ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 623
เสิ่นอี่ว์เม้มปาก ตัดสินใจจะบอกว่าหยุนอี่ว์โหรวไม่ใช่คนดี ตั้งครรภ์พระโอรสก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่เขายังไม่ได้พูดออกมา ก็ได้ยินเสียงของกู้โม่หานดังขึ้นข้างหูเสียก่อน
“เสิ่นอี่ว์ ตลอดชีวิตนี้ของข้า ไม่เคยนึกเสียเช่นตอนนี้เลย”
เสิ่นอี่ว์รีบจ้องมองไปยังกู้โม่หานที่มีสีหน้าโดดเดี่ยวโศกเศร้าทันที
ภายใต้แสงจันทร์ แสงสว่างสีเงินปะทะเข้ากับใบหน้าด้านข้างอันดูดีของกู้โม่หาน มีความอ้างว้าง ใจคอห่อเหี่ยวเล็กน้อย
“ฝ่าบาท……”
ริมฝีปากบางของกู้โม่หานเปิดปิดอย่างเชื่องช้า น้ำเสียงแหบแห้ง มีความเจ็บปวดเล็กน้อย
“ข้ากลัวว่าจะรั้งนางไว้ไม่อยู่ จึงเลือกใช้วิธีที่สุดโต่งถึงเพียงนี้ พยายามกักขังนางไว้ข้างกาย แต่ดูเหมือนว่าจะกลับตาลปัตร นางยิ่งเกลียดข้ามากขึ้นเรื่อยๆ……”
หลายวันมานี้หนานหว่านเยียนเกลียดชังเขาเข้ากระดูกดำ ไม่เพียงแต่ทำให้เขาเจ็บปวดและทุกข์ใจ แต่ยังทำให้เขานึกถึงอดีตตลอดเวลา
สิ่งเหล่านั้นที่ถูกเขาลืมไปพักหนึ่ง กลับเป็นอดีตที่ทำให้เขาสำนึกเสียใจไปชั่วชีวิต
เขายังจำตอนที่หนานหว่านเยียนเจอเขาครั้งแรกได้ นางท่าทางเหนียมอาย เพียงอยากก้าวมาข้างหน้าเพื่อทักทายเขาแท้ๆ แต่เขากลับมองข้ามนางราวกับฝุ่นอย่างไม่ยี่หระ
และเพราะความซุ่มซ่ามของหนานหว่านเยียน จึงไม่ระวังจนชนเข้ากับหยุนอี่ว์โหรวที่อยู่ข้างๆ ทำให้หยุนอี่ว์โหรวล้มลง
เขาเพียงแค่เดินไปหาหยุนอี่ว์โหรวด้วยความเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง แล้วพยุงนางลุกขึ้นอย่างอ่อนโยน “โหรวเอ๋อร์ บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”
หยุนอี่ว์โหรวส่ายหน้าอย่างน่าสงสาร
“ไม่เป็นไรท่านอ๋อง โหรวเอ๋อร์รู้ ว่าคุณหนูหว่านเยียนไม่ได้ตั้งใจ ถึงอย่างไรท่านอ๋องท่านก็รูปโฉมงดงามสง่าผ่าเผยเช่นนี้ ในเมืองหลวงนี้มีแม่นางใดที่จะไม่ลนลานบุ่มบ่าม เพื่อเจอหน้าท่านเล่า?”
ในครานั้นเขาจำได้ว่า สีหน้าของหนานหว่านเยียนนั้นรู้สึกน้อยใจมากเพียงใด
รอบดวงตานางแดงไปหมด หยดน้ำตารินไหลไม่หยุด ใบหน้าแดงก่ำ อธิบายได้ว่านางไม่ได้ชนหยุนอี่ว์โหรว
แต่เขายังทำเป็นเหมือนมองไม่เห็น และยังไม่เคยถามว่าแท้ที่จริงแล้วผู้ใดพูดจริง ผู้ใดพูดปด ก็ตัดสินเข้าข้างหยุนอี่ว์โหรวเช่นนี้แล้ว
“สมกับเป็นคนที่จวนเฉิงเซี่ยงสั่งสอนจริงๆ ที่น่ารังเกียจเช่นนี้”
“หนานหว่านเยียน เจ้าจำเอาไว้ ว่าข้าไม่มีทางลดตัวไปเป็นมิตรกับสตรีที่โหดร้ายเช่นเจ้า และไม่แม้แต่จะมองเจ้า อีกอย่าง เอามือสกปรกของเจ้าออกไปเสีย”
“น่าสะอิดสะเอียน”
เพลานั้น หนานหว่านเยียนมองดูเขา อย่างกลั้นน้ำตาเอาไว้ ชักมือกลับมาอย่างระมัดระวัง แล้วหันหลังวิ่งหนีไป
ตอนนี้พอหวนนึกถึงขึ้นมา เขากลับรู้สึกว่าเหตุการณ์ในครานั้น มันง่ายที่จะแยกแยะอย่างยิ่ง หนานหว่านเยียนอยากเอาใจเขา แม้แต่ลูกไม้สกปรกก็จะไม่ทำต่อหน้าเขา เห็นอยู่ชัดๆ ว่าหยุนอี่ว์โหรวกำลังพูดปด แต่ในครานั้นเขากลับมุ่งเป้าไปที่หนานหว่านเยียนทั้งใจ ทำร้ายนางจนเศร้าโศกเสียใจถึงเพียงนั้น
เขามันเดียรัจฉานจริงๆ
ตอนนี้ เขาตกหลุมรักสตรี ที่ถูกเขาทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็ถึงตาเขาที่ต้องเศร้าโศกเสียใจแล้ว กรรมตามสนองทันตาเห็นเลย
กู้โม่หานหลับตาลง แล้วหัวเราะเยาะตัวเอง “เรื่องที่ข้าทำในอดีต เลวร้ายยิ่งกว่าหมูยิ่งกว่าหมา”
“แต่……ถ้าหากว่ามีการสมมติ ข้าหวังว่าคำพูดเหล่านั้นจะเป็นการด่าตัวเอง พลองนับสิบนั้น ฟาดลงบนตัวข้า”
“ตอนนี้ ข้าเพียงอยากขอร้องให้นางให้โอกาสกับข้าสักครั้ง หากนางสามารถเปลี่ยนใจได้ ต่อให้จะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมาก แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของข้า ข้าก็ล้วนยินยอมด้วยความเต็มใจทั้งสิ้น”
เขานึกเสียใจอย่างยิ่ง เพราะเหตุอันใดเขาถึงได้มุ่งเป้าไปที่หนานหว่านเยียนถึงเพียงนั้น เหตุใดเขาถึงไม่รู้จักทะนุถนอม ทะนุถนอมสตรีที่รักเขาด้วยความบริสุทธิ์ อย่างสุดหัวใจ……
เสิ่นอี่ว์ถูกคำพูดนั้นของกู้โม่หานทำให้ตกตะลึงตั้งนานแล้ว เขาหลั่งน้ำตาให้กับกู้โม่หานอย่างเข้าอกเข้าใจ และยิ่งรู้สึกสงสารบุรุษที่เข้มแข็งมายี่สิบกว่าปีคนนี้
เห็นได้ชัดว่ากู้โม่หานเองก็ได้รับความทุกข์ทรมานไม่น้อย ปัจจุบันนี้ในที่สุดก็ได้เป็นกษัตริย์แล้ว แต่เพื่อคนที่รัก กลับยอมที่จะทำตัวตัวไร้ค่า ยอมที่จะใช้ทุกอย่างแลกกับการให้อภัยของนาง
และเขาตำหนิตัวเองเช่นนี้ เสิ่นอี่ว์ก็อดไม่ได้ที่จะถอย ไม่กล้าบอกกู้โม่หานจริงๆ เขาไม่เพียงแต่ทำสิ่งเหล่านี้ผิดเท่านั้น แต่ยังจำผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตผิดอีกด้วย……
หากรู้เรื่องนี้เข้า ฝ่าบาทจักต้องสำนึกเสียใจอย่างยิ่งเลยกระมัง เหตุผลที่สวมรอยเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตนี้ หยุนอี่ว์โหรวก็สมควรตายเป็นพันครั้ง หมื่นครั้ง
แต่ทว่า ตอนนี้หยุนอี่ว์โหรวตั้งครรภ์แล้ว ตั้งครรภ์พระโอรส ไม่สามารถสังหารได้เลย เขาเองก็รู้จักกู้โม่หานดี ว่าไม่ใช่คนอำมหิตเลยสักนิด นี่มันช่างน่าโมโหจริงๆ !
เสิ่นอี่ว์เอ่ยด้วยความเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง “ฝ่าบาท แม้ว่าข้าน้อยจะไม่ใช่ผู้เล่น แต่ก็ล้วนพูดกันว่าผู้เล่นมักจะดูเกมไม่ออก แต่ผู้ชมนั้นมักอ่านเกมได้ทะลุปรุโปร่ง
“ในอดีตท่านทำไม่ดีกับฮองเฮาเหนียงเหนียงจริงๆ แต่เรื่องพวกนั้นล้วนมีสาเหตุ เพราะถึงอย่างไรเมื่อครานั้นผู้ใดก็ล้วนคิดว่า หนานเฉิงเซี่ยงทำร้ายหวงกุ้ยเฟย และท่านซึ่งเป็นลูกชายที่หวงกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงให้กำเนิดมา โกรธแค้นคนของจวนเฉิงเซี่ยงก็ย่อมสมเหตุสมผลอยู่แล้ว!”
“ท่านคือองค์ชายที่สูญเสียเสด็จแม่ไปเมื่อตอนยังเป็นเด็ก สิบกว่าปีมานี้ ท่านใช้ชีวิตผ่านมาอย่างยากลำบาก คนอื่นไม่รู้ แต่ข้าน้อยกลับรู้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง!”
“ยิ่งไปกว่านั้น……ในอดีตฮองเฮาเหนียงเหนียงก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบจริงๆ นางที่วางแผนทุกวิถีทาง ก่อกวนท่านอย่างไม่สนอะไรทั้งนั้นเช่นนั้น ท่านไม่ได้รู้ทุกอย่างเสียหน่อย ในนั้นยังมีคนต่ำต้อยมากมายคอยยุยงเสี้ยมให้แตกคอกันอยู่ ที่เอือมระอาฮองเฮาเหนียงเหนียงก็ดี ที่พูดล่วงเกินเหนียงเหนียงและทำการลงโทษก็ดี ทั้งหมดนั้นล้วนไม่มีอะไรพอที่จะเป็นความผิดได้ ไม่จำเป็นต้องอ้ารับเอาความผิดทั้งหมดไว้กับตัวดอก นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน”
กู้โม่หานฟังทุกคำพูดของเสิ่นอี่ว์ ความระทมทุกข์ในนัยน์ตาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น แล้วเอ่ยแก้ต่างให้ตัวเอง “เสิ่นอี่ว์ เจ้าไม่เข้าใจ”
ตอนนี้ปัญหาไม่ใช่ถูกหรือผิดสักนิด แต่เป็นเขาที่สำนึกผิด แต่กลับไม่มีโอกาสได้ชดเชยเลย……
“ช่างเถิด เจ้ารีบไปพักผ่อนเถิด หลายวันนี้เจ้าต้องเสริมประสิทธิภาพเตรียมป้องกัน ส่วนฮองเฮาทางด้านนั้น ก่อนพระราชพิธีเสร็จสิ้น จักต้องมีการเคลื่อนไหวเป็นแน่”
แม้กู้โม่หานจะรู้แล้วว่าหนานหว่านเยียนต้องการจากไป และเตรียมป้องกันล่วงหน้าแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด ยิ่งใกล้ถึงพิธีมอบบรรดาศักดิ์ิ์ ภายในใจของเขาก็ยิ่งกระวนกระวาย มักรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเสมอ……