ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 568 ความสามารถของเขา
หลังกู้โม่หานออกมาจากเรือนจิ้งฉาน ก็จิตใจวุ่นวายอย่างยิ่ง
ความจริงที่เกิดขึ้นกับเสด็จแม่ เรื่องของจวนเฉิงเซี่ยง การหย่าของหนานหว่านเยียน
เรื่องราวสองสามเรื่องนี้รวมเข้าด้วยกันโจมตีสมองของเขา จิตใจปั่นป่วนราวกับน้ำไหลเชี่ยว ไม่มีทางสงบลงได้เลยสักนิด
เขาจิตใจสับสนวุ่นวาย ทันทีที่กลับมาถึงห้องอักษร ก็พบกับเสิ่นอี่ว์และรองแม่ทัพอวี๋
หลังจากเสิ่นอี่ว์ได้รับการบำรุงรักษาและการดูแลอย่างสุดตัวจากหนานหว่านเยียนช่วงนี้ ก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว แต่ว่า ยังคงไม่มี “การฟื้นคืนความทรงจำ”
รองแม่ทัพอวี๋ก็จัดการงานการทหารของค่ายเสินเชื่อค่อนข้างมาก สองคนนี้คือคนที่เขาให้มาหาเขาก่อนหน้านี้ แต่เขายุ่งอยู่กับเรื่องของเสด็จแม่ จึงลืมไปชั่วขณะ
เขาขมวดคิ้ว น้ำเสียงทุ้มต่ำ
“มาแล้วเหตุใดถึงไม่แจ้งให้ทราบ?”
เสิ่นอี่ว์กับรองแม่ทัพอวี๋มองตากัน และทั้งสองรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอารมณ์ของกู้โม่หานนั้นไม่ค่อยดีนัก
เสิ่นอี่ว์เอ่ยขึ้นก่อน “ข้าน้อยกับเหล่าอวี๋รู้ว่าท่านมีธุระ จึงไม่ได้รบกวน”
กู้โม่หานเองก็มาได้โกรธ จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านในห้องอักษร
“ที่ให้พวกเจ้ามาพบ เพราะอยากบอกกับพวกเจ้า ว่าเสด็จพ่อตัดสินใจกำหนดวันสมรสของน้องเจ็ดเป็นหลังเดือนหนึ่ง สำหรับพิธีการแต่งตั้งของข้านั้น ยังไม่มีกำหนด”
อะไรนะ?
ไม่พระราชทานยศไท่จื่อแล้ว?!
เสิ่นอี่ว์กับรองแม่ทัพอวี๋พากันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
ไม่นาน รองแม่ทัพอวี๋ก็มีท่าทางโกรธเดือดดาล และเอ่ยอย่างไม่พอใจ “นี่ไม่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยหรือว่าฝ่าบาทกำลังขัดขวางท่าน!”
เสิ่นอี่ว์เองก็ขมวดคิ้ว โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ “นั่นสิท่านอ๋อง จริงอยู่ที่เรื่องการอภิเษกสมรสสำคัญ แต่การแต่งตั้งไท่จื่อต่างหากที่สำคัญที่สุด เหตุใดจึงไม่สามารถกำหนดวันได้เล่า?!”
สีหน้าของกู้โม่หานเย็นยะเยือก
“อาจเป็นเพราะบุคคลคัดเลือกไท่จื่อที่เขาชอบใจ ไม่ใช่ข้ากระมัง ไม่จำเป็นต้องสนใจเขาดอก เหล่าอวี๋ เจ้าต้องเร่งเรื่องการหากองกำลังทหารที่ฝีมือเยี่ยมให้เร็วขึ้น อีกประเดี๋ยวข้าก็จะตามเจ้าไปค่ายเสินเชื่อสักรอบ”
“ส่วนเสิ่นอี่ว์ เจ้าเพิ่งจะฟื้นตัวจากการบาดเจ็บหนัก และไม่ควรทำงานหนัก ก็เตรียมเรื่องงานสมรสของน้องเจ็ดแทนข้าก็แล้วกัน หากหลี่หลางจงและคนอื่นๆ หาเรื่องเจ้า ก็รายงานข้าได้ทุกเมื่อ”
“เข้าใจแล้ว! ข้าน้อยจะไปจัดการประเดี๋ยวนี้!” เสิ่นอี่ว์คารวะตอบรับทันที นึกถึงเรื่องที่หนานหว่านเยียนรับสั่งเขา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นมา
เขาเองก็ต้องเร่งความคืบหน้าของเรื่องนั้นแล้ว ให้ท่านอ๋องได้รู้ความจริงเร็วขึ้น……
เสิ่นอี่ว์พูดจบ ก็ก้าวเดินออกไปจากจวนอย่างเร่งรีบ
ส่วนรองแม่ทัพอวี๋ก็ติดตามกู้โม่หาน ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปยังค่ายเสินเชื่อ
ระหว่างทาง รองแม่ทัพอวี๋บอกกับกู้โม่หาน ว่าวันนี้กู้โม่หลิงมาที่ค่ายเสินเชื่อ
แววตาของกู้โม่หานเย็นชาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
นั้บตั้งแต่เกิดเรื่องอื้อฉาวในวังครั้งก่อน กู้จิ่งซานก็ให้กู้มาหลิงแทรกซึมเข้ามาในอำนาจของเขาไม่หยุด ซึ่งค่ายเสินเชื่อเองก็เช่นกัน
เดิมทีกู้โม่หานนั้นก็ระมัดระวังกู้โม่หลิงอยู่แล้ว และวันนี้ปรึกษาหารือเรื่องพิธีราชาภิเษกสมรส ทุกคำพูดของกู้โม่หลิงล้วนเข้าข้างแคว้นเทียนเซิ่ง ก็ยิ่งทำให้จิตใจที่ระแวดระวังกู้โม่หลิงของเขาเพิ่มทวีคูณขึ้น
ในเมื่อตอนนี้น้องเจ็ดคนนี้ของเขา “สนใจ” งานการทหารเช่นนี้ เช่นนั้นวันนี้ เขาจะบกพร่องหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีไม่ได้……
ชั่วประเดี๋ยวเดียว ภายในค่ายเสินเชื่อ
กู้โม่หานสาวเท้าก้าวเดินไปยังสถานที่ตั้งค่าย รองแม่ทัพอวี๋ก็ตามมาด้านหลังเขาติดๆ สีหน้าเคร่งขรึม
เหล่าทหารทั้งหมดเห็นกู้โม่หานแล้วก็พากันเกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา แม้แต่หลังที่ตรงอยู่แล้วก็ยิ่งตรงขึ้นอีก
“เยี่ยมเยือนท่านอ๋อง!”
“เยี่ยมเยือนท่านอ๋อง!”
ไม่ไกลนัก กู้โม่หลิงกำลังถือพัดดอกท้ออยู่ใต้คาง มองดูทหารสองสามนายทำท่านั่งม้าอยู่หน้ากระโจมอย่างเพลิดเพลิน
ได้ยินเสียงเรียกร้องในค่ายทหาร กู้โม่หลิงก็หันสายตาไปมองรอบๆ และปะทะเข้ากับนัยน์ตาดุดันคู่นั้นของกู้โม่หานพอดี
แววตาของเขาเปล่งประกายเล็กน้อย แล้วยิ้มอย่างไม่มีพิษมีภัยพร้อมก้าวมาข้างหน้า “น้องเจ็ดเยี่ยมเยือนเสด็จพี่หก”
กู้โม่หานส่งเสียงอืมอย่างราบเรียบ ริมฝีปากบางขยับเบาๆ “ขั้นตอนพิธีราชาภิเษกสมรสของน้องเจ็ดนั้นซับซ้อน สิ่งของที่ต้องจัดเตรียม ก็คงไม่น้อยเลยใช่หรือไม่?”
กู้โม่หลิงวีพัดไปมา พร้อมถอนหายใจ ราวกับว่ากลัดกลุ้มใจจริงๆ
“ขั้นตอนซับซ้อนจริงๆ แต่มีหลี่หลางจงอยู่ น้องเจ็ดก็สบายใจไม่น้อยเลย”
กู้โม่หานเม้มปาก “เช่นนั้นน้องเจ็ดคงเหน็ดเหนื่อยจริงๆ สามารถเจียดเวลา มาค่ายเสินเชื่อได้คงไม่ง่ายเลยจริงๆ”
กู้โม่หลิงกำมือแน่นอย่างควบคุมอารมณ์ มักจะรู้สึกว่ามีความหมายแฝงในคำพูดของกู้โม่หาน แต่คำตอบของเขากลับไร้ที่ติ
“มาค่ายเสินเชื่อนี้เป็นการจัดการของเสด็จพ่อ น้องเองก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง จึงทำได้เพียงมอบหมายเรื่องงานแต่งงานให้เหล่าคนรับใช้จัดการแทน”
บนใบหน้าหล่อเหลาของกู้โม่หานสีหน้าสงบเงียบ “หากเสด็จพ่อรู้ว่าน้องเจ็ดเอาใจใส่เช่นนี้ จักต้องปลื้มใจอย่างยิ่ง”
รองแม่ทัพอวี๋ที่ฟังพวกเขาคุยกันอยู่ข้างๆ แต่ไม่กล้าเอ่ยปากพูดเลย
เพลานี้ เสียงของเหล่าเสิ่นก็ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน “ท่านอ๋อง——”
ทุกคนหันไปมองเหล่าเสิ่น เขาอุ้มตำราม้วนไม้ไผ่ม้วนหนึ่ง วิ่งมาอย่างเร่งรีบ
“ข้าน้อยเยี่ยมเยือนท่านอ๋อง นี่คือรายชื่อทหารฝีมือเยี่ยมที่รับสมัครในหลายวันมานี้ เชิญท่านโปรดอ่านดู”
“นอกจากนี้แล้ว เหล่าทหารใหม่ทั้งหมดกำลังฝึกซ้อมอยู่สนามฝึก เฉิงอ๋องเตี้ยนเซี่ยเองก็อยู่ที่สนามฝึกเช่นกัน ท่านจะไปดูหรือไม่?”
เหล่าเสิ่นนอนพักฟื้นอยู่หลายเดือน ตอนนี้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว เรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกหนานหว่านเยียนรักษาหายได้ ก็เป็นที่เล่าขานกันเป็นวงกว้างในค่ายเสินเชื่อ และถูกทุกคนถือว่าเป็นตำนาน
“ได้ ลำบากแล้ว” กู้โม่หานมองดูตำราม้วนไม้ไผ่ในมือคร่าวๆ แล้วยื่นส่งให้กู้โม่หลิงที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่ข้างๆ “น้องเจ็ด ไปกันเถิด”
“อืม” กู้โม่หลิงอุ้มตำราม้วนไม้ไผ่ท่าทางฉุกละหุกเล็กน้อย ไม่ได้ระมัดระวังจนปล่อยลงพื้น
หลังจากเขาจัดเก็บเรียบร้อยแล้วลุกขึ้นมา ก็พบว่ากู้โม่หานเดินออกไปไกลแล้ว ตัวเองตกอยู่ที่นั่งลำบากเช่นนี้ กลับไม่มีผู้ใดช่วยเขา และไม่สนใจเขาเลยสักคน
นัยน์ตาจิ้งจอกเรียวเล็กของเขาหรี่ลงเล็กน้อย ดูราวกับคลื่นใต้น้ำ แต่รีบเก็บไว้ในใจทันที พร่ำพูดความซุ่มซ่ามของตัวเองไปด้วย และเดิมตามไปด้วย
“เสด็จพี่หก รอน้องเจ็ดด้วย”
ตอนที่ทุกคนมาถึงสนามฝึก ก็เห็นกู้โม่เฟิงกำลังฝึกเหล่าทหารของค่ายเสินเชื่ออยู่พอดี
กู้โม่หานเห็นท่าทางจริงจังของกู้โม่เฟิง แววตาของเขาก็ปรากฏความปลื้มอกปลื้มใจขึ้นมา
กู้โม่เฟิงมองเห็นกู้โม่หานกับกู้โม่หลิงแล้ว ก็หยุดการฝึกทันที แล้วเดินมาทางกู้โม่หานและคนอื่นๆ
เขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ยิ้มอย่างเบิกบาน “น้องหก น้องสาม พวกเจ้ามากันแล้ว”
ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ยินมาแล้ว ว่ากู้จิ่งซานกำหนดวันสมรสของกู้โม่หลิงเป็นหลังเดือนหนึ่ง แต่พิธีการแต่งตั้งของกู้โม่หานกลับถูกเลื่อนออกไป ถึงขั้นไม่มีกำหนดเลย
ตอนนั้นเขาโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่พอคิดดูอีกที กู้โม่หานที่เป็นคู่กรณีเองก็ยอมรับ เช่นนั้นจักต้องมีความหมายแฝงอื่นเป็นแน่ ดังนั้นจึงไม่ได้รีบเร่งเข้าวัง เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับกู้โม่หาน
กู้โม่หานพยักหน้า “อืม ได้ยินมาว่าวันนี้ทหารฝีมือเยี่ยมกำหนดเรียบร้อยแล้ว ข้าเลยมาดูสักหน่อย”
กู้โม่หลิงวางตำราม้วนไม้ไผ่ลงข้างๆ “ข้าไม่เคยมาค่ายทหารมาก่อนเลย รู้จักเพียงการประพันธ์บทกวีเท่านั้น เมื่อครู่นี้ตอนที่เห็นเสด็จพี่สามนำทัพ ดูสง่างามทรงพลัง เก่งกาจอย่างยิ่ง”
ท่านอ๋องเจ็ดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มองไปทางกู้โม่หานพลางเอ่ยขึ้น “เสด็จพี่สามเก่งกาจถึงเพียงนี้แล้ว เสด็จพี่หกที่เป็นแม่ทัพของค่ายเสินเชื่อ และยังเป็นแม่ทัพกองเกราะเสวียนอีกด้วย ไม่รู้ว่าจะบอกกับน้องเจ็ดได้หรือไม่ ว่าทหารนี้ ควรนำทัพอย่างไร?”
กู้โม่เฟิงดื่มน้ำอึกหนึ่ง “เจ้าถามถูกแล้ว เรื่องการนำทัพสู้รบ เจ้าหกเข้าใจดีที่สุด”
กู้โม่หลิงเอ่ยต่อทันที: “เช่นนั้นข้าต้องรีบขอคำชี้แนะจากเสด็จพี่หก เพื่อเพิ่มพูนความรู้เสียแล้ว”
กู้โม่หานเห็นท่าทางจริงใจของกู้โม่หลิง ภายในใจก็ยิ้มเยาะ แต่ในดวงตาแคบยาวกลับสงบไม่เปลี่ยนแปลง
“ในเมื่อน้องเจ็ดเองก็เอ่ยปากขอคำชี้แนะแล้ว ข้าย่อมต้องชี้แนะเป็นแน่ ที่ค่ายทหาร ใช้อาวุธทำให้ผู้คนเชื่อฟังมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่เหมือนกับน้องเจ็ดที่ปกติใช้การตีขิมเล่นหมากรุกเขียนพู่กันวาดภาพเอาชนะ มีเพียงคนที่มีความสามารถที่แท้จริงเท่านั้น จึงจะสามารถได้รับการยอมรับจากเหล่าทหาร”
“ยกตัวอย่างเช่นเหล่าทหารใหม่ที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเจ้านี้ หากอยากให้พวกเขาเห็นพ้องกับเจ้า นับถือเจ้า สวามิภักดิ์ต่อเจ้าให้เร็วที่สุด เช่นนั้นก็ต้องแสดงความสามารถที่ดีที่สุดของเจ้าออกมา”
จุดประสงค์ของคำพูดเหล่านี้ที่เขาพูด ก็เพื่อลองเสาะหาความจริงของกู้โม่หลิง ว่าจะเป็นอย่างไรกันแน่
หากกู้โม่หลิงต้องการนำทัพจริง เช่นนั้นกู้โม่หลิงจะไม่แสดงฝีมือไม่ได้ และหากแสดงฝีมือ ศักยภาพอะไรเขาก็สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน
หากกู้โม่หลิงยังไม่กล้าแสดงฝีมือ เหล่าทหารในค่ายเองก็คงไม่ยอมรับเขา กู้โม่หลิงที่อยากเอาชนะใจคน ก็คงไม่มีทางเป็นไปได้……