ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 650
ครานี้เกี๊ยวน้อยได้เงยหน้ามองหน้าของกู้โม่หาน พ่อที่แย่หมายความว่าเยี่ยงไร เรื่องนี้เขามิยินยอมหรือ?
หยุนอี่ว์โหรวตกตะลึงอีก ดวงตาแดงก่ำและกัดริมฝีปากของตนไว้
นางปิดท้องของตนไว้ ใช้นิ้วมือออกแรงเล็กน้อย
“ฮ่องเต้…”
หนานหว่านเยียนมองไปที่กู้โม่หานที่กำลังโกรธหยุนอี่ว์โหรวด้วยความประหลาดใจ คิ้วนางเลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัย
ทำไมกู้โม่หานถึงได้ดุร้ายกับหยุนอี่ว์โหรวถึงเพียงนี้?
สาวงามที่รับเข้าวังมาเมื่อวาน นางยังนึกว่า เขาจะทะนุถนอมนางอย่างดีเสียอีก?
ในขณะนั้น ปี้หยุนพูดแก้ตัวให้หยุนอี่ว์โหรวอย่างกล้าหาญ
“ขอฮ่องเต้ทรงตรวจสอบให้ดี! งานเลี้ยงชมดอกไม้ในวันนี้ เป็นคำสั่งของไทฮองไทเฮา โหรวเฟยเหนียงเหนียงเพียงแค่ทำตามคำสั่งที่ไทฮองไทเฮารับสั่งมา มิได้เป็นฝ่ายยินยอมให้ฝ่าบาทเลือกนางสนมด้วยตนเอง อีกทั้งบัดนี้เหนียงเหนียงยังตั้งครรภ์…”
“ปี้หยุน”หยุนอี่ว์โหรวมิได้แสร้งทำเป็นเชื่อฟังตามปกติ นางขัดจังหวะการร้องไห้ของปี้หยุนทันที และสารภาพยอมรับผิดกับกู้โม่หานอย่างอ่อนโยน“เป็นหม่อมฉันที่ทำให้ฮ่องเต้โกรธ เรื่องขององค์หญิงน้อยนั้นต้องโทษที่หม่อมฉันดูแลมิดี หม่อมฉันยอมรับโทษ โปรดฮ่องเต้ออกคำสั่งเถิด”
เอ่ยจบ คิ้วของนางขมวดเล็กน้อย นิ้วมือบีบท้องน้อยไว้แน่น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเซียว ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะร่างกายมิสบาย
แต่นางกลับค่อยๆ เงยหน้ามองกู้โม่หานด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“ช่วงนี้ท้องของหม่อมฉันมักจะเจ็บ เสียมารยาทต่อหน้าฝ่าบาทแล้ว”
แผนการถอยเพื่อรุกของหยุนอี่ว์โหรวนี้ เป็นการแสดงที่ยิ่งแสดงก็ยิ่งดี
หนานหว่านเยียนเฝ้าดูอย่างเยือกเย็น มุมปากยกขึ้นยิ้มเยาะเย้ยเล็กน้อย
นางรู้ว่าการขายความทุกข์ยากและแสร้งทำเป็นอ่อนแอ มิสามารถหลอกเอาความเห็นใจได้อีก ดังนั้นจึงเปลี่ยนเปลี่ยนกลยุทธ์สินะ
อวี๋เฟิงเมื่อมองดูท่าทางที่ดูเหมือนจะสง่างามของหยุนอี่ว์โหรวนั้น กลับรู้สึกเพียงว่าอึดอัดและขยะแขยง
ฮองเฮาเหนียงเหนียงมิอยู่แล้ว หยุนอี่ว์โหรวคงมิได้คิดว่าตนจะมาแทนที่ได้แล้วฮ่องเต้จะมีความรักต่อนางใช่หรือไม่?
เกี๊ยวน้อยได้เกลียดผู้หญิงที่หน้าซื่อใจคดและแปลกประหลาดผู้นี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ทุบกำปั้นเล็กๆ ไปบนไหล่ของกู้โม่หาน ทำหน้ามุ่ยอย่างโกรธจัด ดวงตาสดใสจ้องมองไปที่หยุนอี่ว์โหรว เอ่ยด้วยน้ำเสียงโมโหว่า“เจ้าโกหก!”
“เจ้านี่เลวมากเหลือเกิน! เมื่อครู่ผู้อื่นรังแกข้า เจ้าก็ยืนมองอยู่ด้านข้าง มิได้ทำสิ่งใดทั้งนั้น! เดิมทีเจ้ากับพวกนางก็เป็นสุนัขกลุ่มเดียวกัน!”
เมื่อได้ยินลูกสาวที่คุ้นเคยใช้สำนวนผิดนั้น หนานหว่านเยียนก็ถอนหายใจเบาๆ แต่กลับอดมิได้ที่จะคิดถึง
นางมองไปที่เกี๊ยวน้อยที่โมโห และมองไปที่กู้โม่หาน การแสดงออกของชายผู้นั้นช่างเย็นชาจนเกิดความสงสัย สักครูก็หันไปจ้องมองหยุนอี่ว์โหรว ราวกับว่าต้องการจะมองนางให้ทะลุปรุโปร่ง
“เจ้าเป็นถึงผู้อาวุโส แต่ทำเพียงมองผู้อื่นรังแกองค์หญิงใหญ่? โทษของเจ้าต้องหนักกว่าของผู้อื่น!”
จิตใจของหยุนอี่ว์โหรสตื่นตระหนก แอบเกลียดอยู่ในใจ แต่นางก็ยังคงทำนิ่งเข้าไว้ แสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนและตำหนิตนเอง
“ฮ่องเต้ องค์หญิงใหญ่อานผิง เมื่อครู่เป็นข้าที่มิถูก มิได้ออกหน้าแทนท่าน จะตีหรือจะลงโทษ ข้าก็จะยอมรับฟังท่านและฮ่องเต้”
เมื่อเห็นหยุนอี่ว์โหรวเอ่ยเสียงเบาอย่างจำนน ปี้หยุนมองอย่างรู้สึกกดดัน รีบคุกเข่าลง แก้ตัวให้หยุนอี่ว์โหรวอย่างตัวสั่น
“ฮ่องเต้! เรื่องเมื่อครู่เป็นบ่าวที่ได้เห็นเต็มสองตา มิเกี่ยวข้องอันใดกับโหรวเฟยเหนียงเหนียงเลย!”
“องค์หญิงอานผิงอายุยังน้อย บางทีอาจจะมิเข้าใจ แต่เมื่อครู่เป็นเจียงหรูเยว่นั่นที่พูดจาโอหังดูถูกฮองเฮาเหนียงเหนียง และยังได้พาลว่าโหรวเฟยเหนียงเหนียงไปด้วย”
“เหนียงเหียงได้ท้องอยู่ เดิมทีอารมณ์ก็มิคงที่ ตอนนั้นได้ถูกเจียงหรูเยว่ใจกล้านั่นทำให้ตกใจ ทำให้มิได้รู้สึกตัวไปชั่วขณะ จึงมิได้ออกตัวแทนองค์หญิงน้อย ขอฝ่าบาทอย่าลงโทษเหนียงเหนียงเลยเพคะ!”
หยุนอี่ว์โหรวมิได้พูดจา ทำเพียงแค่ก้มหน้าอย่างเงียบๆ
เกี๊ยวน้อยในตอนนี้รู้สึกมีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ ถูกปี้หยุนกลับคำพูดของนางเยี่ยงนี้ มิรู้ว่าจะด่าสิ่งใดกลับเป็นเวลานาน ทำได้เพียงโกรธจนหน้าแดง“เจ้า เจ้า——”
เมื่อครู่เป็นเจียงหรูเยว่ที่เปิดปากด่าแม่ของนางก่อนจริงๆ แต่นางก็ยังรู้สึกว่า หยุนอี่ว์โหรวนี่ก็จงใจที่จะอยู่ที่นี่เพื่อดูความสนุก เพื่อรอที่จะให้เจียงหรูเยว่ทำให้นางเสียหน้าต่อ
หากมิใช่ หากมิใช่ว่าเมื่อครูพี่สาวที่เหมือนท่านแม่ล่ะก็ นางก็มิรู้ว่าท่านแม่จะถูกเจียงหรูเยว่ด่าเป้นเยี่ยงไรบ้าง!
หนานหว่านเยียนมองไปที่หยุนอี่ว์โหรวและสาวใช้ของนางที่กำลังโต้เถียงกันกับเรื่องที่เกิดขึ้น หากมิใช่ว่านางมิสามารถออกหน้าได้ นางเกลียดที่มิสามารถขึ้นไปเอาเข็มแทงหน้าทั้งสองคนนี้ให้พวกนางเจ็บปวดเจียนตายได้
กู้โม่หานกลับมิเหลือความเมตตา“เจ้ามีโทษเช่นเดียวกับคนอื่น แต่ข้าเห็นแก่ที่เจ้าท้อง จะมิลงโทษเจ้าด้วยการโบย แต่จะให้เจ้าไปคัดลอกพระไตรปิฎกหนึ่งหมื่นครั้ง เพื่อชำระล้างจิตใจเจ้า!”
หยุนอี่ว์โหรวหน้าซีด พระไตรปิฎกเล่มหนึ่งหนาเยี่ยงนั้น คัดหนึ่งครั้งก็ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนแล้ว คัดหนึ่งหมื่นครั้ง เกรงว่านางตายไปแล้วก็ยังคัดพระไตรปิฎกนี่มิหมด!
กู้โม่หานตั้งใจที่จะมิอยากเห็นนางอีกใช่หรือไม่?!
หยุนอี่ว์โหรวยังมิทันเอ่ยสิ่งใด
ทันใดนั้น เฉินกงกงที่รู้ว่ากู้โม่หานอยู่ที่สระบัวก็รีบตามเข้ามา เมื่อมาถึงก็เห็นกู้โม่หานกำลังโกรธหยุนอี่ว์โหรวอยู่ ทันใดนั้นก็เป็นกังวลเหมือนมดในหม้อร้อน“ฮ่องเต้ ฮ่องเต้มิได้นะ——”
เฉินกงกงรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของกู้โม่หานอย่างมิหยุดในทันที โค้งตัวลงไป เอ่ยกับกู้โม่หานด้วยสีหน้าหวาดกลัว“ฮ่องเต้ ฝ่าบาทห้ามระบายความโกรธที่โหรวเฟยเหนียงเหนียงนะพะยะค่ะ”
“คัดพระไตรปิฎกหมื่นจบนี่เกรงว่าจะหนักไป บัดนี้โหรวเฟยเหนียงเหนียงได้ตั้งครรภ์ทายาทมังกร หาเป็นอะไรไปจริงๆ ทางด้านไทฮองไทเฮาก็มิง่ายที่จะอธิบาย ฝ่าบาทในภายภาคหน้า เกรงว่าจะเจอปัญหาที่มากกว่าเดิมหรือไม่?”
เฉินกงกงเป็นขันทีของกู้โม่หานหลังจากที่เขาขึ้นครองราชย์ และเป็นผู้ที่ไทฮองไทเฮาเชื่อใจมาก เสียงของเขาเบามาก มีเพียงกู้โม่หานและเกี๊ยวน้อยที่ได้ยิน
แม้ว่าเกี๊ยวน้อยจะมิรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องอันใดกับเสด็จย่าทวด แต่นางก็ยังได้ยินแล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้พ่อแย่มิสามารถทำสิ่งใดกับคนเลวนั่นได้
นางมุ่ยปากและหันหน้าหนีทันที แต่ยังคงมีความโกรธอยู่
กู้โม่หานจ้องมองไปที่เฉินกงกงอย่างเฉียบคม ความน่าสะพรึงกลัวที่ออกมานั้นทำให้เฉินกงกงตัวสั่น แต่ก็มิกล้าที่จะถอยหลังแม้แต่ครึ่งก้าว
“ฮ่องเต้ บ่าวรู้ว่าฝ่าบาทมิพอใจ องค์หญิงน้อยถูกรังแกทำให้ฝ่าบาทเจ็บใจ แต่วันนี้ท่านได้ระบายความโกรธออกไปครั้งใหญ่แล้ว วันนี้ลูกขุนนางที่เข้าวังมาล้วนต้องได้รับโทษ องค์หญิงน้อยก็พอใจแล้ว อีกทั้งหยุนอี่ว์โหรวก็มิได้ทำผิดอันใด”
“ในเมื่อนางตั้งครรภ์ วันนี้คนเยอะนัก เกิดความชุลมุนขึ้น แน่นอนว่านางต้องปกป้องลูกในท้อง หากฝ่าบาทจะลงโทษหนักเช่นนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา บ่าวกลัวว่าไทฮองไทเฮาจะเป็นลมไป…”
กู้โม่หานหรี่ตาที่เย็นชานั้นลง ช่วงนี้ไทฮองไทเฮาสุขภาพมิค่อยดี เขามิอยากจะทำให้นางโกรธ
“หยุนอี่ว์โหรว วันนี้มีไทฮองไทเฮาปกป้องเจ้า เจ้าก็มิได้ทำเรื่องใหญ่อันใด ข้าจะมิลงโทษเข้าก็ได้ แต่เจ้าต้องจำไว้ หากเจ้ายังกล้าที่จะมีความคิดคดเคี้ยว ข้าจะมิสนใจความเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้น”
“ขอบพระทัยฮ่องเต้ที่เมตตา หม่อมฉันขอลา”ดวงตาของหยุนอี่ว์โหรวฉายประกายความเย็นวาบ นางโค้งคำนับขอบคุณ ปี้หยุนค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก และช่วยพยุงหยุนอี่ว์โหรวออกไป
หนานหว่านเยียนจ้องมองไปที่กู้โม่หาน ในใจยังรู้สึกดูถูกเล็กน้อย
เขายังคงรู้สึกรักหยุนอี่ว์โหรวตามคาด ผู้ชายแย่ๆ ก็ยังคงเป็นผู้ชายแย่ๆ พูดกับนางเสียดีมากมาย แต่ในความเป็นจริงก็ยังคงรับคนได้ก็รับ ยกลงโทษได้ก็ยกลงโทษ
รอให้พวกนางเดินไปไกลแล้ว กู้โม่หานก็มองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าเย็นชาอีกครา“ไสหัวไปให้หมด”
ทุกคนรวมทั้งอวี๋เฟิง ต่างก็รู้ว่าตอนนี้กู้โม่หานนั้นได้โกรธจนขึ้นหน้าแล้ว
พวกเขาค่อยๆ ออกไปอย่างมีระเบียบ ค่อยๆ ออกปีละคน เฉินกงกงกลับมิกล้าไป ได้แต่ก้มหน้าอยู่ด้านข้างกู้โม่หานตามเดิม
ในกลุ่มคน เฟิงยางค่อยๆ ดึงแขนเสื้อของหนานหว่านเยียน เพื่อส่งสัญญาณให้นางออกไป
หนานหว่านเยียนมิคัดค้าน
บัดนี้นางรู้สถานที่ที่เกี๊ยวน้อยอยู่แล้ว ในใจก็ยังคงรู้สึก มิจำเป็นจะต้องอยู่ให้นานกว่านี้ ควรรีบให้หยุนเหิงติดต่อกับไท่เฟยให้ได้ และพาเด็กออกนอกวังทันที
นางหันหลังกลับ เตรียมที่จะเดินออกไปพร้อมกับเฟิงยาง
แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเย็นชาที่คุ้นเคยจากด้านหลัง“หยุดซะ ข้ามิได้ให้เจ้าไป——”