ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 595 หว่านเยียน เจ้าตื่นแล้ว
“จวิ้นจู่เล็กทั้งสองยังเฝ้าดูแลท่านอยู่ทั้งวันทั้งคืน บ่าวเห็นแล้วรู้สึกเป็นห่วงและรักสุดหัวใจ ไม่นานมานี้เพิ่งปลอบจวิ้นจู่เล็กทั้งสองให้หลับและพาพวกเขาไปที่ห้องข้างๆ”
หยีเฟยถึงกับโคม่าแล้วหรือ?
ทำไมมันช่างบังเอิญเช่นนี้?
ร่องรอยของความประหลาดใจฉายผ่านดวงตาที่สวยงามของหนานหว่านเยียน และเมื่อนึกถึงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ สองคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะนาง นางรู้สึกเป็นทุกข์ไม่สบายใจมากขึ้นทันที
แต่ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่านี้ นางกำนิ้วแน่น “วันนี้ท่านอ๋องเจ็ดแต่งงาน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
เดิมทีนางควรจะสมรู้ร่วมคิดก่อกบฏกับกู้โม่หาน แต่นางกลับล้มลงโดยไม่คาดคิดอย่างไม่มีเหตุผล และตอนนี้นางก็ยังปลอดภัยอยู่ นี่หมายความว่ากู้โม่หานทำสำเร็จหรือไม่?
เซียงเหลียนตอบทันที: “มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นจริง ๆ วันนี้ท่านอ๋องเจ็ดแต่งงาน ชี่กุ้ยเฟยวางยาพิษให้ฮ่องเต้อดีตเพื่อที่จะก่อการกบฏและแย่งชิงบัลลังก์ แต่ท่านอ๋องก็สงบเรื่องนี้ลง แต่ก็เนื่องจากฮ่องเต้อดีตอาการหนักสาหัสสิ้นพระชนม์ ตอนนี้ ท่านอ๋องก็กลายเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่แล้ว ท่านกับจวิ้นจู่เล็กทั้งสองก็จะต้องเข้าวังในอีกไม่กี่วันเองเพื่อรับพระราชโองการแต่งตั้ง!”
หนานหว่านเยียนฟังคำพูดของเซียงเหลียน และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ชี่กุ้ยเฟยถึงกับก่อกบฏในขณะนี้ และนางยิ่งไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าแผนการยึดอำนาจของกู้โม่หานจะเป็นไปอย่างราบรื่นขนาดนี้
นางหัวเราะเยาะทันที “ในที่สุดเขาก็ได้สมปรารถนาจริง ๆ”
กู้โม่หานได้สมความปรารถนาแล้ว ก็แสดงว่าความร่วมมือกับนางก็สิ้นสุดลง
เซียงเหลียนไม่เข้าใจทัศนคติทางอารมณ์ของหนานหว่านเยียนที่มีต่อกู้โม่หาน แต่น่าจะมีความสุขด้วย อยากจะพูดอะไร แต่ว่าก็ไม่ได้เปิดปาก
หนานหว่านเยียนหลับตา “มีอะไรอีกไหม”
เซียงเหลียนเม้มริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “เมื่อวานท่านโคม่า พระชายารองหยุนถูกพบว่าท้องแล้ว…”
เรื่องนี้ไม่สามารถปกปิดได้ ทุกคนในวังรู้กันหมดว่า พระชายารองหยุนมีลูกของท่านอ๋องแล้ว และนางยังป่าวประกาศไปทั่วจนคนทั้งเมืองรู้เรื่องนี้หมด
ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะกลับมาเมื่อไร ดังนั้นให้นางพูดถึงเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว และจะช่วยปลอบอารมณ์ของพระชายาให้หน่อย
หยุนอี่ว์โหรวท้องแล้วหรือ?
หัวใจของหนานหว่านเยียนสั่นอย่างรุนแรง แต่นางไม่รู้ว่าเป็นเพราะความทรงจำของนางได้กลับมาหรือไม่ ไม่เพียงแต่ตกใจ แต่ยังรู้สึกเจ็บปวดเหมือนลึกเข้าไปในกระดูก
กู้โม่หานชอบหยุนอี่ว์โหรว และตัวตนของนางในอดีตมองเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด
ก่อนที่นางจะแต่งงานกับกู้โม่หาน นางเคยไปขอร้องที่หนานฉีซานให้เขาที่จะให้โอกาสนางเข้าร่วมงานเลี้ยงในฤดูใบไม้ผลิ เพียงเพราะกู้โม่หานก็จะไปด้วยเหมือนกัน
ในวันนั้นใจนางเต็มไปด้วยความสุข สวมชุดที่สวยที่สุดของนาง และให้บ่าวแต่งตัวให้นางแต่เช้าเลย
นางมีใบหน้าที่น่าเกลียด และกลัวที่จะทำให้กู้โม่หานไม่พอใจอีก ดังนั้นนางจึงสวมผ้าคลุมหน้า เมื่อมาถึงงานเลี้ยง นางรวบรวมความกล้าไปทักทายกู้โม่หาน
แต่สุดท้าย กู้โม่หานกับมองไปที่นางอย่างขยะแขยง “หนานหว่านเยียน ข้าพูดเป็นร้อยครั้งแล้ว อย่ายืนอยู่หน้าข้า มาบังสายตาข้าอีก!”
สมองของนางไม่ค่อยดีนัก และจริงใจไม่ยี่หระด้วย แม้ว่านางจะเสียใจกับท่าทีของเขา แต่ก็ไปเข้าใกล้ชิดกับเขาอย่างไม่มีความละอายแม้แต่น้อยนิด
กู้โม่หานเกลียดนางมากยิ่งขึ้นทุกที และนางก็กลัวอยู่มากที่จะทำให้เขาไม่พอใจ จึงตามเขาอย่างมีระยะไกลห่าง ๆกัน เมื่อเห็นว่ากู้โม่หานทำดีต่อหยุนอี่ว์โหรวซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของจวนแม่ทัพ นางรู้สึกหดหู่ใจมาก
เมื่อนางพบหยุนอี่ว์โหรวครั้งแรก นางก็รู้ว่ากู้โม่หานทำดีกับหยุนอี่ว์โหรวมาก ตอนนั้น นางโง่และไร้เดียงสา และยังคิดว่าหยุนอี่ว์โหรวเป็นบุคคลที่สำคัญมากสำหรับกู้โม่หาน และนางก็ทำดีต่อหยุนอี่ว์โหรวเป็นอย่างมาก ในทุกๆ ที่.
น่าเสียดายที่หลังจากการต่อสู้ระหว่างสิบปีที่แล้วของทั้งเปิดเผยและลับๆ นางเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าหยุนอี่ว์โหรว ไม่ได้ใจดีอย่างที่นางปรากฏอย่างเปิดเผย และการที่หยุนอี่ว์โหรวเกลียดไม่ชอบนางนั้นเป็นเรื่องจริงและไม่เคยปกปิดเลย
นางไม่ชอบหยุนอี่ว์โหรวที่เป็นแบบหน้ามะพลับ ลับหลังตะโก แต่น่าเสียดายที่นางโง่เกินไป ตกอยู่ในกับดักของหยุนอี่ว์โหรวหลายครั้ง และถูกกู้โม่หานมาดุว่าหลายครั้งด้วยเหมือนกัน
ช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดก็คือที่งานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิ
ในเวลานั้นนางและกู้โม่หานได้กำหนดวันแต่งงานครั้งใหญ่แล้ว และเข้าร่วมงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิ ยิ่งไปพัวพันกับ กู้โม่หานอีก หยุนอี่ว์โหรวโกรธเคืองมาก และล่อพานางไปที่มุมที่มีคนน้อยบางและให้คนใช้หลายคนจับนางไว้ลง กับพื้น เอาน้ำที่เหม็นหืนเข้าคอนางด้วย
เท้าของหยุนอี่ว์โหรวเหยียบบนใบหน้าของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธและการเหน็บแนม “หนานหว่านเยียน คนอย่างเจ้านี่่ไม่คู่ควรที่จะมาช่วยสวมรองเท้าให้ข้า เจ้านี่ยังไร้ยางอายที่จะแต่งงานกับอี้อ๋อง เจ้ามีคุณสมบัติอะไรหรือ?!”
นางรู้สึกอ้ปยศอย่างมากในเวลานั้น แต่ยิ่งรู้สึกว่าหวาดกลัว และคนอย่างนางซึ่งไร้ความสามารถทางจิตใจปัญญาแบบนั้นขึ้น นางพูดไปที่หยุนอี่ว์โหรวอย่างแยกเขี้ยวยิงฟันว่า “ปล่อยข้าไป! ถ้าเจ้ารังแกข้าอีก ข้าจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเจ้าต่อหน้าท่านอ๋องอย่างแน่นอน ข้า ข้าจะให้พ่อของข้าทุบตีนางอีก!”
หยุนอี่ว์โหรวดูเหมือนจะได้ยินเรื่องตลกเรื่องใหญ่ และนางก็ไม่สามารถหยุดเยาะเย้ยได้
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปเลย ไปดูว่าท่านอ๋องจะเชื่อในตัวเจ้าหรือข้า ส่วนพ่อของเจ้า… หึ ก็มีแค่คนโง่อย่างเจ้าเท่านั้นถึงจะคิดว่าเขาจะช่วยเจ้าได้ ช่างโง่จริง ๆ!”
นางรู้สึกไม่สบายใจที่ถูกรังแก และได้ยินคนของ หยุนอี่ว์โหรว บอกว่า กู้โม่หาน ตามหา หยุนอี่ว์โหรว ทุกที่
สีหน้าของหยุนอี่ว์โหรวยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก และนางก็กระทืบใบหน้าของนางอย่างแรงอีก
“หนานหว่านเยียน ลูกสาวสุดโปรดของจวนเฉิงเซี่ยง วันนี้ข้าจะให้เจ้าเห็นช่องว่างระหว่างเจ้ากับข้า”
พอพูดแบบนี้จบ หยุนอี่ว์โหรวแสร้งที่จะบีบน้ำตาเล็กน้อย และให้คนรับใช้ปล่อยนางไป ส่วนนางเองกลับกระโดดลงไปกลางทะเลสาบจากริมทะเลสาบอย่างไม่เร่งรีบ และเริ่มดิ้นรนอย่างหน้าซื่อใจคด “ช่วยด้วย ช่วยด้วย! !”
แน่นอนว่าฉากคราม่านั้นก็ได้เกิดขึ้น และกู้โม่หานก็ได้เล่มฉากวีรบุรุษช่วยสาวงามไว้
หนานหว่านเยียนจะจำไว้เสมอว่าหลังจากที่กู้โม่หานช่วยชีวิตหยุนอี่ว์โหรว สายตาของเขามองไปที่หยุนอี่ว์โหรว จะสุดกังวลและเร่งด่วนเพียงใด และความอ่อนโยนของเขาก็เหมือนน้ำเอ่อล้นออกมา
และเมื่อหยุนอี่ว์โหรวร้องไห้บอกกู้โม่หานว่านางผลักหยุนอี่ว์โหรวตกทะเลสาบ ดวงตาเหมือนหงส์ของกู้โม่หานก็เฉียบคมและเย็นชาขนาดไหน
ในเวลานั้นนางน้อยใจมาก และพยายามที่จะอธิบายอย่างหมดท่า แต่เขาก็ไม่ฟังเลย ถอดเสื้อคลุมออกแล้วสวมให้หยุนอี่ว์โหรว สายตาที่มองไปที่นางเต็มด้วยความขยะแขยง
“หนานหว่านเยียน เจ้านี่ช่างชั่วร้าย ดูขี้เหร่แล้วยิ่งใจก็ไม่งาม ข้าเตือนเจ้าหลายครั้งแล้วว่าอย่ามารังแกโหรวเอ๋อร์เด็ขาด แต่เจ้านี่ก็ยังรังแกอย่างเปิดเผย! ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปอีก! มาเลย ส่งหนานหว่านเยียนลงไปตีด้วยไม้ยี่สิบที!”
“ไม่ใช่ข้า นางมารังแกข้าต่างหาก นางต่างหาก! เชื่อข้าสิ ข้าไม่เคยแตะต้องนาง และยิ่งไม่เคยผลักนางลงไปทะเลสาบ…” นางเอาแต่ร้องไห้ฟ้องร้อง บอกความจริงกับกู้โม่หานอย่างหมดท่า ตราบเท่าที่เขาดูนางสักแวบเดียว ก็จะพบว่านางคือคนที่มีรอยแผลเป็นไว้อยู่มาก
แต่เขาไม่เลย เขาระบายความโกรธเพื่อหยุนอี่ว์โหรว และลงโทษนางอย่างโหดเหี้ยมที่ทำร้ายนาง ในอดีต นางเคยบาดเจ็บที่หัว และก็น่าเกลียดขี้เหร่จริง แต่นางชอบเขาจริง ๆ และได้ให้ความจริงใจแก่เขา เขาไม่เอาไม่รับก็ได้ ปฏิเสธได้ นางไม่มีคำพูดแค้นเคืองแม้แต่นิด
แต่เขากลับทำให้ความจริงใจของนางแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่อคนอื่น และแม้แต่เหยียบย่ำดูถูก นางก็ต้องเจ็บปวดอยู่แล้ว เจ็บปวดมากแม้ว่าตอนนี้นางจะฟื้นความทรงจำของทั้งสองชีวิตและมีปัญญาความคิดเหมือนคนปกติแล้ว นางก็ยังรู้สึกหายใจไม่ออก…
แต่ตอนนี้ หยุนอี่ว์โหรวท้องแล้ว แม้ว่ากู้โม่หานจะบอกว่าเขาไม่ชอบหยุนอี่ว์โหรวอีกต่อไป เขาก็จะปฏิบัติต่อหยุนอี่ว์โหรวเป็นอย่างดีเพราะความรับผิดชอบของเขาเอง
เมื่อก่อนนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำเพราะสองคนนี้ แต่ถึงขั้นนี้แล้ว นางจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีกต่อไป!
หนานหว่านเยียนระงับความเสียใจในใจ และบังคับตัวเองให้ร่าเริงขึ้นมา ตอนนี้นางไม่มีเวลามาเศร้า ตอนนี้ กู้โม่หานประสบความสำเร็จแล้ว นางก็ควรทำตามแผนและพาลูกสองคนและคุณน้าจากไปในความสับสนวุ่นวายนี้
“ตอนนี้กู้โม่หานอยู่ที่ไหน?”
เซียงเหลียนคิดสนองเป็นเวลาสองสามวินาที ดวงตาของนางเป็นประกาย “ตอนนี้ ท่านอ๋องมีธุระอยู่หลายอย่างที่ต้องทำ ขณะนี้คงจะยังอยู่ในวัง ท่านอยากจะพบท่านอ๋องหรือเปล่า”
กู้โม่หานไม่ได้อยู่ที่นี่ ดีเลย
หนานหว่านเยียนลุกขึ้นทันที ไม่มีเวลาแม้แต่จะสวมรองเท้า นางจึงรีบออกไปหาเด็กหญิงตัวเล็กทั้งสองและโม่หวิ่นหมิง
เมื่อเห็นเช่นนั้น เซียงเหลียนก็เดินตามนางไปทันที “พระชายา โปรดรอบ่าวหน่อยเถิด บ่าวจะเตรียมรถม้าให้ท่านด้วย…”
“หยุดเลย!” หนานหว่านเยียนจ้องกลับไปที่เซียงเหลียน ครู่หนึ่งด้วยสายตาที่ดุร้ายราวกับว่านางกลายเป็นคนละคนกัน “จากนี้ไป เรื่องของข้า เจ้ากับเซียงอวี้อย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย! ”
เซียงเหลียนตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง “พระชายา…”
หนานหว่านเยียนไม่ได้สนใจเซียงเหลียนอีกต่อไป แค่เดินออกไปโดยไม่ได้หันกลับมามอง
แต่นางเพิ่งออกไป ก็ชนกับกู้โม่หานที่กำลังรีบกลับมา
ดวงตาทั้งสี่สบกัน ดวงตาหงส์ของผู้ชายเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและทั้งตื่นตกใจและดีใจด้วย ทำให้หัวใจของหนานหว่านเยียนก็หยุดเต้นไปทีหนึ่ง
วินาทีต่อมา นางยังไม่ทันตั้งตัวก็ให้กู้โม่หานกอดไว้ในอ้อมแขนของเขา “หว่านเยียน ในที่สุดเจ้าก็ตื่นขึ้น … ”