ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 560 มีบุตรอีก
หนานหว่านเยียนเลิกคิ้ว กู้โม่หานเอาใจใส่เด็กน้อยทั้งสองเป็นอย่างดี คอยดูแลตลอดเวลา นางไม่ได้พูดอะไรมาก และไม่ได้จับมือเขา นางยกกระโปรงขึ้นแล้วขึ้นไปบนรถม้า
มือกู้โม่หานว่างเปล่า เขาลดสายตาลง แล้วตามไปติดๆ
รอให้พวกเขานั่งสนิท แล้วอวี๋เฟิงเพิ่งควบม้าออกจากหน้าประตูจวนอ๋อง
ในไม่ช้า ทุกคนก็มาถึงชายฝั่งทะเลสาบหลิ่ว
กู้โม่หานลงจากรถก่อน เขายืนแขนทั้งสองมารับเกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อย “ช้าๆหน่อย”
สองพี่น้องมองไปยังกู้โม่หานด้วยดวงตาสีดำสดใสและยิ้มอย่างอ่อนหวาน แล้วพูดพร้อมกันว่า “ขอบคุณเพคะเสด็จพ่อ”
ก่อนออกไปท่านแม่ได้กำชับว่า อยู่ข้างนอกเรียกเขาว่าเสด็จพ่อได้
ด้วยคำเรียกที่ไม่ได้ยินมานานแบบนี้ ดวงตาของกู้โม่หานก็รู้สึกชื่นใจ และรู้สึกหัวใจอบอุ่นขึ้นมาทันที
เขาลูบหัวเด็กน้อยทั้งสองแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร”
หนานหว่านเยียนลงจากรถม้า ทั้งสี่ยืนอยู่ด้วยกันช่างเป็นอะไรที่ลงตัวมากจริงๆ
อวี๋เฟิงมองอยู่ข้างๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาชี้ไปที่แผงขายประทีบลอยน้ำเล็กๆที่ริมฝั่งแม่น้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก “ท่านอ๋อง พระชายา ที่นั่นดูคึกคักมากเลย ทำไมไม่ลองไปดูสักหน่อยล่ะ”
วันนี้เป็นโอกาสดี หวังว่าจะถือเอาโอกาสนี้มาทำให้ความสัมพันธ์ของท่านอ๋องและพระชายากลับมาเหมือนเดิม
กู้โม่หานกล่าวด้วยเสียงทุ้มๆ ว่า “อืม”
เขาจูงมือเด็กน้อยเดินแล้วไปที่ริมฝั่งทะเลสาบ
หนานหว่านเยียนเดินตามมาด้านหลัง จ้องมองไปที่เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยที่กำลังพูดคุยอย่างมีความสุขกับกู้โม่หาน โดยเฉพาะซาลาเปาน้อย ที่นัยน์ตามองไปที่กู้โม่หานนั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและความสุข
หนานหว่านเยียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยนางยังมีเรื่องหนักอกหนักใจอยู่
ลูกทั้งสองของนางตอนนี้นับวันยิ่งชอบกู้โม่หานมากขึ้น
หากรอจนถึงวันที่พวกนางต้องจากไป เด็กๆ ทั้งสองจะรู้สึกทำใจไม่ได้ เช่นนั้นนางจะทำใจที่จะจากพวกนางไปได้จริงๆเหรอ
กู้โม่หานพาเกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยไปยังหน้าแผงขายประทีปลอยน้ำ
เกี๊ยวน้อยยืนเขย่งเท้า สองมือน้อยๆ ก็เกาะแผงขายของด้วยแววตาอันสดใสและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ว้าว~ประทีบลอยน้ำสวยๆเยอะแยะไปหมดเลย ข้าเพิ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย”
“ใช่ไหมล่ะ?” ซาลาเปาน้อยพยายามจะเอื้อมมือขึ้นไป แต่นางตัวเล็กเกินไปจนมองเห็นของที่อยู่บนแผงขายไม่ได้ชัดนัก ในขณะที่นางรู้สึกหมดแรงจะงดเว้น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเท้าทั้งสองกำลังลอยขึ้นไปในอากาศ สายตาก็มองได้สูงขึ้นมาได้เยอะอย่างทันที
นางตกใจแล้วหันไปมอง ก็พบว่ากู้โม่หานกำลังอุ้มนางและยิ้มให้นาง “ดูประทีบลอยน้ำสิ”
ซาลาเปาน้อยยิ้มหวานอยู่ครู่หนึ่ง ร่างกายก็พิงอยู่ในอ้อมแขนของกู้โม่หานอย่างไม่ตั้งใจ
“อื้มๆ”
ความรู้สึกที่มีเสด็จพ่ออยู่ข้างกายนี่ดีจริงๆ
น่าเสียดายที่อีกไม่นานพวกนางต้องแยกไปกับท่านแม่แล้ว แล้วก็ไม่รู้อีกว่าก่อนหน้านี้จะสามารถทำตามคำพูดของเสด็จย่าทวดได้หรือไม่ นางและพี่สาวพยายามอย่างหนัก เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างท่านแม่กับเสด็จพ่อดีขึ้นมาบ้าง
ท่านแม่จะยอมให้อภัยเสด็จพ่อ และจะกลับมาคืนดีกับเสด็จพ่ออีกไหมนะ……
กู้โม่หานไม่ทันได้สังเกตเห็นความคิดของสาวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน เขามองไปที่เจ้าของแผง “ของเหล่านี้ ข้าเอาหมดเลย”
เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยมองตากันสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
นี่ไม่ได้มากไปใช่หรือไม่?
เจ้าของแผงเห็นเช่นนี้ดวงตาทั้งสองก็ลุกวาวทันที มือทั้งสองถูกันไปมาแต่สีหน้าดูจะลำบากใจอยู่นิดหน่อย “เอ่อ……”
กู้โม่หานขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่ขายรึ?”
เจ้าของแผงรีบโบกมือบัดทันที “ไม่ใช่ๆ ขอรับ! คุณชาย คุณนายยินดีซื้อประทีบลอยน้ำของข้าน้อย แน่นอนว่าข้าน้อยดีใจมากๆ ขอรับ”
“แต่การลอยประทีปลอยน้ำในเทศกาลโคมไฟเนี่ย สิ่งสำคัญคือความหมายที่แฝงอยู่ในตัวมัน ไม่ใช่ปริมาณ การที่ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาและขอพรด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคนรักหรือญาติพี่น้อง คุณค่าล้วนแต่อยู่ที่คำว่า ‘ความสัตย์จริง’”
“ถ้าท่านอยากได้จริงๆ เหตุใดให้หนูน้อยทั้งสองเลือกอันที่ตัวเองชอบมาหนึ่งอันไม่ดีกว่าหรือ แล้วท่านกับภรรยาของท่านก็เลือกมาอันหนึ่ง อีกประเดี๋ยวเมื่อถึงยามเว่ย(ช่วงเวลา13.00-15.00) ทุกคนจะปล่อยประทีปลงทะเลสาบหลิ่วแห่งนี้เพื่ออธิษฐานขอความสิริมงคล”
กู้โม่หานได้ยินคำนี้แล้วก็ชะงักอย่างเห็นได้ชัด
เขาไม่เคยลอยประทีปลอยน้ำมาก่อน เลยไม่รู้ว่าแท้ที่จริงมันมีความหมายเช่นนี้แฝงอยู่ในนั้น
เมื่อก่อนตอนที่ยังเยาว์วัย เสด็จแม่มักจะพูดกับเขาเสมอว่ารอให้โตกว่านี้แล้วจะพาเขาออกจากวังไปฉลองเทศกาลหยวนเซียวที่เมืองหลวง
แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่สามารถรอให้ถึงวันนั้นได้
วันนี้เป็นวันแรกที่เขาจะได้ปล่อยประทีปลอยน้ำ
กู้โม่หานหันไปมองหนานหว่านเยียนที่กำลังรอพวกเขาอยู่ที่เดิมทีนึง จู่ๆก็ยิ้มมุมปากด้วยท่าทีที่พอใจ
เขามองไปที่เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็เลือกอันที่ชอบมาสองชิ้น แล้วเดี๋ยวพวกข้าไปปล่อยประทีปกัน”
“ได้เลยเพคะ!” เกี๊ยวน้อยกระตือรือร้นอย่างดีอกดีใจทันที ดวงตากลมโตทั้งสองก็กวาดมองไปยังแผงขาย
ซาลาเปาน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของกู้โม่หานก็จ้องมองไปยังประทีปมากหมายหลายแบบด้วยความเพลิดเพลิน แล้วขบคิดไปพร้อมกับกัดนิ้วตัวเอง
กู้โม่หานเห็นประทีปสีแดงสดราวกับหางนกฟีนิกซ์
ประทีปลอยน้ำนี้มีรูปทรงสวยงามและมีเอกลักษณ์ในด้านฝีมือ เพียงมองแวบแรกก็ทำให้กู้โม่หานคิดโยงไปถึงหนานหว่านเยียนอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ตอนนี้ นิ้วเล็กๆอ้วนๆของเกี๊ยวน้อยชี้ไปที่ประทีปรูปกระต่ายสีขาว และกระพริบตาไปที่กู้โม่หาน “เสด็จพ่อ ข้าอยากได้อันนี้!”
กู้โม่หานมองดูประทีปรูปกระกระต่ายสีขาวอันแสนน่ารักแล้วเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ
อันที่จริงเขาคิดว่าเกี๊ยวน้อยจะชอบของที่ดูออกจะ “บ้าระห่ำ” หน่อย คิดไม่ถึงว่าแท้ที่จริงเด็กน้อยคนนี้จะชอบอะไรที่น่ารักๆ เช่นนี้
“ได้สิ” เขายิ้มมุมปากพลันมองไปที่ซาลาปาน้อย “เจ้าล่ะ”
ซาลาเปาน้อยค่อยๆ หันไปที่ประทีบรูปกล้วยไม้แล้วชี้ “ข้า ข้าอยากได้อันนี้”
กู้โม่หานกล่าวตอบ “ห่อมาให้หมดเลย ยังมีอันนั้นอีกอันนะ”
นิ้วอันเรียวยาวของผู้ชายชี้ไปที่ประทีบหางฟินิกซ์ เจ้าของแผงพยักหน้ารับด้วยความปลื้มใจแล้วรีบทำตามอย่างเร่งรีบ
“ได้เลยขอรับ!”
เจ้าของแผงนำประทีปทั้งสามส่งให้กับกู้โม่หาน “ทั้งหมดนี้ยี่สิบเหวิน(หน่วยของเหรียญทองแดงของโบราณ) นี่ขอรับท่าน”
กู้โม่หานไม่ได้รีบร้อนที่จะจ่ายเงิน แล้วมองหนานหว่านเยียนที่อยู่ไม่ไกลจากเขา จากนั้นเขาก็ค่อยๆวางซาลาเปาน้อยลงที่พื้นอย่างระมัดระวัง
เขาส่งประทีปหางฟินิกซ์ให้เด็กน้อยสองคน แล้วโน้มตัวลงพูดว่า “นำสิ่งนี้ไปให้เสด็จแม่ของพวกเจ้านะ”
“ได้เพคะ!” เด็กน้อยสองคนถือประทีปหางฟินิกซ์วิ่งกระโดดโลดเต้นไปยังหนานหว่านเยียน
กู้โม่หานหยิบแท่งเงินออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เจ้าของแผง “นี่เงิน”
“ขอรับ!” เจ้าของแผรับเงินมาอย่างดีใจ ตอนที่เขากำลังทอนเงินอยู่นั้นก็พบว่ากู้โม่หานให้เงินมาเยอะเกิน
เขาเลยรีบตะโกนพูดขึ้นมาว่า “คุณชาย แค่ยี่สิบเหวินเท่านั้นเองขอรับ! ท่านให้มาเยอะเกิน!”
กู้โม่หานกลับพูดอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ
“นี่เป็นค่าตอบแทนที่เจ้าชี้แนะการลอยประทีปให้กับข้า”
เจ้าของแผงถึงกับผงะเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แล้วก็ยิ้มตาหยี
คนดีๆก็ยังมีเยอะมากนี่นา
“เช่นนั้น ข้าก็ขอให้คุณชายและคุณนายรักกันไปตลอดชีวิต และมีบุตรด้วยกันอีกนะขอรับ”
มีบุตรอีกนะเหรอ
ได้สิ
คืนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดี
กู้โม่หานยิ้มมุมบอกแล้วเดินไปยังหนานหว่านเยียนและเด็กน้อยทั้งสอง
เกี๊ยวน้อยเดินไปข้างๆหนานหว่านเยียนพร้อมกับยื่นประทีปให้กับนาง “เสด็จแม่ นี่ค่ะ”
ทันทีที่หนานหว่านเยียนเห็นประทีปอันประณีตและงดงามก็รู้สึกชอบมากๆ แล้วก้มศีรษะไปหอมแก้มเด็กน้อยทั้งสองฟอดใหญ่ “สมแล้วที่เป็นลูกของแม่ รู้ด้วยว่าแม่ชอบอะไร”
เกี๊ยวน้อยยิ้มให้กับนางอย่างมีเลศนัย “เสด็จแม่ นี่เสด็จพ่อเลือกให้ท่านเองต่างหาก งดมากมากๆ เลย!”
ซาลาเปาน้อยก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ใช่แล้วๆ ! เสด็จพ่อถูกใจอันนี้ตั้งแต่แรกเห็นเลยเจ้าค่ะ!”
หนานหว่านเยียนคาดไม่ถึง “นี่เขาเลือกให้ข้าอย่างนั้นหรือ?”
กู้โม่หานก็รู้สิ่งที่นางชอบตั้งแต่ตอนไหนแล้วล่ะ?!
นี่มันมีอะไรตรงไหนที่ผิดปกติไป……