ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 625
ประโยคนี้ ถามเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจหนานหว่านเยียนทันที
นางก้มหน้าหัวเราะครู่หนึ่ง ซึ่งปะปนไปด้วยความขมขื่นเล็กน้อย
“แน่นอนว่าข้าชอบเขา และ ชอบมากด้วย”
“เขาอายุยังน้อยและมีอนาคต หน้าตาดูดี สูงตระหง่านหนึ่งเมตรเก้ากว่าๆ อุ้มข้าก็ไม่ต้องเสียแรง และยังมีศักยภาพมากยิ่งนัก ผู้ใดจะไม่ใจเต้นกัน”
“อีกอย่างเขานั้นกตัญญู ปฏิบัติต่อลูกๆ ก็ดียิ่งนัก มีความรับผิดชอบสูง และรักใคร่อย่างยิ่ง ไม่เลือกที่มักรักที่ชัง และยิ่งไม่เกิดโทสะเพราะการหยอกล้อของพวกลูกๆ ด้วย บุรุษที่มีความรับผิดชอบเช่นนี้ นอกจากการแสดงความรักไม่เป็นแล้ว ที่เหลือก็ดีหมด ”
ขณะที่หนานหว่านเยียนกำลังพูด จู่ๆ ในหัวก็ปรากฏความทรงจำในอดีตขึ้นมาแวบหนึ่ง
ตอนนั้นเป็นเดือนแรกในฤดูใบไม้ผลิพอดี มีดอกแอพริคอตบานเต็มเนินเขา นางแอบวิ่งออกมาจากจวนเฉิงเซี่ยงไปเที่ยวเล่นคนเดียว ตามกลีบดอกไม้ที่ล่องลอยไป จนมาถึงข้างลำธารที่อยู่ห่างออกมาไกล
มีเสียงน้ำในลำธารไหล และมีเสียงขิมที่ดูไม่คล่องแคล่ว ไม่ต่อเนื่องกัน จากไกลๆ
ในครานั้นนางอยากรู้ว่าผู้ใดกำลังดีดขิม จึงถอดรองเท้า เดินย้อนลำธารไปฝั่งตรงข้าม
นางยืมหินก้อนใหญ่กำบังอยู่ตรงหน้า โผล่หัวออกไปอย่างเงียบๆ กลับเห็นหนุ่มน้อยผมสีดำที่หล่อเหลาสว่างไสว และมีชีวิตชีวา นั่งขัดสมาธิอยู่ในป่า และวางขิมที่ใหญ่ไว้บนขาเขา
นิ้วทั้งสิบของเขาถูกห่อด้วยผ้าพันแผล ซึ่งมีรอยเลือดสีแดงคล้ำซึมออกมา แต่ยังขมวดคิ้วอย่างดื้อรั้น บรรเลงขิมต่อเนื่องซ้ำๆอย่างจริงจังและระมัดระวัง
ลมพัดผ่าน ดอกไม้ร่วงหล่นที่ลอยเต็มท้องฟ้า ร่วงลงข้างกายเขา เขาก็เหมือนกับทัศนียภาพ ที่ดึงดูดให้คนสนใจ
วินาทีนั้น นางมองอย่างเคลิบเคลิ้ม ไม่เคยเห็นคนที่ดูดีเช่นนี้มาก่อน นางถอยหลังไปเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว และไม่ระวังเหยียบเข้ากับกิ่งไม้แห้งที่อยู่ด้านหลัง เสียงไม่เบาเลย และในป่าเขาที่เงียบสงัดนี้ ก็ทำให้นกน้อยจำนวนไม่น้อยพากันตกใจ
เจ้าหนุ่มน้อยใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที ลุกขึ้นมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังตัวเล็กน้อย “ใครน่ะ?!”
ตอนนั้นนางเบิกตาโพลงอย่างลนลาน และอุดปากไว้ไม่ให้ตัวเองส่งเสียงออกมา แล้วหันหลังวิ่งหนีไปอย่างเร่งรีบ
ครานั้น ตามหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งของตัวเอง นางยังคิดอยู่เลยว่าเป็นเพราะกลัวและตื่นเต้น
ต่อมาพอค่อยๆ โตขึ้น นางจึงได้เข้าใจ ว่าที่ใจเต้นนั้น เพราะเป็นสาววัยแรกแย้มแล้ว
และไม่นานนัก นางก็รู้ ว่าหนุ่มน้อยผมดำก็คืออี้อ๋องในปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในหมื่นที่มีอยู่
นางเองก็เข้าใจ ว่าแม้ครั้งนั้นไม่ได้รีบเร่ง และใจเต้นอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ช้าก็เร็วก็จะตกอยู่ในมือเขา ดังนั้น นางไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเขา
เซียงอวี้เอ่ยซักถามอย่างร้อนใจ “เหนียงเหนียงในเมื่อท่านชอบฝ่าบาทถึงเพียงนั้น ตามปกติแล้ว ตอนนี้น่าจะยิ่งชอบฝ่าบาทมากขึ้นสิถึงจะถูก”
“แต่เพราะเหตุใด ท่านกับฝ่าบาทในตอนนี้ ถึงได้ทะเลาะกันหนักถึงเพียงนี้เล่า?”
หนานหว่านเยียนตั้งสติได้ ก็มองดูท่าทางร้อนใจของเซียงอวี้ แววตาลึกซึ้ง
“ข้าชอบเขาจริงๆ แต่ชีวิตคนเรานั้นไม่ได้มีเพียงความรัก และระหว่างข้ากับกู้โม่หาน ก็มีรอยร้าวมากมายที่ไม่มีวิธีสมานได้ จึงไม่อาจรักกันได้อีกแล้ว”
“เซียงอวี้ ข้าพูดเช่นนี้ เจ้าอาจไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่หากเจ้าเอาใจเขามาใส่ใจเรา แทนข้ากับกู้โม่หานเป็นเจ้ากับอวี๋เฟิง เจ้าจะเลือกอย่างไร?”
เซียงอวี้ชะงักงัน ยังไม่ทันได้ตอบ หนานหว่านเยียนก็นอนลง หันหลังให้นาง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรง
“เอาล่ะ เจ้าเลิกพูดคำพูดบ้าๆ และทำให้คนกลัวพวกนั้น แล้วรีบกลับไปพักผ่อนเถิด”
เซียงอวี้เม้มปากอย่างอึกๆ อักๆ เช็ดคราบน้ำตาบนหน้าจนแห้ง ท้ายที่สุดก็พยักหน้า “เพคะ บ่าวขอตัวลาก่อน ฮองเฮาเหนียงเหนียงท่านพักผ่อนให้เต็มที่เถิด”
นางหันหลังเดินออกไปจากตำหนักหย่างซิน และปิดประตูห้องเบาๆ ในหัว ก็คิดในทางกลับกันอย่างไม่รู้ตัว
หากอวี๋เฟิงเกลียดนาง ปฏิบัติกับนางอย่างเย็นชา ดูถูกนาง……
นางเพียงคิดเช่นนี้ ก็รู้สึกหายใจไม่ออกแล้ว แต่เหนียงเหนียงกลับได้รับความเจ็บปวดมาหลายปีถึงเพียงนั้น แม้ว่าฝ่าบาทเองก็มีความลำบากใจเช่นกัน
นางซ่อนใบหน้าเสียใจเอาไว้ ยืนอยู่หน้าตำหนักหย่างซินสะอึกสะอื้นอย่างไม่มีเสียง
แต่ฝ่าบาทกับฮองเฮาเหนียงเหนียง จะหยุดอยู่เท่านี้จริงๆ หรือ?
นางหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้……
ภายในตำหนัก หนานหว่านเยียนนำเครื่องนอนคลุมไว้บนศีรษะ กัดริมฝีปากแดงแน่น รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
นางยังมีกู้โม่หานอยู่ในใจจริงๆ
ในอดีต เขามักจะทำให้นางน้ำตาอาบหน้าเสมอ ตอนนี้ เขายังคงมีผลกระทบต่อใจของนางได้ ทำให้นางเจ็บปวดราวกับถูกแมลงมากมายกัดแทะอวัยวะภายใน
ทันใดนั้น ท้องน้อยก็เจ็บขึ้นมากะทันหัน
หัวใจของหนานหว่านเยียนตึงเครียด ค้นหายาบำรุงครรภ์จากห้วงเวลา แล้วกุมท้องเดินไปข้างโต๊ะ ใช้น้ำอุ่นในการกินยา
กินยาแล้ว ความเจ็บปวดตรงท้องกลับยังไม่บรรเทาลง
หนานหว่านเยียนค้ำยันโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง ก้มมองดูหน้าท้องแบนราบของตัวเอง ความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจก็โจมตีภายในใจของนางทันที รอบดวงตาแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ช่วงนี้อารมณ์ของนางไม่มั่นคงยิ่งนัก จนส่งผลกระทบต่อทารกน้อยในครรภ์เสียแล้ว
ในฐานะแม่ นางปฏิบัติหน้าที่บกพร่องมากถึงเพียงใดกัน……
หนานหว่านเยียนลูบหนูน้อยในท้องอย่างอ่อนโยน และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล อบอุ่นอย่างยิ่ง “หนูน้อย ขอโทษนะ แม่ทำให้เจ้าได้รับความเหน็ดเหนื่อยเสียแล้ว”
“นับจากนี้ไปแม่จะระมัดระวัง จะไม่ให้เจ้าเป็นทุกข์ เจ้าจักต้องเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์ ดีหรือไม่”
“อีกไม่นาน เจ้าก็จะได้เจอกับพี่สาวทั้งสองคนแล้ว ดีใจสักหน่อยสิ หืม?”
พอพูดจบ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของยาหรือเพราะผลกระทบทางใจ จู่ๆ ท้องน้อยก็ไม่ได้เจ็บถึงเพียงนั้นแล้ว
สีหน้าของหนานหว่านเยียนค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้นมา แล้วกลับมานอนบนเตียง พลางสูดหายใจเข้าลึกๆ
ไม่คิดแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งซับซ้อน ไม่ว่าจะเพื่อลูก เพื่อหนีจากวังให้เร็วที่สุด นางก็ต้องพักผ่อนให้เต็มที่
และไม่รู้ว่า ท่านน้าวางแผนช่วยพานางหนีอย่างไร อีกสองวันก็จะเป็นพิธีมอบบรรดาศักดิ์แล้ว พอผ่านพิธีมอบบรรดาศักดิ์ไป หากคิดจะหนีอีกก็คงยาก……
คืนนี้ ไฟในวังเปิดอย่างยาวนานไม่ดับเลย
ในเช้าวันต่อมา ตำหนักหยูซินในช่วงเช้า ก็เริ่มยุ่งอยู่กับงานกันอย่างคึกคักแล้ว
ด้านนอกตำหนัก เซียงเหลียนคอยสั่งให้ทุกคนตกแต่ง จัดแต่งสิ่งของที่ต้องใช้ในพิธีมอบบรรดาศักดิ์ในวันพรุ่งนี้อย่างเป็นระเบียบแบบแผน
ในขณะเดียวกัน ก็มีนางกำนัลรับใช้กับขันทีจำนวนมาก กำลังยกกล่องทั้งเล็กทั้งใหญ่ ย้ายไปยังด้านในตำหนักหยูซิน
ด้านในกล่อง บรรจุเต็มไปด้วยเครื่องประดับ ผ้าไหม สมุนไพรหลากหลายแบบ……ล้วนเป็นสมบัติมหัศจรรย์ล้ำค่าที่หาได้ยากในโลกนี้ ในนั้น ยังมีของเล่นและขนมที่เด็กๆ ชอบกันอีกด้วย
เพื่อหนานหว่านเยียน กู้โม่หานจึงทำออกมายิ่งใหญ่ โอ่อ่าเช่นนี้ เหล่านางกำนัลรับใช้จากวังอื่นเห็นแล้ว ไม่มีผู้ใดเลยที่จะไม่รู้สึกอิจฉา ล้วนพากันหยุดดูอย่างลุ่มหลง
มีสาวใช้น้อยในวังคนหนึ่งยกหีบด้วยความสงบเงียบอย่างยิ่ง และเดินไปยังตำหนักบรรทมของหนานหว่านเยียน
เพลานั้นหนานหว่านเยียนตื่นแล้ว และนั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลือง ล้อมรอบไปด้วยนางกำนัลรับใช้หลายคนซึ่งมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ ที่กำลังแต่งตัวแต่งหน้าให้นาง
สาวใช้น้อยในวังก้มหน้า ตั้งใจวางหีบไว้ในตำแหน่งที่ไม่เตะตา
นางมองหนานหว่านเยียนด้วยสายตาแปลกๆ แวบหนึ่ง แล้วก็รีบหันหลังจากไป……