อย และซาลาเปาน้อยได้มีความรู้สึกดีๆ ต่อกู้โม่หานโดยไม่รู้ตัว

แม้ว่าเด็กน้อยทั้งสองคนจะสนับสนุนตัวเองมาโดยตลอด แต่นางก็รู้ดีกว่าใครว่าพวกนางต้องการความรักจากพ่อมากเกินไปแล้ว…

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท