ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 633 นางหนีไปไม่ได้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 633

เสิ่นอี่ว์มีความสุขมาก “เจอองค์หญิงหนึ่งพระองค์พ่ะย่ะค่ะ! องค์หญิงปลอดภัยดีพ่ะย่ะค่ะ!”

ร่างกายกู้โม่หานสั่นอย่างรุนแรง หัวใจตื่นเต้นปั่นป่วน “นางอยู่ที่ไหน”

กู้โม่เฟิงก็อดประหลาดใจไม่ได้

ไม่คิดว่าจะหาเด็กเจอได้?!

เขายังนึกว่าเด็กถูกพรากไป ไม่มีวันกลับมาแล้ว!

วินาทีต่อมา องครักษ์สองคนก็พาเกี๊ยวน้อยที่ตัวคลุกฝุ่นเดินเข้าไปในห้องทรงพระอักษร

รองเท้าของเกี๊ยวน้อยหายไปข้างหนึ่งอย่างไรไม่รู้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าขาวละมุนเปรอะขี้เถ้าไปทั่ว

ดวงตาสดใสของนางเห็นได้ชัดว่าร้องไห้มา ทั้งแดงและบวม สองมือกำกระโปรงแน่น กัดริมฝีปาก จ้องมองกู้โม่หานด้วยความอัดอั้นและเจ็บปวดมาก

กู้โม่หานมองท่าทางกวางน้อยที่ได้รับความตกใจของเกี๊ยวน้อย เหมือนจะไม่สามารถระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านได้ “เกี๊ยวน้อย…”

เขาเดินโซเซพุ่งเข้าหาเกี๊ยวน้อย ฝีเท้าสะเปะสะปะ เกือบจะล้มลง

กู้โม่หานคุกเข่าตรงหน้าเกี๊ยวน้อย กอดนางเอาไว้ทันที อย่างแน่นหนา บาดแผลที่แขนถูกแขนเสื้อบังไว้ ไม่ให้ลูกสังเกตเห็น

เสียงของเขาสะอึกสะอื้นเล็กน้อย ดวงตานุ่มลึกเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “เกี๊ยวน้อย เจ้าไปไหนมา บอกพ่อสิ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

กู้โม่เฟิงมองสองพ่อลูกที่ในที่สุดก็เจอกัน รู้สึกทุกข์ทรมานจนพูดไม่ออก เก็บยาทาไปอย่างเงียบๆ

แต่กู้โม่เฟิงรู้แก่ใจ ตอนนี้สภาพกู้โม่หานแย่มาก ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน ก่อนพิธีบรมราชาภิเษกก็ไม่ได้พักผ่อนให้ดี ประสบเรื่องความเป็นตาย ไม่ว่าใครก็ทนไม่ได้

เกี๊ยวน้อยกลับไม่มีความอ่อนโยนอะไรให้ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามของเขา ทั้งสองมือใช้แรงดันหน้าอกกู้โม่หานเอาไว้ จ้องมองกู้โม่หานอย่างกัดฟันกรอด เบ้าตาแดงก่ำ น้ำตาไหลลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“เจ้าปล่อยนะ! ขะ ข้าไม่ให้เจ้ากอด!”

กู้โม่หานไม่ได้ปล่อยมือ กลับกอดเด็กน้อยแน่นขึ้น “เกี๊ยวน้อย…”

เกี๊ยวน้อยผลักเขาออกอย่างแรง นางไม่ให้เขากอด ตอนนี้นางเกลียดเขามากยิ่ง!

เห็นชัดว่านางจะหนีไปได้อยู่แล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเขา นางถึงหนีไปไม่สำเร็จ!

วันนี้นางไปเข้าห้องน้ำกับซาลาเปาน้อย เพิ่งเข้าเสร็จกำลังจะออกไป ชายชุดดำคนหนึ่งก็กระโดดเข้ามาจากหน้าต่างโดยไร้สุ้มเสียง

ตอนนั้นนางกับซาลาเปาน้อยต่างตกใจแทบแย่ กำลังจะตะโกนร้องช่วยด้วย ชายชุดดำก็สั่งให้พวกนางเงียบเสียง แล้วหยิบจี้หยกออกมาจากอกให้พวกนางดู

ทันทีที่พวกนางเห็นก็จำได้ จี้หยกนี้เหมือนกับที่โม่หลีมอบให้พวกเขาทุกอย่าง จึงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีก

ชายชุดดำเห็นพวกนางสงบนิ่ง จึงบอกพวกนางว่า ท่านปู่หมิงส่งเขามารับพวกนางไป แล้วจะรวมตัวกับท่านแม่นอกวังในภายหลัง

ตอนนั้นนางรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่นางรู้ว่าท่านแม่กำลังจะจากไป เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะกะทันหัน และเร็วขนาดนี้ นางจูงมือซาลาเปาน้อยอย่างเชื่อฟัง แล้วเดินตามชายชุดดำไป

แต่เมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง จู่ๆ นางก็รู้สึกลังเลใจขึ้นมา คิดว่าต่อไปคงไม่ได้เจอกู้โม่หานอีกแล้ว น้องสาวอาจจะเสียใจ ตนเองก็รู้สึกผิดหวังมากเช่นกัน จึงคิดจะทิ้งของต่างหน้าให้เขาแล้วค่อยไป

ถึงอย่างไรก็เป็นพ่อลูกกัน ทั้งชีวิตนี้ นางยังไม่เคยเรียกเขาว่าท่านพ่อ ก็ต้องแยกกับเขาตลอดไปแล้ว

แต่ใครจะรู้ เกิดการระเบิดขึ้นในพิธีพระบรมราชาภิเษก การระเบิดอลหม่านมาก นางยืนสติหลุดจนกระทั่งถูกฝูงชนเบียดเสียดพลัดหลงกับน้องสาวและชายชุดดำ วิ่งออกไปไม่ได้ ต้องหลบเข้ามุม รอคนมารับ

แต่นางรอเนิ่นนาน จนไม่รอชายชุดดำกลับมาหานาง

ท้องฟ้าเริ่มมืด นางหิวมาก จึงคิดจะหาที่หาอะไรกิน คิดไม่ถึงว่า จะถูกพวกองครักษ์ของพ่อเฮงซวย จับเข้าพอดี

ตอนนี้นางรู้สึกเสียใจมาก เสียใจที่คิดจะทิ้งของต่างหน้าไว้ให้เขา แล้วไม่สามารถจากไปพร้อมกับท่านแม่และนางสาวได้ และก็กลัวมาก กลัวว่าตนเองต้องอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว

ห้าปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางแยกจากท่านแม่และน้องสาวโดยสิ้นเชิง ความไม่สบายใจมิอาจบอกใครได้

ขณะเดียวกัน ในใจเกี๊ยวน้อยก็มีความโกรธเล็กน้อย

นางไม่คาดคิดว่า เพื่อจะหนีจากพ่อเฮงซวย ท่านแม่ไม่แม้แต่จะสนใจนาง

ล้วนต้องโทษเขา หากก่อนหน้านี้เขาดีต่อท่านแม่ รักและปกป้องท่านแม่ ท่านแม่จะหนีไปได้อย่างไร

เกี๊ยวน้อยยิ่งคิดยิ่งโกรธ กระทั่งร่ำร้องไห้เสียงดังในอ้อมอกกู้โม่หาน สองมืออ่อนแรงทุบบ่ากู้โม่หาน ระบายความไม่พอใจ

“ล้วนต้องโทษเจ้า โทษเจ้าทั้งหมด…”

กำปั้นของนางโดนบาดแผลของกู้โม่หานโดยไม่ตั้งใจ กู้โม่หานไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว ริมฝีปากซีดสั่นเทา กอดเกี๊ยวน้อยแน่นขึ้น

น้ำเสียงของเขาเบามาก แต่กลับมีคำขอโทษและความรู้สึกผิดมากมาย “โทษข้า โทษข้าทั้งหมด วันนี้คงทำให้เจ้าตกใจแย่กระมัง ตอนนี้พ่ออยู่นี่แล้ว พ่อจะปกป้องเจ้าเอง ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”

ความเศร้าในใจเกี๊ยวน้อย ยังอัดอั้นไม่อาจพูดออกไป

กู้โม่หานดีต่อนาง ความอ่อนโยนและความอดทนที่มีให้นาง กลับทำให้นางรู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้น นางเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง รู้เพียงว่าตอนนี้ตนเอง แยกจากท่านแม่กับน้องสาวโดยสิ้นเชิงแล้ว

นางชอบท่านแม่กับซาลาเปาน้อยที่สุด แต่ต่อไปจะไม่ได้เจอแล้ว

เกี๊ยวน้อยร้องคร่ำครวญเสียงดัง แรงกำปั้นยิ่งหนักขึ้น “ต้องโทษเจ้า โทษเจ้าหมดเลย!”

“มะ เมื่อก่อนทำไมเจ้าไม่ดีต่อท่านแม่ ทำไมต้องรังแกท่านแม่ ทำไมต้องทำให้นางทุกข์ทรมานเช่นนี้ด้วย! ต่อให้ตอนนี้เจ้ารู้สึกเสียใจก็มิทันแล้ว! ตะ ต่อไปข้าจะ ไม่มีท่านแม่ ไม่มีน้องสาวอีกแล้ว ท่าจะชดใช้ข้าอย่างไร ฮื่ออออ…”

ใบหน้าของเกี๊ยวน้อยเปรอะเปื้อนน้ำมูกไหลน้ำตาไหล แต่นางที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน เหนื่อยจนหมดแรง จนกระทั่งฟุบตัวลงนอนในอ้อมแขนของกู้โม่หานอย่างไร้เรี่ยวแรง ร้องไห้หนักมาก

กู้โม่หานอุ้มเกี๊ยวน้อยด้วยสีหน้าซีดเซียว ปวดใจและตำหนิตัวเอง เหมือนมีดที่กรีดหัวใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

คำพูดของเด็กมักจะไม่ได้ตั้งใจแต่เป็นความจริงที่บริสุทธิ์ที่สุด เขายอมรับคำตำหนิของเกี๊ยวน้อย ความสำนึกผิดครอบงำเขาเหมือนมหาสมุทร “ข้าผิดเอง เป็นข้าที่ทำผิด…”

หาก เขาไม่มองหนานหว่านเยียนเป็นศัตรู และไม่ทำร้ายนาง

หาก เขารู้ใจของเขาเร็วกว่านี้ รักนาง ปกป้องนาง ชดเชยให้นางอย่างดี

หาก เขาไม่บังคับจนเร่งรัดนางเช่นนั้น คงจะไม่มีวันนี้ใช่หรือไม่…

แม้แต่ลูกนางก็ไม่ต้องการ ต้องการหนีไป หนีไปจากเขา แค่คิดถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนมีมีดกรีดหัวใจ เจ็บปวดรวดร้าวแทบอยากจะตาย

ภายในห้องทรงพระอักษร เสิ่นอี่ว์กับกู้โม่เฟิงมองท่าทางน่าสงสารสองคนพ่อลูกของกู้โม่หานกับเกี๊ยวน้อย ดวงตาอดแดงก่ำไม่ได้

เสิ่นอี่ว์หันหน้าหนีอย่างทนไม่ได้ กำหมัดแน่น

ทำไมฝ่าบาทต้องประสบกับความทุกข์ยาก ของโลกใบนี้ด้วย

เริ่มแรกหยีเฟยเหนียงเหนียงกลายเป็นครึ่งผีครึ่งคน ต่อมาก็ถูกคนที่ไว้ใจหักหลัง หลอกลวงเรื่อยมา แม้แต่บิดาผู้บังเกิดเกล้า ยังมองว่าตนเป็นหนามยอกอก

และตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะสำเร็จการใหญ่ เขายังนึกว่าฝ่าบาทกับฮองเฮาทั้งครอบครัวสี่คน จะได้มีชีวิตที่ดี มีความสุขได้ แต่ไม่คาดคิดว่า จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น

แม้จะหาองค์หญิงอานผิงเจอแล้ว แต่องค์หญิงอานเล่อกับฮองเฮาเหนียงเหนียง เกรงว่าจะ..

เสียงร้องไห้ของเกี๊ยวน้อยค่อยๆ เบาลง พูดอะไรไม่ออกแล้ว กู้โม่หานอุ้มนางขึ้นมา ไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่นางหายตัวไป ป้อนอาหารให้นางกินนิดหน่อย แล้วอุ้มนางขึ้นเตียงอย่างระมัดระวัง

เวลาประมาณหนึ่งก้านธูป เขาก็กล่อมเกี๊ยวน้อยจนหลับ

เมื่อมองบุตรสาวหลับสนิท กู้โม่หานยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาตรงหัวตาให้เกี๊ยวน้อยอย่างระมัดระวัง หลังห่มผ้านวมให้นางเรียบร้อย ก็กำชับเซียงอวี้กับเซียงเหลียนดูแลให้ดี

จากนั้น กู้โม่หานก็กลับห้องทรงพระอักษร

ภายในห้องทรงพระอักษร เหลือเพียงเสิ่นอี่ว์คนเดียว กู้โม่เฟิงเพิ่งออกไปเมื่อครู่

เขามองกู้โม่หานที่ใบหน้าซีดเซียวมากขึ้น อดขมวดคิ้วไม่ได้ “ฝ่าบาท พระวรกายของพระองค์…”

“ไม่เป็นไร” กู้โม่หานไม่รอให้เขาพูดจบ ก็ส่งเสียงขัดจังหวะ

“ทางค่ายเสินเชื่อ ไม่มีรายงานมาใหม่เลยรึ”

เสิ่นอี่ว์ขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากส่ายหน้า “ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”

กู้โม่หานขยับนิ้วเรียวขาวซีด คราวนี้ เขาสงบนิ่งมาก “หาเกี๊ยวน้อยหลับมาได้ หมายความว่าพวกนางยังไปได้ไม่ไกล หาต่อไป ค้นหาแต่ละครัวเรือน อย่าปล่อยให้ใครที่น่าสงสัยรอดไปได้”

สีหน้าเสิ่นอี่ว์เคร่งขรึม พยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ”

“ออกไปเถอะ”

เสิ่นอี่ว์ประสานมือ กำลังจะหันหลังจากไป ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากข้างหลัง

เสิ่นอี่ว์รีบหันไปมอง ก็เห็นกู้โม่หานกำลังกระอักเลือด ม่านตาหดลงทันที “ฝ่าบาท…”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท