ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 626
หนานหว่านเยียนไม่สังเกตเห็นความผิดปกติ ส่วนคนอื่นๆ ก็ยิ่งไม่รู้ ส่วนเซียงอวี้ก็กำลังหวีผมให้นางอย่างพิถีพิถัน
นางกำนัลรับใช้คนหนึ่งเห็นคนมาส่งของขวัญ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยกับหนานหว่านเยียนอย่างยิ้มๆ “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ฝ่าบาทรักใคร่โปรดปรานท่านจริงๆ นับจากนี้ไป ท่านจักต้องเป็นสตรีที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดในวังนี้เป็นแน่”
นางกำนัลรับใช้อีกคนก็รีบเอ่ยสมทบทันที “ใช่แล้ว! สตรีที่งดงามไร้ที่ติเช่นฮองเฮาเหนียงเหนียงของพวกเรา ในใต้หล้านี้คงหาไม่ได้อีกแล้ว! คงอยู่ยาวนานไม่เสื่อมถอยเป็นแน่!”
นางกำนัลรับใช้เหล่านี้อายุยังน้อย และเพิ่งจะได้ใกล้ชิดกับหนานหว่านเยียน มีนายท่านที่ร่ำรวยและฐานะสูงส่งเช่นนี้ ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการแย่งชิงประจบสอพลอ
แต่หนานหว่านเยียนยังคงนั่งอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าเรียบเฉย ในนัยน์ตาเปล่งประกาย เงียบสงบมั่นคง
เซียงอวี้มองผิวขาวเนียนบริสุทธิ์ในกระจกทองแดง แต่หนานหว่านเยียนกลับมีที่สีหน้าเย็นชา นางเม้มปาก แล้วขมวดคิ้วหันไปตำหนิเหล่านางกำนัลรับใช้เสียงเย็นเยือก
“เรื่องของพวกนายท่าน เป็นเรื่องที่พวกเจ้าปากมากได้หรือ?”
“ยังไม่รีบถอยไปอีก!”
นางกำนัลรับใช้เหล่านั้นชะงักงันไปชั่วขณะ แล้วมองหนานหว่านเยียนอย่างระมัดระวังทันที หลังจากไม่เห็นความปีติยินดีใดๆ บนใบหน้าหนานหว่านเยียน จึงได้รู้ตัวว่าพูดมากเกินไปแล้ว จึงก้มหน้าอย่างลนลาน “พวก พวกบ่าวปากมากเกินไปแล้ว!”
“บ่าว บ่าวขอตัวออกไปข้างนอกก่อนนะเพคะ!”
เหล่านางกำนัลรับใช้ถอยออกไปอย่างสั่นเทา
ทันใดนั้น ภายในตำหนักหยูซิน ก็เงียบสงัดขึ้นมา
เซียงอวี้มองดูหนานหว่านเยียนที่ยังคงเงียบ นัยน์ตาเย็นยะเยือกราวกับเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้
แต่ไม่ว่าหนานหว่านเยียนจะไม่เต็มใจอย่างไร ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น พรุ่งนี้ก็เป็นพิธีมอบบรรดาศักดิ์แล้ว……
เซียงอวี้ฝืนยิ้มออกมา แล้วหยิบเสื้อคลุมลายหงส์ที่กู้โม่หานสั่งทำให้หนานหว่านเยียนโดยเฉพาะ จากในถาดรองอย่างระมัดระวัง แล้วส่งให้กับหนานหว่านเยียน
“ฮองเฮาเหนียงเหนียง เสื้อคลุมลายหงส์รีบเร่งทำออกมาแล้ว บ่าวได้ยินมาว่า เสื้อคลุมลายหงส์นี้ฝ่าบาทร่วมออกแบบด้วยตัวเองเลย ท่านดูขอบเสื้อคลุมนี้สิ ไม่ได้มีเพียงขนสัตว์สีทองเท่านั้น แต่ยังปักดอกไอริส ที่ท่านโปรดปรานที่สุดอีกด้วย”
“แม้แต่รอยเย็บของเสื้อคลุมลายหงส์ ฝ่าบาทก็เป็นคนเลือกเอง โดยใช้ผ้าไหมที่ดีที่สุด บ่าวคิดว่าหากท่านลองใส่เสื้อคลุมลายหงส์นี้ จักต้องงดงามอย่างยิ่งเป็นแน่ ท่านลองดูก่อนเถิดว่าพอดีตัวหรือไม่ หากไม่พอดีบ่าวจะให้คนแก้ให้ใหม่”
หนานหว่านเยียนชำเลืองมองเสื้อคลุมลายหงส์ชุดนั้นที่งดงามดูดีอย่างยิ่ง ในมือของเซียงอวี้อย่างเฉยเมย หลังจากนั้นก็เบือนสายตากลับมา นั่งนิ่งไม่ไหวติง
“ข้าไม่อยากใส่ เจ้าไปตามเสิ่นอี่ว์มาที ข้ามีเรื่องจะคุยกับเขาตามลำพัง”
ครั้งก่อนนางไหว้วานให้เสิ่นอี่ว์สืบหาหลักฐานใหม่ และไม่รู้ว่าคืบหน้าถึงไหนแล้ว
นางจะดูว่าก่อนจากไป จะมีโอกาสทำลายหยุนอี่ว์โหรวให้ย่อยยับ และเปิดโปงโฉมหน้าแท้จริงที่น่ารังเกียจของนางได้หรือไม่
“เอ่อ……” เซียงอวี้มีสีหน้าลำบากใจ “เหนียงเหนียงบ่าวสามารถไปตามเสิ่นอี่ว์ได้ แต่พรุ่งนี้ก็เป็นพิธีมอบบรรดาศักดิ์แล้ว เสื้อคลุมลายหงส์นี้ท่านจักต้องลองใส่ดู……”
หนานหว่านเยียนไม่สนใจ
และเพลานี้ จู่ๆ หน้าประตูตำหนักหยูซินก็มีเสียงอันเคารพนอบน้อมของเหล่านางกำนัลรับใช้ส่งมา “ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท”
ทันใดนั้น ประตูตำหนักก็ถูกคนเปิดออกทันที
นัยน์ตาดำขลับของหนานหว่านเยียนตึงเครียด มองเห็นบุรุษสูงตระหง่านในกระจกเดินมาทางนางอย่างไม่คาดคิด
วันนี้กู้โม่หานสวมเสื้อคลุมมังกร ใบหน้าขาวผ่องหล่อเหลาไม่มีผู้ใดเทียบ สีหน้าเย็นชา ฝีเท้ามั่นคง ดูน่าเกรงขามหยิ่งยโสมากกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย
เขามาพร้อมกับกับนางกำนัลรับใช้สองคน แล้วก้าวยาวๆ ไปข้างๆนาง
หนานหว่านเยียนเม้มปาก แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร และไม่ได้ลุกขึ้นมาทำความเคารพด้วย
เซียงอวี้รีบถือเสื้อคลุมลายหงส์เอาไว้ แล้วหันไปโค้งศีรษะทำความเคารพกู้โม่หานอย่างนอบน้อม “บ่าวถวายบังคมฝ่าบาท”
เขาโบกมือไปมา “ลุกขึ้นเถิด”
เซียงอวี้ลุกขึ้น แล้วถอยไปด้านข้าง กู้โม่หานชำเลืองมองเสื้อคลุมลายหงส์ในมือเซียงอวี้ แล้วยื่นมือไปหยิบเสื้อคลุมลายหงส์ที่งดงามตระการตาตัวนั้น มาเทียบกับตัวหนานหว่านเยียน บนใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“หว่านเยียน พรุ่งนี้เจ้าใส่เสื้อคลุมลายหงส์นี้จักต้องงดงามอย่างแน่นอน เปลี่ยนดูสักหน่อยสิว่าพอดีหรือไม่?”
รู้ว่าหนานหว่านเยียนชอบดอกไอริส เขาก็ให้คนปักดอกไอริสลงบนเสื้อคลุมลายหงส์
และเรียกมู่ฮวนมาเป็นพิเศษ ให้ปรับเปลี่ยนเสื้อคลุมลายหงส์แบบดั้งเดิม ตามความชอบของหนานหว่านเยียน
เสื้อคลุมลายหงส์ในเมื่อก่อนนั้นหนักและใหญ่เกินไป และพิธีมอบบรรดาศักดิ์มีขั้นตอนซับซ้อน เขาไม่อยากให้นางลำบาก
หนานหว่านเยียนไม่ได้มองเขาตรงๆ ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงและท่าทางเย่อหยิ่ง “ข้าไม่เคยบอกว่าจะเป็นฮองเฮาของท่าน มีความจำเป็นอันใดที่ต้องใส่เสื้อคลุมลายหงส์นี้กัน”
“ชิ……”
การปฏิเสธที่ชัดเจนเช่นนี้ของหนานหว่านเยียน อยู่ในการคาดเดาของเซียงอวี้ แต่กลับทำให้นางกำนัลรับใช้สองคนที่อยู่ข้างๆ กู้โม่หานตกใจกลัว พวกนางหวาดกลัวอย่างยิ่ง แต่กลับไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาดู
เหตุใดฮองเฮาเหนียงเหนียงถึงได้กล้าไม่เกรงใจ ไม่เคารพฝ่าบาทเช่นนี้?!
อีกอย่างการที่ได้เป็นคู่เคียงเรียงหมอนฮ่องเต้ ก็เป็นเรื่องที่สตรีหลายคนในแคว้นซีเหย่เพ้อฝันอยากเป็นกันทั้งนั้น และยิ่งไปกว่านั้นการได้เป็นเจ้าของหกตำหนัก ก็เป็นเรื่องที่โชคดีอย่างยิ่งเลยทีเดียว คิดไม่ถึงเลย ว่าจะถูกฮองเฮาเหนียงเหนียงดูถูกเช่นนี้!
ไม่น่า……ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ !
ฝ่าบาทคงจะกริ้วมากเลยกระมัง?
สีหน้าของกู้โม่หานชะงักงัน รอยยิ้มหุบลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพียงนำเสื้อคลุมลายหงส์วางกลับคืนที่ถาดรองเท่านั้น แล้วมองไปยังหนานหว่านเยียน
“ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับหรือไม่ เจ้าก็เป็นฮองเฮาของข้า เจ้าเองก็สามารถขัดใจข้า ไม่เข้าร่วมพิธีมอบบรรดาศักดิ์ได้ เพียงแต่ ข้าเองก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ท่านน้าของเจ้าอยู่ในวัง เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”
เสียงของเขานุ่มนวล แต่คำพูดที่ออกมากลับเต็มไปด้วยการเตือนที่เด่นชัด
สีหน้าของนางสลดลงทันที สายตาคมกริบมองดูกู้โม่หาน “ท่านขู่ข้า?”
ก่อนเข้าวัง เขาเอาหนูน้อยทั้งสองมาข่มขู่นาง หลังเข้าวังมา เขาก็เอาท่านน้ามาข่มขู่นาง กู้โม่หานนับวันยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ !
นัยน์ตาดำสนิทของกู้โม่หานปรากฏความหมายลึกซึ้งแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ข้าไม่กล้า”
ทำก็ทำไปแล้ว ยังจะบอกว่าไม่กล้า!
หนานหว่านเยียนเอ่ยขึ้นอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ได้ ข้าจะใส่ แต่ข้าขอเตือนท่านเอาไว้ หากท่านกล้าแตะต้องท่านน้าของข้า ข้ากับท่านไม่จบกันแน่!”
ถอยหนึ่งก้าวทะเลกว้างฟ้าใส ทนอีกหน่อยพายุก็จะเงียบสงบ ใกล้จะถึงวันแล้ว จะให้ท่านน้าออกจากวังตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“ดูท่าแล้วโม่หวิ่นหมิงคงจะมีอิทธิพลต่อเจ้ามากยิ่งนัก” ริมฝีปากบางของกู้โม่หานเม้มเล็กน้อย นิ้วเรียวยาวกำแน่อยู่ข้างลำตัว แววตากลับอ่อนลง “ไปเปลี่ยนเถิด”
หนานหว่านเยียนลุกขึ้น แล้วหันหลังเดินไป “เซียงอวี้ ตามข้าไปเปลี่ยนชุดในตำหนัก”
“เพคะเหนียงเหนียง” เซียงอวี้ได้ยินเช่นนั้น ก็ตอบรับอย่างปีติยินดีเล็กน้อย แล้วยกเสื้อคลุมลายหงส์ ตามหนานหว่านเยียนไปตำหนักด้านข้าง
ผ่านไปไม่นาน เซียงอวี้ก็เดินนำหนานหว่านเยียนออกมาจากตำหนัก
กู้โม่หานยังยืนอยู่ที่เดิม มือทั้งคู่ไพล่หลัง เขาเงยหน้าขึ้น รูปร่างที่แต่งตัวงดงามของหนานหว่านเยียนก็สะท้อนเข้ามาในสายตาของเขา
เสื้อคลุมลายหงส์สีเหลืองขอบสีแดงลากอยู่บนพื้น ยิ่งเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับเอวคอดนั้น หงส์และดอกไอริสตรงข้างกระโปรง เคลื่อนไหวคดเคี้ยว ตามจังหวะการก้าวย่างของหนานหว่านเยียน ราวกับมีชีวิตขึ้นมา
กู้โม่หานลุ่มหลงเล็กน้อย จ้องมองนางไม่ละสายตา
เขารู้ว่าสีแดงช่วยขับนางให้เด่น งดงามเป็นที่ดึงดูด ทำให้ผู้คนหลงใหล แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพอนางใส่เสื้อคลุมลายหงส์สีเหลืองนี้แล้ว ก็มีกลิ่นอายอื่นเช่นกัน มีความเคร่งขรึมน่าเกรงขาม ซึ่งต่างไปจากอดีต ทั้งงดงามและใจกว้าง
ไม่ม้วนมวยผม ก็พอที่จะดูสวยงามโดดเด่นแล้ว
แม้แต่นางกำนัลรับใช้สองคนที่อยู่ข้างๆ กู้โม่หานก็ล้วนพากันตกตะลึง จ้องมองหนานหว่านเยียนตาไม่กะพริบ
ทันใดนั้นก็ดูเหมือนจะเข้าใจ ว่าเหตุใดฝ่าบาทถึงได้โปรดปรานฮองเฮาเหนียงเหนียงเช่นนี้
งดงามเพริศพริ้งชม้ายคราแรกล่มเมือง ชายตาอีกคราล่มชาติ แม้แต่พวกนาง ก็ยากยิ่งนักที่จะไม่ใจเต้น
หนานหว่านเยียนใบหน้าเย็นชา “เสื้อคลุมลายหงส์พอดีตัว พอใจหรือยัง?”
กู้โม่หานมองดูลำคอระหงงดงามของนางที่ซ่อนอยู่ใต้ปกเสื้อสวยตระการตา แววตาหม่นลงเล็กน้อย ยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ ก็ถูกเซียงอวี้ชิงเอ่ยก่อนเสียแล้ว
“เหนียงเหนียงมวยผมของท่านยังไม่เสร็จดี จักต้องดูรวมกันว่าเข้ากันหรือไม่ ปิ่นรูปหงส์ที่ต้องสวมใส่พรุ่งนี้ก็สำคัญมากเช่นกัน”
เซียงอวี้พาหนานหว่านเยียนกลับไปนั่งลงหน้ากระจกทองเหลืองด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ฝ่าบาทโปรดทรงรอสักครู่ บ่าวจักหวีผมแต่หน้าให้กับฮองเฮาเหนียงเหนียง”
พูดจบ มือหนึ่งของนางก็ม้วนผมยาวสลวยราวกับน้ำตกของหนานหว่านเยียน อีกมือก็หยิบหวีไม้ขึ้นมา เตรียมหวีผมให้หนานหว่านเยียน
แต่เพลานี้ กู้โม่หานกลับเอ่ยปากพูด “ให้ข้าเถิด……”