ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 675
นัยน์ตาประกายแวววาวของหนานหว่านเยียนหรี่ลง นางรู้อยู่แล้วว่ากู้โม่หานจักต้องด่าทอ ดังนั้นระหว่างทางมานางจึงคิดแผนรับมือดีๆ ไว้แล้ว
นางเอ่ยตอบอย่างวางตัวดี “การใช้ชีวิตอยู่ดีกินดีในวัง ข้าจักบังอาจดูแคลนได้อย่างไร เพียงแค่เพราะชุดมีคุณค่าสูงเกินไป ข้าจึงไม่กล้าสวมใส่มั่วซั่วก็เท่านั้น เพราะกลัวว่าจะทำให้ชุดงามในวังด่างพร้อย”
“ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้ข้าเองก็ต้องกลับจวนแม่ทัพแล้ว หากสวมใส่เสื้อผ้าเหล่านี้กลับไป คงไม่สะดวกมากนัก”
เกี๊ยวน้อยเห็นหนานหว่านเยียนกำลังลำบาก ก็รีบแก้ไขสถานการณ์ทันที “เสด็จพ่อ ท่านไม่ได้บอกว่าพี่ไป๋จื่อมาอยู่เป็นเพื่อนข้าหรือ ข้าไม่สนใจว่าพี่สาวจะใส่อะไร ท่านไม่ต้องทำให้นางลำบากใจดอก”
กู้โม่หานชำเลืองมองหนานหว่านเยียนแวบหนึ่ง แล้วเก็บซ่อนความหมายแฝงที่ชวนให้ขบคิดเหล่านั้นไว้ “เห็นแก่หน้าอานผิง ข้าจักไม่ลงโทษเจ้า เซียงอวี้ จัดที่นั่งให้นาง”
เซียงอวี้กัดฟันแน่น แต่ก็ทำตามรับสั่งของกู้โม่หาน ย้ายเก้าอี้มาให้หนานหว่านเยียน
หนานหว่านเยียนหันไปพยักหน้าให้นาง “ขอบใจ”
เซียงอวี้ชะงักงัน นางเห็นเงาของฮองเฮาเหนียงเหนียงจากตัวคนตรงหน้านี้
มีเพียงนายท่านอย่างหนานหว่านเยียนเท่านั้น จึงจะปฏิบัติกับพวกนางที่เป็นข้ารับใช้อย่างอ่อนโยน และเสมอภาค
แต่นางก็ได้สติกลับมาทันที นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จึงกลับไปรออยู่ด้านข้าง
กู้โม่หานเห็นหนานหว่านเยียนนั่งลงแล้ว จึงเอ่ยอย่างสบายๆ : “อาหารในวัง ไม่รู้ว่าจะถูกปากเจ้าหรือไม่”
นิ้วเรียวยาวของเขาเคาะโต๊ะ อย่างเป็นจังหวะ
หนานหว่านเยียนมองอาหารที่อยู่ตรงหน้า ภายในใจรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ของพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เมื่อก่อนนางชอบกินทั้งนั้น กู้โม่หานยังจำได้อยู่หรือ?
แต่ตอนนี้เขาให้คนทำสิ่งนี้ เพื่อทดสอบหรือ?
แต่เพลานี้ต่างจากเมื่อก่อน ตอนนี้อาการแพ้ท้องของนางลดลงไม่น้อยเลย และความอยากอาหารของนางก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
“ข้าไม่เลือกกิน อะไรก็กินได้ทั้งนั้น เพียงแต่ข้าค่อนข้างกินเก่ง เกรงว่าอีกประเดี๋ยว จักทำให้ฝ่าบาทตกใจ
กู้โม่หานมองหนานหว่านเยียนอย่างไม่ถือสา “สตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน จักกินเก่งได้ถึงเพียงใด เจ้ากินเถิด”
เกี๊ยวน้อยเข้าไปใกล้หนานหว่านเยียน แล้วเอ่ยอย่างเบิกบานใจ “ใช่แล้ว พี่ไป๋จื่อไม่ต้องกังวล ข้าเองก็กินเก่งเช่นกัน! ท่านแม่เคยบอกว่า กินเก่งถือว่ามีความสุข!”
พอพูดเช่นนี้ออกมา เซียงอวี้กับอวี๋เฟิงก็หัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
กู้โม่หานลูบศีรษะเจ้าหนูน้อยเบาๆ อย่างอ่อนโยน ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกทะนุถนอม
หนานหว่านเยียนเองก็ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้แสดงความรู้สึกของตัวเองออกมามากนัก
บรรยากาศในตำหนักบรรทม ผ่อนคลายลงไม่น้อย
หนานหว่านเยียนเองก็ไม่มัวเก้อเขิน หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วเริ่มกินทันที
กินโจ๊กไปชามหนึ่งก็ยังไม่พอ นางยังตักเพิ่มอีกชาม กินซ้อดอกบัว (ซ้อ คือ กรอบ ใช้กับอาหารหรือของกิน ) จานเล็กๆ ไปจนหมด และยังกินอาหารว่างที่งดงามประณีตอีก
เพียงแต่อาหารดิบและเย็นบนโต๊ะ นางไม่กล้าแตะ เพราะพวกนั้นไม่ดีต่อสตรีมีครรภ์
ความกินเก่งของหนานหว่านเยียน ทำให้ทุกคนตกตะลึงจริงๆ
เกี๊ยวน้อยอ้าปากค้าง กะพริบตามองนางปริบปริบ ค่อนข้างรู้สึกทึ่ง
ท่านแม่สามารถกินได้เยอะเช่นนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? นี่กินได้เยอะกว่านางกับซาลาเปาน้อยสองคนรวมกันเสียอีก!
อวี๋เฟิวกับเซียงอวี้เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ที่แท้ไป๋จื่อผู้นี้บอกว่าตัวเองกินเก่ง ไม่ใช่เพียงพูดไปเท่านั้นจริงๆ
เพียงแค่นางสวมเสื้อผ้าหลวมๆ ก็มองไม่ออกแล้วว่ารูปร่างของนางเป็นอย่างไรกันแน่
กู้โม่หานเห็นหนานหว่านเยียนกินเยอะถึงเพียงนี้ และไม่ใช่การแสร้งฝืนทำออกมา แต่คือหิวจริงๆ สีหน้าก็เคร่งขรึมเล็กน้อย นัยน์ตาที่สวยงามแคบยาวคู่นั้นเองก็หลุบลงข้างล่าง
หนานหว่านเยียนเห็นสีหน้าท่าทางของเขาพอดี ความพออกพอใจในใจนางก็ผ่านไปในชั่วพริบตา และกินอย่างตามอำเภอใจยิ่งขึ้น บนใบหน้างดงามมีความยังไม่หายอยากเล็กน้อย
เมื่อก่อนตอนที่นางอยู่กับกู้โม่หาน เขารู้ว่านางกินไม่เยอะ แม้ตอนนี้จะต้องการทดสอบหรือให้นางเป็นตัวแทน ก็คงจะยอมแพ้แล้วละสิ?!
รอบนี้ นางชนะกลับมาแล้ว
ปรากฏการพินิจพิจารณาในแววตาลับลมคมในของกู้โม่หาน แต่กลับไม่มีอารมณ์ผิดปกติพิเศษอะไร “ข้ามีเรื่อง อยากจะถามความคิดเห็นของแม่นางไป๋จื่อสักหน่อย”
ตะเกียบของหนานหว่านเยียนหยุดชะงัก แล้วจงใจเอ่ยอย่างประหม่า “ฝ่าบาทพูดล้อเล่นเสียแล้ว ท่านเป็นถึงกษัตริย์ของแคว้น จักมีปัญหาอะไร ที่ต้องการให้ข้าช่วยท่านเสนอความคิดเห็นกัน?”
เซียงอวี้กับอวี๋เฟิงเองก็ไม่เข้าใจ จึงเงี่ยหูตั้งใจฟัง
กู้โม่หานบีบแก้มเกี๊ยวน้อยอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลาขาวผ่องดึงดูดคนยิ่งนัก “อีกไม่กี่วัน ก็จะเป็นวันเกิดของอานผิงแล้ว คิดๆ ดูแล้วแม่นางไป๋จื่อเป็นสตรี จักต้องละเอียดกว่าข้า และเข้าใจความชอบของหญิงยังไม่แต่งงานยิ่งกว่าเป็นแน่”
“ไม่รู้ว่าสำหรับงานเลี้ยงวันเกิดของอานผิง แม่นางไป๋จื่อมีความเห็นดีๆ บ้างหรือไม่?”
ได้ยินเช่นนั้น ภายในใจของเกี๊ยวน้อยกับหนานหว่านเยียนก็เต้นตึกตักพร้อมกัน
เกี๊ยวน้อยมองหนานหว่านเยียนอย่างเป็นห่วงเล็กน้อย มือน้อยถูกันไปมาอย่างกระวนกระวาย
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย และบิดนิ้วมือไปมาโดยอัตโนมัติ “งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของราชวงศ์ น่าจะไม่ธรรมดา น่าเสียดายยิ่งนัก ตามวิสัยทัศน์ของข้า เกรงว่าคงยากที่จะให้คำตอบที่พอใจกับฝ่าบาทได้”
วันเกิดของหนูน้อยทั้งสอง นางจำได้เสมอ หากไม่ใช่ว่าเกิดเหตุสุดวิสัย พวกนางในตอนนี้ก็คงจะอยู่ที่แคว้นซีเหย่ มีความสุขกับความรักของทุกคนแล้ว
และวันเกิดของหนูน้อยทั้งสอง นางจักต้องจัดให้พวกนางอยู่แล้ว ไม่ต้องการความฟุ่มเฟือย แต่ต้องการความอบอุ่น หวนกลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน
ไม่เหมือนเพลานี้ ที่แม้แต่ครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาก็ยากอย่างยิ่ง
กู้โม่หานได้ยินเช่นนั้น ก็ปรากฏแสงดำมืดในแววตา แต่น้ำเสียงกลับมีความเสียดายและเหงาหงอยเล็กน้อย “ช่างน่าเสียดายจริงๆ หากฮองเฮายังอยู่ คงจะจัดงานฉลองวันเกิดที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ให้กับอานผิงอานเล่อเป็นแน่”
“นางรักหนูน้อยทั้งสองอย่างสุดซึ้งที่สุดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และรักห่วงใยข้าทุกอย่าง นึกถึงสมัยนั้นตอนที่ข้ายังเป็นอี้อ๋อง ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิด นางทำให้ข้าแปลกใจและดีใจอย่างยิ่ง”
“ไม่เพียงแค่วัดตัวตัดเสื้อให้ข้าเองเท่านั้น แต่ยังทำอาหารดีๆ ให้อีก เพียงเพื่อใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับข้าในยามราตรีหวานชื่น……”