ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 561 หยีเฟยเริ่มพูดได้แล้ว

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 561 หยีเฟยเริ่มพูดได้แล้ว

“อืม ข้าเลือกเอง” กู้โม่หานเดินไปข้างๆ หนานหว่านเยียน เห็นสีหน้าของนางแปลกใจเล็กน้อย จึงเอ่ยขึ้นว่า: “ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะจะปล่อยประทีปพอดี ยากที่จะได้ออกมา ก็เลยซื้อให้เจ้าถ้วยหนึ่ง”

“เจ้าของแผงบอกว่า ถ้าเขียนความปรารถนาลงบนประทีป แล้วรอปล่อยตอนยามเว่ย ปล่อยให้ปล่อยตามแม่น้ำหลิ่วไปข้างนอก ก็จะสามารถสมปรารถนาทุกอย่าง”

เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

แต่……การจะมีความปรารถนาด้วยกันกับครอบครัว รู้สึกว่าแบบนี้ก็น่าเชื่อ

หนานหว่านเยียนมองดูประทีบรูปหางหงส์ในมือ “แต่ประทีปมีแค่สามถ้วยเอง เหตุใดท่านถึงไม่ซื้อเพิ่มอีกถ้วยเล่า พวกเราจะเขียนอย่างไร?”

นัยน์ตาของกู้โม่หานไม่เปลี่ยนแปลง “เจ้าเขียนด้านหนึ่ง ข้าเขียนอีกด้านหนึ่ง”

ประทีปถ้วยเดียว เขียนด้วยกันสองคน?

หนานหว่านเยียนชำเลืองมองเขาอย่างสงสัย แต่คิดว่าเขียนด้วยกันก็ไม่มีปัญหาอะไร “เช่นนั้นท่านห้ามแอบดู ความปรารถนาเช่นนี้เป็นความลับส่วนตัว หากถูกคนอื่นเห็นเข้า ก็จะไม่เป็นจริง”

กู้โม่หานจ้องมองนาง นัยน์ตาฟินิกซ์เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน

“ได้”

อวี๋เฟิงเห็นเช่นนั้น ก็รีบไปหาเครื่องเขียนกับหมึกทันที

ประเดี๋ยวเดียว อวี๋เฟิงก็ถือเครื่องเขียนกับหมึกกลับมา แล้วนำพู่กันมอบให้หนานหว่านเยียนและคนอื่นๆ และเอ่ยอย่างตื่นเต้น: “ท่านอ๋อง พระชายา และเสี่ยวจวิ้นจู่ทั้งสองคน พวกท่านรีบเขียนความปรารถนากันเถิด เมื่อครู่นี้ข้าน้อยเดินผ่านทางด้านนั้น เห็นคนหลายคนกำลังปล่อยประทีปกันแล้ว!”

เกี๊ยวน้อยมองเห็นด้านซ้ายของทะเลสาบ มีประทีปหลากสีสันหลากรูปแบบปล่อยตามกระแสน้ำมาทางพวกเขาอย่างช้าๆ ก็อุทานขึ้นมาทันที “ว้าว เริ่มปล่อยประทีปแล้วจริงๆ ด้วย งดงามยิ่งนัก!”

ซาลาเปาน้อยสะกิดมือนาง “พี่สาว รีบเขียนความปรารถนากัน”

เกี๊ยวน้อยส่งเสียงอื้อสองครั้ง แล้วกัดปลายพู่กันด้วยความเคยชิน เริ่มเขียนความปรารถนาตัวบิดเบี้ยว

หนานหว่านเยียนมองดูกู้โม่หานแวบหนึ่ง “ข้าเขียนก่อน ท่านเขียนทีหลัง”

กู้โม่หานพยักหน้า ไม่เอ่ยอะไร พอนางเขียนเสร็จแล้ว เขาก็หยิบพู่กันจากมือนางมา แล้วเขียนตัวอักษรแถวหนึ่งของอีกด้าน

“ข้าเขียนเสร็จแล้ว!” เกี๊ยวน้อยเขียนเสร็จเป็นคนแรก แล้วยกประทีบรูปกระต่ายสีขาวของตัวเองขึ้นมาแกว่งไปมาต่อหน้าทุกคนอย่างมีความสุข

หลังจากนั้น นางก็เข้าไปใกล้ๆ ด้านหน้าซาลาเปาน้อยเพื่อแอบดู “ซาลาเปาน้อย เจ้าเขียนอะไรหรือ?”

หูของซาลาเปาน้อยก็แดงขึ้นมาทันที รีบปิดประทีปของตนเอาไว้ “พี่สาว ท่านแม่บอกแล้วนะ! ว่าไม่สามารถดูความปรารถนาได้!”

“แต่หากพี่สาวอยากรู้ รอให้ความปรารถนาเป็นจริงแล้ว จากนั้นข้าก็จะแอบพูดให้ท่านฟัง”

“ก็ได้” เกี๊ยวน้อยประนีประนอมทันที สองพี่น้องถือประทีปไปข้างๆ หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หาน แล้วเอ่ยอย่างพร้อมเพรียงกัน “ท่านแม่ท่านพ่อ พวกท่านเขียนเสร็จแล้วหรือยัง?”

“เสร็จแล้ว” กู้โม่หานหยิกแก้มของหนูน้อยทั้งสองอย่างเอ็นดู “ไปปล่อยประทีปกันเถิด”

“ได้เลย!” เกี๊ยวน้อยรีบดึงซาลาเปาน้อยไปทันที ทั้งสองคนวิ่งไปถึงริมแม่น้ำก่อน สองมือน้อยๆ อ้วนๆ ปล่อยประทีปลงบนทะเลสาบพร้อมกันอย่างระมัดระวัง รอจนประทีปนิ่งแล้ว จึงปล่อยมือ

ซาลาเปาน้อยพนมมือ มีใจศรัทธาอย่างยิ่ง

หวังว่าหลังจากนี้ไปท่านพ่อกับท่านแม่จะดีกันเหมือนตอนแรก รักกันโดยไม่มีข้อกังขา หวังว่าข้ากับพี่สาวจะโตเร็วๆ เพื่อปกป้องท่านแม่!

เกี๊ยวน้อยมองดูน้องสาว แล้วก็หลับตาลงเหมือนกัน

หวังว่าในอนาคตข้าจะได้กินของอร่อยมากมาย หวังว่าหลังจากออกไปจากแคว้นซีเหย่แล้ว ท่านแม่จะมีความสุข! สุขภาพของซาลาเปาน้อยจะดีขึ้นเรื่อยๆ และมีความกล้าหาญ ความเชื่อมั่นในตัวเองยิ่งขึ้น!

หนูน้อยทั้งสองคนกำลังอธิษฐาน กู้โม่หานถือประทีปอยู่ในมือ มองดูความปรารถนาที่ตัวเองเขียนลงไป ทันใดนั้นก็จ้องมองหนานหว่านเยียน “เจ้าเขียนอะไรหรือ?”

หนานหว่านเยียนชะงักงัน ประเดี๋ยวเดียวก็ยกมือขึ้นมาบังด้านที่ตัวเองเขียน

“ซาลาเปาน้อยก็ยังรู้เลย ว่าเป็นความลับ หากท่านอยากรู้ เช่นนั้นท่านก็บอกมาก่อนว่าท่านเขียนอะไร”

กู้โม่หานจ้องมองนางนัยน์ตาแวววาว “ข้าไม่ดูของเจ้าแล้ว แต่หากเจ้าอยากรู้ว่าข้าเขียนอะไร ข้าบอกเจ้าได้”

แววตาเร่าร้อนของเขา ทำให้หัวใจของหนานหว่านเยียนเต้นแรงขึ้นมาทันที และไม่กล้าถามให้มากความอย่างอธิบายไม่ได้

“ข้าไม่สนใจ ปล่อยประทีปกันเถิด”

ขณะที่พูด นางก็ยื่นมือไปจับประทีบรูปหางหงส์บนมือกู้โม่หาน

มีความหงอยเหงาเล็กน้อยในดวงตาของกู้โม่หาน แต่ก็จับนิ้วมือเนียนละเอียดของนางเอาไว้: “ปล่อยด้วยกันเถิด”

หนานหว่านเยียนไม่ปฏิเสธอย่างไม่ได้ตั้งใจ นางจับประทีป กู้โม่หานกุมมือนาง ทั้งสองคนปล่อยประทีปบนแม่น้ำด้วยกัน

“ปล่อยเถิด” เสียงพูดเบาๆ ของกู้โม่หานดังขึ้นข้างหูนาง หนานหว่านเยียนปล่อยมืออัตโนมัติ แล้วหลับตาอธิษฐาน

หวังว่าลูกสาวทั้งสองคนจะเติบโตอย่างมีความสุขและสุขภาพแข็งแรง สามารถมีอิสระได้อย่างเต็มที่ และไม่มีข้อผูกมัดอะไรอีก

หวังว่าครอบครัวจะสงบสุขร่มเย็น หวังว่านาง……จะหย่าได้อย่างราบรื่น

กู้โม่หานมองดูหนานหว่านเยียนที่อยู่ข้างๆ แววตาลึกซึ้ง เสียงหนักแน่นอันไพเราะเบายิ่งนัก จนหายไปกับสายลม “หว่านเยียน หากวันข้างหน้า……”

หากวันข้างหน้าเขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจวนเฉิงเซี่ยงหรือกู้จิ่งซาน หรือภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่พวกนั้น

หนานหว่านเยียน จะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไปได้หรือไม่

แต่ทันใดนั้นเขาก็คิดอีกครั้ง ว่าเรื่องเช่นนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอความเห็นจากนาง

สตรีของเขา ย่อมต้องอยู่ข้างกายเขา อยู่ในอ้อมกอดของเขา

บุรุษมองดูประทีปที่ค่อยๆ ลอยไปไกล ค่อยๆ ลอยตามประทีปของหนูน้อยทั้งสองคนไป แล้วก็หลับตาลงช้าๆ

เขาหวังว่านับจากนี้ไป เสด็จแม่จะมีสุขภาพแข็งแรง หายดีเป็นปกติในเร็ววัน

ลูกสาวทั้งสองคนจะอยู่เย็นเป็นสุขทำการสิ่งใดก็สำเร็จลุล่วง มีความสุขตลอดไป

เขากับหนานหว่านเยียนรักใคร่กันดีและให้เกียรติซึ่งกันและกัน อยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิต

บรรยากาศที่ริมฝั่งทะลาสาบหลิ่วนั้นหอมเย็นอบอุ่นและคลุมเครือ ทว่าเพลานี้ จวนอี้อ๋องในห้องเรือนจิ้งฉาน กลับมีเสียงตะโกนด้วยความตื่นตกใจดังขึ้น

“เหนียงเหนียง?! ท่าน เมื่อครู่นี้ท่านพูดอะไร?” หวางหมัวมัวเพิ่งจะเข็นหยีเฟยกลับห้องเพื่อพักผ่อน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพึมพำจากปากของหยีเฟย

นางเบิกตาโพลงทันที มองดูหยีเฟยด้วยความดีใจมากล้น อย่างยากที่จะเชื่อ

บนเตียง มุมปากของหยีเฟยยกขึ้น เอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรงยิ่งนัก “หมัว มัว……น้ำ”

นางนอนมานานถึงเพียงนี้ ในที่สุดก็สามารถเริ่มพูดได้แล้ว!

“เหนียงเหนียง! ท่านพูดได้แล้วจริงๆ !” หวางหมัวมัวตื่นเต้นดีใจทำจนอะไรไม่ถูก นางรีบลุกขึ้น และไปหากาน้ำชากับจอกน้ำชาอย่างเร่งรีบ

“น้ำ น้ำ เหนียงเหนียงท่านรอสักประเดี๋ยว บ่าวจะไปหาเดี๋ยวนี้! ท่านรอก่อนนะ!”

นางได้ยินไม่ผิด!

เหนียงเหนียงเริ่มพูดได้แล้วจริงๆ !!

เหนียงเหนียงที่มีชีวิตเหมือนคนตายมาพักหนึ่งสามารถพูดได้แล้ว เขาจะไม่ซาบซึ้งใจได้อย่างไร!

นางต้องรีบบอกข่าวนี้กับท่านอ๋องโดยเร็ว!

หวางหมัวมัวรินน้ำอย่างงกๆ เงิ่นๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ประคองศีรษะของหยีเฟยขึ้นอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ป้อนน้ำให้นาง

“เหนียงเหนียง ท่านช้าๆ นะ ระวังจะสำลัก บ่าวเห็นท่านตื่นขึ้นมาได้ ช่างดีใจ ช่างดีใจจริงๆ……”

นางพูดไปด้วย และร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย

สิบกว่าปีแล้ว ไม่มีผู้ใดเข้าใจความตื่นเต้นของนางได้

หยีเฟยค่อยๆ กลืนน้ำลงไปสองสามอึก รู้สึกว่าลำคอชุ่มชื้นขึ้นมาเล็กน้อย

นางอ้าปากอีกครั้ง เอ่ยอย่างเชื่องช้าด้วยน้ำเสียงแหบแห้งและไม่ชัดเจน “ขอบ ใจ……”

นางพูดอย่างไร้เรี่ยวแรงยิ่งนัก มีชีวิตอยู่แต่เหมือนกับตายมาสิบกว่าปี เรียนพูดยากลำบากกว่าเด็กแรกเกิดเสียอีก

หยีเฟยพยายามปลอบขวัญหวางหมัวมัวที่ร้องห่มร้องไห้ ตบนางเบาๆ อย่างไร้เรี่ยวแรง แต่หวางหมัวมัวกลับยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม “เหนียงเหนียง ท่านไม่รู้ดอก ว่าหลายปีที่ผ่านมาท่านอ๋องกับบ่าวเป็นทุกข์มากเพียงใด เป็นทุกข์……”

“เพลานี้ท่านพูดได้แล้ว แม้บ่าวตายไปก็ไม่เสียใจจริงๆ……” หวางหมัวมัวร้องไห้สะอึกสะอื้น พูดร่ำไรราวกับยายแก่

หยีเฟยรู้ว่าหวางหมัวมัวตื่นเต้นหวั่นไหว แต่นางมีเรื่องจะพูด จึงรีบดึงมือของหวางหมัวมัวเอาไว้ “ละ ลูก……”

ลูก?

หวางหมัวมัวหยุดร้องไห้ทันที ในที่สุดก็นึกถึงกู้โม่หาน “เหนียงเหนียง ท่านต้องการพบท่านอ๋องใช่หรือไม่? บ่าวสมควรตาย ดันลืมบอกเรื่องที่ท่านพูดได้กับท่านอ๋องเสียได้ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”

หยีเฟยอยากจะส่ายหัวแต่กลับทำไม่ได้ จึงรีบเอ่ยขึ้น “ไม่ ไม่ใช่ ลูกสะใภ้ ไม่——”

หวางหมัวมัวได้ยิน สีหน้าก็ค่อยๆ สงสัยขึ้นมา “ท่านจะบอกว่า……ท่านอยากพบท่านอ๋อง แต่ไม่อยากให้พระชายามาหรือ?”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท