ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 647
เกี๊ยวน้อยจะทนฟังคำพูดหนักๆ เยี่ยงนี้ได้อย่างไร นางยังเด็ก ใบหน้าเล็กตึงอดมิได้ที่จะมุ่ยลงไป
ดวงตานางเต็มไปด้วยน้ำตา แต่กลับดื้อรั้นเอ่ยว่า:“เจ้าสิเป็นเด็กป่าเถื่อน เจ้าสิที่มิมีการศึกษา ท่านแม่สอนข้าด้วยศีลและธรรม ข้าเป็นเด็กดี เจ้าสิเลว!”
หยุนอี่ว์โหรวมองเกี๊ยวน้อยที่คับข้องใจด้วยสายตาที่เย็นชา รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง มิคิดอยากจะยื่นมือเข้าไปแทรกแซงแม้แต่นิด
และเจียงหรูเยว่มีความได้ใจมิเกรงกลัวมากยิ่งขึ้น มิสามารถรังแกหนานหว่านเยียนได้ แต่ได้รังแกเด็กที่เกิดมาจากหนานหว่านเยียนก็ทำให้มีความสุขทั้งกายและใจได้เช่นกัน
“ข้าเลว? องค์หญิงอานผิง ที่หม่อมฉันพูดนั้นเป็นความจริง คนทั้งแผ่นดินต่างก็รู้ว่าฮองเฮาตายไปแล้ว ท่านควรจะช่วยเสด็จพ่อของท่านเลือกฮองเฮามาเป็นเสด็จแม่ของท่าน มิใช่มาโหวกเหวกโวยวายที่นี่ หลอกหลอนให้พวกข้าตกใจ ทำให้โหรวเฟยเหนียงเหนียงตกใจ นางได้ตั้งครรภ์ทายาทมังกรอยู่ หากมีสิ่งใดผิดพลาดไป เสด็จพ่อเจ้าต้องมิปล่อยเจ้าไปง่ายๆ แน่!”
หนานหว่านเยียนโกรธจนแทบจะระเบิด
นางสั่นจนบีบมือตัวเองแน่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอาฆาต เมื่อมองไปที่ลูกสาวนางที่กำลังถูกรังแกและมิมีผู้ใดปกป้อง หัวใจของนางรู้สึกเหมือนถูกสับเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้น
ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะพาเกี๊ยวน้อยไปด้วย หาปล่อยให้อยู่ในวังที่มีทั้งดีและเลวปะปนกันต่อไปเยี่ยงนี้ มิช้าก็เร็วนางได้ถูกสาวๆ ของกู้โม่หานทรมาณจนตายแน่!
เฟิงยางที่อยู่ด้านข้างก็โกรธเช่นเดียวกัน แต่ในขณะที่นางกำลังคิดจะห้ามหนานหว่านเยียนมิให้ทำเรื่องวุ่นวายใหญ่โต นางก็ได้เห็นหนานหว่านเยียนพุ่งไปด้านหน้าพร้อมปกป้องเกี๊ยวน้อยไว้ในอ้อมกอด
สายตาที่หนานหว่านเยียนมองไปที่เจียงหรูเยว่เหมือนใบมีดที่ทิ่มแทง รอบกายเย็นยะเยือกทำให้ผู้คนรอบข้างขนลุก
“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้ เจ้ามีฐานะอันใด ถึงกล้าที่จะมาโหวกเหวกโวยวายอยู่ต่อหน้าองค์หญิงใหญ่!”
“อาวุโสมีลำดับ หากเจ้ามิสามารถแยกแยะสูงต่ำได้นั้น ควรรีบกลับเรือนไปรักษาดวงตาเสียดีกว่า ทางที่ดีก็บริจาคลำคอที่เปล่าประโยชน์ของเจ้าไปเสียด้วยเลย!”
“อ้อไม่สิ ข้าลืมไป คอของเจ้าทางที่ดีคือโยนทิ้งไปเสีย จะได้มิไปพูดร้ายใส่ผู้อื่นอีก ยังไงซะก็มิได้ยินภาษาคนออกมาจากปากของเจ้าอยู่แล้ว ได้ยินแค่เพียงเสียงหมาเห่า!”
“มิมีเรื่องอันใดก็มารังแกเด็ก ช่างเป็นผู้มีแม่เลี้ยงดูอบรมสั่งสอนมาเสียจริง! ข้าจะบอกเจ้าให้ องค์หญิงใหญ่จะมิดีเพียงใดก็ยังเป็นที่รักของไทฮองไทเฮา ไทเฮาและไท่เฟย เจ้าดูว่าองค์หญิงใหญ่ยังเด็กและรังแกนางนั้น หากไทฮองไทเฮารู้เข้า จะต้องเอาชีวิตสุนัขเยี่ยงเจ้าเป็นแน่!”
หนานหว่านเยียนจู่ๆ ก็พุ่งออกมา แถมฝีปากยังร้ายกาจ คำด่าแต่ละคำเต็มไปด้วยความโมโห เหมือนกับหมาป่าตัวเมียที่ปกป้องลูกของมัน อดมิได้ที่จะกัดเจียงหรูเยว่ให้ตาย
ทุกคนล้วนตกตะลึง จ้องมองนางด้วยความงุนงง มิได้รู้สึกตัวกลับมากันเป็นเวลานาน
คนผู้นี่เป็นผู้ใดกัน? ถึงกับกล้ามาด่าลูกสาวของตระกูลเจียงไท่ฟู่?
ใครจะมิรู้ว่าองค์หญิงใหญ่เป็นที่รักของไทฮองไทเฮา แต่ในเวลานี้ข้างกายขององค์หญิงมิมีผู้ใด รังแกองค์หญิงจะเป็นไรไป ใครจะทำอันใดได้?
ไทฮองไทเฮาสามารถฆ่าใครก็ได้ตามต้องการ แต่นางสามารถฆ่าลูกสาวของขุนนางคนสำคัญได้ตามต้องการหรือ?!
นางคนนี้ช่างน่าขำเสียจริง!
หยุนอี่ว์โหรวหลับตาลงครู่หนึ่ง และมองไปที่สาวใช้ที่ธรรมดามิต้องตาที่อยู่ตรงหน้านาง แววตาของนางฉายแววแปลกประหลาด
เกี๊ยวน้อยก็รีบเงยหน้ามองขึ้นไปมองผู้หญิงด้านหลังที่ปกป้องนางอยู่ ความรู้สึกคุ้นเคยอันแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
คนผู้นี้…เหมือนท่านแม่เหลือเกิน
แต่นางก็มิกล้าแน่ใจ ความอบอุ่นและความคับแค้นในใจสุดแสนจะบรรยายออกมาได้ น้ำตาในดวงตานั้นกำลังจะไหลแล้ว
หลังจากที่ท่านแม่จากไป แม้ผู้คนจะมิกล้ามาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันต่อหน้านาง พี่สาวเซียงอี้ว์เซียงเหลียนก็ปกป้องนาง เสด็จพ่อก็ปกป้องนาง แต่ว่า นางก็ยังคงได้ยินคำพูดที่ทิ่มหูมามิน้อย
คำพูดของคนนั้นน่ากลัว ในที่สุดวันนี้นางก็เข้าใจว่าหมายความว่าเยี่ยงไรแล้ว
เจียงหรูเยว่ถูกหนานหว่านเยียนทำให้ตกตะลึงโดยสมบูรณ์ นางมิเคยคิดเลยว่าจะถูกคนด่าดูถูกต่อหน้าผู้คนเยี่ยงนี้ อีกฝ่ายมีแสงของความแข็งแกร่ง ทำให้ส่วนลึกในใจนางยังคงรู้สึกหวาดกลัว
ความรู้สึกเช่นนี้เหมือน…ในตอนนั้นที่หนานหว่านเยียนเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของไทเฮา และได้ด่าดูถูกนาง
แต่เมื่อนางรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว ถึงได้พบว่าผู้คนรอบตัวกำลังแอบหัวเราะเยาะความขี้ขลาดและความตื่นตระหนกของนาง
เจียงหรูเยว่กระทืบเท้าด้วยความโกรธ ใบหน้าแดงก่ำที่เต็มไปด้วยความโกรธชี้ไปที่จมูกของหนานหว่านเยียน เอ่ยอย่างโมโหว่า“แล้วเจ้าเล่ามีฐานะใด กล้าดียังไงมาตะโกนใส่ข้า!”
ในเวลานั้น นางเหลือบไปเห็นผ้าคาดเอวของหนานหว่านเยียน เป็นผ้าคาดเอวของสาวใช้ของจวนแม่ทัพ นางแสดงความรังเกียจในทันที เปลี่ยนความหวาดกลัวในเมื่อครู่ เป็นความก้าวร้าวที่ดุดันมากขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าก็นึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ไหน แต่ก็เป็นเพียงแค่หมาตัวหนึ่งในจวนแม่ทัพ ก็กล้าที่จะมากัดคนในวังหรือ?”
เมื่อนึกว่าเมื่อครู่นางถูกสาวใช้ทำให้ตกใจ นางก็ยิ่งโมโหมากขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความโกรธ“นังผู้หญิงสมควรตาย วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้หลาบจำเอง!”
เอ่ยจบ นางยกมือหวังจะตบหนานหว่านเยียน
ดวงตาของเฟิงยางแข็งทื่อ อาวุธที่ซ่อนอยู่เตรียมพร้อมแล้ว แต่ในขณะนั้นเอง ลมกระโชกแรงก็ได้มาพร้อมแรงอาฆาตที่รุนแรง
ในทันที มืออันทรงพลังที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์มานานก็ได้ปรากฏขึ้นและคว้าข้อมือของเจียงหรูเยว่ไว้ เหวี่ยงเจียงหรูเยว่ที่ร้ายกาจไปในอากาศทันที
เขาปกป้องหนานหว่านเยียนและเกี๊ยวน้อยไว้ด้านหลัง เอ่ยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและเย็นชาออกมา
“ฮ่องเต้อยู่ที่นี่ ใครกล้าจะอวดดี——”