ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 574 หนานหว่านเยียนดื่มสุรา
ขณะนั้นเอง พวกบ่าวหญิงจากครัวหลังยกอาหารเข้ามา
ความสนใจของเกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยถูกดึงดูดทันที สองพี่น้องเลียริมฝีปากพร้อมกัน จ้องมองอาหารร้อนระอุ
หนานหว่านเยียนหยิกแก้มเกี๊ยวน้อยด้านข้าง “ช่างเป็นแมวน้อยจอมตะกละ”
หยีเฟยก็ยิ้มสะกิดซาลาเปาน้อย “นะ นักกินจุ ตัวน้อย”
เกี๊ยวน้อยเกาหัวอย่างเขินอาย “โม่เซียนเซิงบอกว่า สำหรับประชาชนเรื่องกินเป็นสิ่งสำคัญเทียมฟ้า! กินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงทำงานได้!”
ซาลาเปาน้อยเห็นด้วยกับเกี๊ยวน้อยอย่างมาก “ใช่แล้ว อีกทั้งพวกข้าไม่ได้สิ้นเปลือง อาหารทุกมื้อล้วนกินจนหมดเกลี้ยง!”
กู้โม่หานมองท่าทางน่ารักน่าชังของบุตรสาวทั้งสองคน อดยกริมฝีปากบางขึ้นไม่ได้
เขาจดจ้องหนานหว่านเยียน แววตานุ่มนวลฉายชัดยามค่ำคืน “ใครให้เจ้ามักจะเลี้ยงดูปูเสื่อพวกนางอย่างดี จนเป็นเจ้าจอมตะกละตัวน้อยเช่นนี้ออกได้”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว มองกู้โม่หานอย่างไม่พอใจ “พวกบุตรสาวย่อมต้องเลี้ยงให้ขาวจ้ำม่ำน่ารักๆ เจ้าจะไปเข้าใจอะไร”
เกี๊ยวน้อยก็ไม่อยากฟังอีก มองกู้โม่หาน “ใช่แล้ว! ท่านพ่อก็ชอบอาหารที่ท่านแม่ทำมากไม่ใช่หรือ ครั้งที่แล้วท่านยังบอกว่าอร่อยอยู่เลย!”
“อืม อร่อยสิ” รอยยิ้มในดวงตากู้โม่หานยิ่งเข้มขึ้น จ้องมองหนานหว่านเยียน “ท่านแม่ของเจ้าทำอะไรก็อร่อยไปหมด”
ช่วงนี้สายตากู้โม่หานมักจะแปลกประหลาดยิ่ง ทั้งเร่าร้อน และดุดัน หนานหว่านเยียนทนไม่ไหว จึงก้มหน้าลง
เซียงอวี้กับอวี๋เฟิงมองบรรยากาศที่อบอุ่นกลมกลืนบนโต๊ะอาหาร ต่างรู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาแทบไหล
หากวันเวลาอบอุ่นเช่นนี้ ดำเนินไปได้ยาวนาน คงจะดีไม่น้อย
หยีเฟยเหมือนจะนึกอะไรออก จู่ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “สะ สะ…”
ทุกคนมองหยีเฟยด้วยใบหน้าที่สับสน โดยไม่รู้ตัว
ดวงตาซาลาเปาน้อยเป็นประกายในทันใด ตอบอย่างกระตือรือร้นว่า “ฝนแล้งนานพลันได้ฝนดี? เสด็จย่า ข้าตอบได้!”
เกี๊ยวน้อยกลับโบกมือ “ไม่ใช่ๆ เสด็จย่าน่าจะพูดว่า เมนูไส้หมูม้วนเก้าตลบอร่อย!”
(เมนูไส้หมูม้วนเก้าตลบ คืออาหารที่ต้องเอาไปม้วน ต้ม ทอด และตุ๋นน้ำแดง เป็นหนึ่งในอาหารจีนที่ขึ้นชื่อ)
หนานหว่านเยียนอดทนไม่ไหว หลุดหัวเราะพรืดออกมา แม้จะรู้ว่าเด็กทั้งสองคนตอบไม่ถูก แต่หยีเฟยต้องการจะสื่ออะไร นางยังเดาไม่ออกจริงๆ
กู้โม่หานกลับถอนหายใจเบาๆ เอ่ยกับหยีเฟยอย่างจริงจังว่า “เสด็จแม่ ตอนท่านสุขภาพยังไม่ดี ไม่อาจดื่มสุราได้”
ตั้งแต่เขาจำความได้ก็รู้ว่า เสด็จแม่ชอบดื่มสุรา
ไม่ว่าจะมีความสุขหรือโศกเศร้า ล้วนชอบดื่มหลายแก้วในตำหนักอู๋ขู่
กู้โม่หานปฏิเสธนางโดยไม่ลังเล หยีเฟยพลันรู้สึกคับข้องใจ เหมือนเด็กคนหนึ่ง
“ฮึ ไม่ดื่ม ก็ ไม่ดื่ม”
นอนมาสิบกว่าปีไม่ได้แตะสุราเลย ไม่ง่ายเลยที่ตอนนี้จะฟื้นขึ้นมาได้ แต่กลับไม่อาจดื่ม ชีวิตช่างไร้ความหมายยิ่ง
คิ้วเรียวกู้โม่หานเลิกขึ้นเบาๆ ลุกขึ้นไปเติมอาหารในชามของหยีเฟย เกลี้ยกล่อมเหมือนเด็กๆว่า “นี่ถึงจะถูก ท่านต้องเชื่อฟังนะ กินข้าวอีกหน่อย อีกเดี๋ยวก็ดื่มน้ำอุ่น แล้วไปพักผ่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”
หนานหว่านเยียนหยีเฟย รู้สึกถึงความอยากดื่มสุราของหยีเฟยได้อย่างชัดเจน นางสับสนอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยกับอวี๋เฟิงว่า “เอาสุรามา”
ทันใดนั้น หยีเฟยอารมณ์ดีขึ้นมา “ยังเป็น ลูกสะใภ้ ที่ดี!”
กู้โม่หานขมวดคิ้ว มองหนานหว่านเยียนอย่างไม่เข้าใจ “อาการเสด็จแม่ตอนนี้ ดื่มสุราได้รึ”
หนานหว่านเยียนส่ายหน้า “ไม่ได้แน่นอน แต่ว่ายังสามารถดมกลิ่มได้ หายากที่เสด็จแม่จะร่วมมืออาหารกับพวกข้าได้ อย่าทำลายความสุขนางเลย พวกข้ามาร่วมร่ำสุรากับนาง ให้นางดื่มด่ำกับกลิ่นสุรา ไม่เป็นอันตราย”
บางทีมื้ออาหารวันนี้ อาจเป็นงานเลี้ยงอำลาของพวกเขาก็ได้
แค่คืนนี้ อย่าได้ทำลายความสุขของใครเลย
หนานหว่านเยียนอยากดื่มสุรา?
กู้โม่หานเลิกคิ้ว สายตาร้อนแรงพลันปรากฏแสงแปลกๆ
นางดื่มสุราแล้วเป็นอย่างไร ทุกคนต่างรู้ดี
ในเมื่อนางอยากเอาเนื้อเข้าปากเสือ เขาก็ไม่มีทางปฏิเสธ…
กู้โม่หานเอ่ยว่า “ในเมื่อพระชายาพูดมาขนาดนี้ งั้นก็ไปเอาสุราดอกกุัยฮวาที่ดีที่สุดในจวนอ๋องมาเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!” อวี๋เฟิงขานรับ ไปเอาสุรากับเซียงอวี้มาอย่างมีความสุข
สีหน้าเด็กทั้งสองคนยุ่งเหยิงเล็กน้อย
ท่านแม่อยากดื่มสุราอีกแล้วรึ
แม้หยีเฟยจะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่พอได้ยินว่าดมกลิ่นได้ ก็พึงพอใจ
นางกะพริบตาใส่หนานหว่านเยียน
จากนั้น นางก็จ้องมองกู้โม่หานแต่กลับเต็มไปด้วยความพะเน้าพะนอ เหม็น ฮึ”
เกี๊ยวน้อยอดหัวเราะออกมาไม่ได้ทันที “ท่าทางเช่นนี้ของเสด็จย่า เหมือนตอนที่ข้าไปขอขนมโม่เซียนเซิงกิน แต่ท่านแม่กลัวว่าข้าจะฟันผุจึงไม่ให้ข้ากิน”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นบนโต๊ะอาหารอีกครั้ง
ไม่นาน อวี๋เฟิงกับเซียงอวี้ถือกาสุราเข้ามา
ทั้งสองคนรินสุราให้หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หาน
หนานหว่านเยียนเห็นโอกาสเหมาะ กระซิบกำชับข้างหูอวี๋เฟิงเสียงเบา
“อวี๋เฟิง! หากอีกเดี๋ยวข้าดื่มสุราแล้วทำอะไรแปลกๆ ขึ้นมา เจ้าไม่ต้องเกรงใจ เอากระบองทุบข้าให้สลบไปเลยนะ!”
หลังจากบทเรียนราคาแพงครั้งก่อน นางก็รู้ตัวตนเองดีแล้ว
วันนี้นางไม่มีทางทำลายความสุขของหยีเฟย แต่ก็ต้องรักษาหน้าเอาไว้ ไม่อาจให้ใครมาสร้างปัญหาให้ได้
นางก็จะพยายามดื่มให้น้อยด้วย
อวี๋เฟิงผงะ แต่ก็มีปฏิกิริยากลับมาทันที รีบตอบกลับไปว่า “ข้าน้อยรับทราบพ่ะย่ะค่ะ!”
ถึงสัญญาจะเป็นสัญญา แต่ถ้าหากเรื่องราวเกินกว่าควบคุมจริงๆ เขาก็ไม่มีทางไปสอดมือเข้าแทรกนัก
ถึงอย่างไร ท่านอ๋องก็อยู่ที่นี่ด้วย
ทั้งสุราก็เป็นของดี อวี๋เฟิงมีความสุขมากที่ได้เห็นหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานได้สานความสัมพันธ์กัน
สุราและเนื้อต่างพร้อมเพรียงแล้ว หยีเฟยก็ยิ่งตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม
“มา ดื่ม!”
หนานหว่านเยียนกู้โม่หานยกแก้วขึ้นอย่างร่วมมือ ชนแก้วในมือหยีเฟย
ริมฝีปากบางกู้โม่หานแยกออก น้ำเสียงอ่อนโยนราวกับสายลมยามเย็น “ขอให้เสด็จแม่ หายป่วยในเร็ววัน อนาคต สุขภาพแข็งแรงยืนยาว”
ชีวิตนี้ ทั้งครอบครัวได้มารวมตัวกัน มีความสุขน่ายินดี
หนานหว่านเยียนยิ้มบาง เสียงใสแผ่วเบาราวกับสายน้ำใส “ขอให้เสด็จแม่มีแต่ความสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ไปตลอดชีวิต”
จากนี้ไป วันเวลาเหลือน้อยลงเรื่อยๆ เวลาที่จะได้พบกันก็น้อยลงทุกที ต้องทะนุถนอมเอาไว้
หยีเฟยมองทั้งสองคน ดวงตาพลันร้อนผ่าว แทบทนไม่ได้
“พวกเจ้า ต้อง รักษา เวลา ตอนนี้ เอา ไว้ ให้ดี”
แม้ว่าในอนาคตจะอยู่กันคนละฟาก บางคราคิดถึงวันเวลาในตอนนี้ หวังว่าพวกเขาจะรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
กู้โม่หานดื่มสุราด้วยรอยยิ้ม ตอนนั้นเขายังไม่เข้าใจ คำพูดของหยีเฟย ว่าหมายความว่าอย่างไร
แต่ไม่นาน เขาก็ตระหนักได้ว่า เจ็บจนแทบจะขาดใจหมายความว่าอย่างไร…