ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 572 แก้วตาดวงใจทั้งสอง

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 572 แก้วตาดวงใจทั้งสอง

ขณะนั้นเอง ที่เรือนเซียงหลิน

เด็กทั้งสองคนตื่นแล้ว หนานหว่านเยียนกินขนมกับพวกนาง แล้วให้พวกนางเล่นอยู่ในห้องพักหนึ่ง แล้วพรุ่งนี้ค่อยเข้าเรียน

วันนี้เด็กทั้งสองคนสำราญใจมาก เล่นกลศาสตร์เงียบๆ อยู่ในห้อง

ส่วนหนานหว่านเยียนนั่งข้างพวกนาง ครุ่นคิดอะไรไปเรื่อย

นางรู้ว่า พิธีอภิเษกของกู้โม่หานถูกเลื่อนออกไป และนางก็รู้ว่า กู้โม่หานเตรียมก่อกบฏในวันอภิเษกสมรสของกู้โม่หลิง

ตอนนั้น สถานการณ์จะชุลมุนวุ่นวาย ถึงตอนนั้น ก็เป็นโอกาสที่ดีที่นางจะจากไป

แต่ว่าก่อนหน้านั้น…

หนานหว่านเยียนมองเกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยที่เล่นกลศาสตร์อย่างเงียบๆ อยู่ข้างๆ ด้วยสายตาอ่อนโยน

นางลูบผมหนานุ่มของเด็กทั้งสองคน แล้วพูดเบาๆ ว่า “พวกเจ้า อยากพบเสด็จย่ามาโดยตลอดใช่หรือไม่”

เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยที่กำลังเล่นสนุกสนาน เมื่อได้ยินคำถามหนานหว่านเยียน ต่างหยุดการเคลื่อนไหวไปโดยปริยาย

เกี๊ยวน้อยมองหนานหว่านเยียนอย่างคาดหวังเล็กน้อย “อื้อ! แต่ครั้งที่แล้วท่านแม่บอกว่า สุขภาพเสด็จย่าไม่ค่อยดี ต้องพักรักษาตัวไม่ใช่หรือ”

ซาลาเปาน้อยก็เงยหน้าขึ้น มองหนานหว่านเยียน

หนานหว่านเยียนบีบแก้มจ้ำม่ำของเกี๊ยวน้อย ตอบอย่างเอาใจว่า “ตอนนี้สุขภาพเสด็จย่าดีขึ้นมาก พูดคุยได้แล้ว นางบอกว่าอยากเจอพวกเจ้ามาก”

นางจะจากไปแล้ว หยีเฟยก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ดังนั้นนางก็ควรจะให้หยีเฟยได้เจอ หลานสาวของนาง

“สุขภาพเสด็จย่าดีขึ้นมากแล้วรึ!” ดวงตาเกี๊ยวน้อยเป็นประกายขึ้นมา “ดีเลย! ท่านแม่ งั้นพวกข้าไปพบเสด็จย่ากันเถอะ!”

ซาลาเปาน้อยก็ยิ้มกว้างเช่นกัน เอ่ยคล้อยตามอย่างไพเราะ “ในที่สุดก็จะได้ให้ขนมหวานๆแก่เสด็จย่ากินได้แล้ว!”

หนานหว่านเยียนเห็นบุตรสาวดีใจเช่นนี้ ก็อดอบอุ่นใจขึ้นมาไม่ได้

นางอุ้มเด็กทั้งสองคนขึ้นมาจากเก้าอี้ วางลงพื้นอย่างนุ่มนวล

“แต่ว่า ตอนนี้เสด็จย่ายังไม่อาจพูดอะไรมากได้ พวกเจ้าต้องอดทนฟังนางพูดให้จบก่อน แล้วค่อยตอบ เข้าใจหรือไม่”

เกี๊ยวน้อยตบหน้าอกให้คำมั่นทันที “อื้อ! ข้ารับรองว่าจะฟังเสด็จย่าพูดอย่างเชื่อฟังเจ้าค่ะ!”

ซาลาเปาน้อยก็พยักหน้ายืนยัน

“ข้ารู้อยู่แล้วว่า พวกเจ้าสองคนเป็นเด็กดีเชื่อฟังที่สุด!” หนานหว่านเยียนรู้สึกปลื้มใจ จูบแก้มทั้งสองข้าง แล้วจูงมือพวกนาง ไปข้างนอก

ณ เรือนจิ้งฉานหวางหมัวมัวที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในเรือน เงยหน้าขึ้นมาเห็นหนานหว่านเยียนจูงเกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยเข้ามา ดวงตาก็โค้งยิ้มมีความสุขทันที แล้วรีบสาวเท้าเข้าไปหา

“พระชายา เหล่าเสี่ยวจวิ้นจู่ พวกท่านมาแล้วรึ”

แม้นางจะไม่รู้ว่า ทำไมเหนียงเหนียงถึงเปลี่ยนมาชอบพระชายาขนาดนี้กะทันหัน แต่เมื่อความรักใคร่สนิทกลมเกลียวทั้งครอบครัว นางที่เป็นบ่าวรับใช้ ก็มีความสุขจากใจจริงเช่นกัน

ในเมื่ออยู่ด้วยกันแล้ว จะมีสีหน้าหน้าอมทุกข์ ใช้ชีวิตจมอยู่กับความจงเกลียดจงชังทั้งวี่ทั้งวันก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ

หนานหว่านเยียนเห็นท่าทีของหวางหมัวมัวใจดีขึ้นมาก ก็ไม่ประหม่าเหมือนเมื่อก่อนอีก คิดว่าน่าจะเพราะเสด็จแม่พูดอะไรบางอย่างกับหวางหมัวมัว

นางแสร้งทำเป็นไม่สังเกต พูดกับหวางหมัวมัวด้วยรอยยิ้มบางๆ “ข้าพาเด็กทั้งสองมาเยี่ยมเสด็จแม่ ตอนนี้เสด็จแม่กำลังพักผ่อนอยู่หรือเปล่า”

หวางหมัวมัวส่ายหน้าทันที “หลังเหนียงเหนียงคุยกับท่านอ๋องเสร็จก็พักครู่หนึ่ง แต่ตอนนี้ตื่นแล้วเพคะ”

“พระชายากับเสี่ยวจวิ้นจู่ทั้งสองท่านเชิญตามบ่าวเข้าไปเถอะเพคะ”

“รบกวนหวางหมัวมัวแล้ว” หนานหว่านเยียนจูงมือเด็กทั้งสอง ตามหวางหมัวมัวไป

สองพี่น้องก็ยิ้มอย่างอ่อนหวาน เอ่ยพร้อมกันว่า “ขอบคุณหวางหมัวมัว!”

หวางหมัวมัวใจสั่นสะท้าน รู้สึกว่าหัวใจทั้งดวงกำลังละลายหมดแล้ว

นางมองเด็กทั้งสองที่ไร้เดียงสา ก็ยิ้มกว้างออกมา “แหม เหล่าเสี่ยวจวิ้นจู่อย่าทำให้บ่าวแบกรับไม่ไหวเลยเพคะ!”

“สามารถช่วยงานพวกท่านได้ ก็เป็นเกียรติของบ่าวแล้วเพคะ”

ขณะพูด นางก็ผลักประตู ตะโกนเข้าไปข้างในอย่างดีอกดีใจว่า “เหนียงเหนียง! ท่านมาดูสิว่าใครมา!”

หยีเฟยอยู่บนเตียง ที่คุยกับกู้โม่หานเสร็จ อารมณ์ยังไม่ดี

เมื่อได้ยิน นางก็เงยหน้ามองออกไปตรงประตูโดยไม่รู้ตัว ก็เห็นหนานหว่านเยียนหน้าตาสวยสดงดงามเดินมาหานางด้วยรอยยิ้ม ข้างกายหนานหว่านเยียน ยังมีเจ้าตัวน้อยน่ารักน่าชังสองคนอยู่ด้วย

เจ้าตัวน้อยทางด้านซ้ายดวงตาสดใสเป็นประกาย รวบผมหางม้า เปี่ยมไปด้วยความร่าเริง

คนทางขวาเกลาผมจุก ดูเอียงอาย แต่ใบหน้าประดับรอยยิ้มหวาน เหมือนตุ๊กตากระเบื้อง

เห็นได้ชัดว่าใบหน้างามละออเหมือนกัน แต่ต่างมีเอกลักษณ์ของตนเอง

ดวงตาหยีเฟยพลันเป็นประกาย แทบอยากจะโอบกอดเด็กทั้งสองคนจุ๊บทันที แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงลุกขึ้นอย่างยากลำบาก และพูดอย่างตื่นเต้น

“นะ นี่ หรือว่า เป็น หลานสาว ที่น่ารัก ของข้ารึ!”

“ใช่แล้วเพคะ เสด็จแม่” หนานหว่านเยียนดันเด็กทั้งสองคนไปทางหยีเฟยเบาๆ แล้วแนะนำกับหยีเฟย “นี่คือพี่สาวหนานจือ ชื่อเล่นว่าเกี๊ยวน้อย ส่วนคนนี้คือน้องสาวหนานเสี่ยวชื่อเล่นว่าซาลาเปาน้อย”

จากนั้น นางก็มองสองคนพี่น้อง “เกี๊ยวน้อย ซาลาเปาน้อย เรียกเสด็จย่าสิ”

ทั้งเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยต่างไม่มีใครขยับ ดวงตาทั้งสองคู่จับจ้องไปที่หยีเฟย

“เกี๊ยวน้อย? ซาลาเปาน้อย?” หนานหว่านเยียนมองสองคนพี่น้องที่ไม่รู้ว่ายืดตัวขึ้นเมื่อใดอย่างสงสัย เมื่อมองหยีเฟยบนเตียงอีกครั้ง พลันรู้สึกไม่สบายใจและกล่าวโทษตนเอง

นางประมาทไปแล้ว แม้ว่าหยีเฟยจะฟื้นตัวได้ดี แต่ถึงอย่างไรก็เพิ่งฟื้นจากการเป็นมนุษย์ผักได้ไม่นาน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกล้ามเนื้อใบหน้าที่แข็งทื่อ ร่างกายผอมแห้ง เพียงตื่นเต้นเล็กน้อย ทั้งใบหน้าก็จะดูน่ากลัวชัดเจน

เด็กทั้งสองคนไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน อายุยังน้อย ง่ายที่จะตกใจ นางควรให้พวกนางเตรียมใจให้ดีก่อน แล้วค่อยพาพวกนางมาถึงจะถูก…

หยีเฟยที่นอนอยู่บนเตียงก็รู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ มองเจ้าตัวเล็กทั้งสองตัวแข็งอยู่ข้างเตียง พลันนึกถึงรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ของตนเอง ก็เริ่มใจสั่นสะท้าน

นางพยายามไม่ให้สีหน้าของตนเองเปลี่ยนไป เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ตะ ตกใจ ไป แล้วรึ”

“ขะ ขอโทษนะ ตอนนี้ รูปลักษณ์ ย่า ไม่ค่อย งามเท่าใด…”

“ไม่ใช่นะ!” ซาลาเปาน้อยไม่หยีเฟยพูดจนจบ ก็เอ่ยขัดทันที ใบหน้าเล็กแดงระเรื่อ ดวงตาขึ้นฝาดเล็กน้อย “เสด็จย่า ซาลาเปาน้อยไม่ได้คิดว่าท่านไม่งามเลยนะ”

หนานหว่านเยียนก็ตกตะลึงกับเสียงตะโกนนี้

ปกติ ซาลาเปาน้อยเป็นคนนิ่งเงียบ พูดจาเสียงเบา ตอนนี้กลับตาลปัตรเช่นนี้

และไม่รอให้นางได้ครุ่นคิด นางก็เห็นซาลาเปาน้อยพยายามยืนเขย่งปลายเท้า ยื่นมือเล็กๆ ออกไป จับปลายนิ้วที่เหี่ยวแห้งของหยีเฟยไว้แน่น

ซาลาเปาน้อยมองหยีเฟย เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เป็นทุกข์และปวดใจ “ข้า ข้าเพียงคิดไม่ถึงว่า เสด็จย่าจะป่วยหนักขนาดนี้”

“ข้ากับพี่สาวได้ยินมาว่า ท่านนอนอยู่บนเตียงนานแล้ว เดิมพวกข้านึกว่า ท่านเพียงพักผ่อนให้ดีก็พอแล้ว แต่ข้าคาดไม่ถึงว่า ท่านจะลำบากเช่นนี้…”

“ข้า ข้าเศร้า เศร้าเพราะเสด็จย่าต้องทรมานขนาดนี้”

พูดจบ นางก็ซบศีรษะถูไถกับฝ่ามือหยีเฟย

เกี๊ยวน้อยก็ดึงกลศาสตร์ออกมาจากอกมากมายอย่างระทมทุกข์สำนึกผิด ถือเอาไว้ในมือให้หยีเฟยดู

“ข้าก็เหมือนกัน เมื่อครู่ข้าไม่ได้ตกใจกลัวเพราะเสด็จย่า เพพียงแต่คิดว่าเหมือนตนเองทำไม่ถูก ข้าไม่รู้เลยว่าเสด็จย่าป่วยหนัก ยังเอาของเล่นพวกนี้มาคิดจะเล่นด้วยกันกับเสด็จย่า เพื่อคลายความเบื่อหน่าย”

“ขออภัยเสด็จย่าด้วย พวกข้าไม่ดีเอง ท่านงดงามมากนะ! ท่านกับท่านแม่ต่างงดงาม ในสายตาพวกข้า! ท่านไม่ต้องเสียใจไป!”

คำพูดอบอุ่นหัวใจเช่นนี้ ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสามที่อยู่ตรงนั้นตกตะลึงทันที…

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท