ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 682
มีความหมายจากคำพูดนี้ หยุนเหิงจ้องมองนัยน์ตาอันดำสนิทเชือดเฉือนของกู้โม่หานคู่นั้น พลันเกิดความรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ในใจอย่างอธิบายไม่ถูก
ทำไมเขาถึงเกิดความรู้สึกอธิบายไม่ถูกออกมา หรือฮ่องเต้มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว?!
หนานหว่านเยียนเองมีความรู้สึกเช่นนี้ด้วย แต่นางเข้าใจกู้โม่หาน เขาไม่ใช่คนที่ชอบสะเออะ
ตอนแรกงานแต่งงานของเขาถูกคนควบคุม พร้อมทั้งยังรังเกียจวิธีประเภทนี้ที่สุดแล้ว เขาบีบให้หยุนเหิงแต่งงานกับสตรีนางอื่นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย นอกจากต้องการให้นางหลุดพ้นจากคนสนิทของหยุนเหิง นางคิดหาเหตุผลอื่นไม่ออกจริงๆ
ท้ายที่สุด ดูเหมือนว่าเขาไม่มีท่าทางจำนางได้ ไม่จำเป็นต้องทำให้ขุนนางคนหนึ่งต้องลำบากใจด้วย
หนานหว่านเยียนโกรธเคืองเล็กน้อย อย่างไม่รู้ตัว “ศพนางยังไม่ทันแห้ง” เลย กู้โม่หานเริ่มนึกถึงสตรีอื่นเรียบร้อยแล้ว
แถมยังจะแย่งภรรยาของขุนนางอย่างไม่ลังเล หน้าด้านจริงๆ
แต่เดิมทีนางขอให้หยุนเหิงช่วย เวลานี้ไม่มีทางให้หยุนเหิงถูกลงโทษอย่างไร้เหตุผล เพียงเพราะนาง
นางกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินมาว่าฝ่าบาทชื่นชอบคนมากความสามารถ รักประชาชน รักขุนนางราวกับบุตร แม่ทัพน้อยอายุยังน้อย ไม่รู้ควบคุมอารมณ์ตนเอง และข้ากับเขารักกัน เมื่อได้ยินฝ่าบาทจะพระราชทานการแต่งงานให้ ไม่ใช่ว่าไม่เต็มใจ เพียงแสดงท่าทางตกตะลึงที่ได้รับความเมตตาจนเกิดเหตุจึงเลอะเลือนไปชั่วขณะ ฝ่าบาทอย่าตำหนิเขาเลยเพคะ”
หยุนเหิงชำเลืองมองหนานหว่านเยียนแวบหนึ่ง แววตาของหนานหว่านเยียนไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ส่วนกู้โม่หานคอยจับจ้องแต่นาง เหมือนอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย เขาสบตาหยุนเหิงด้วยแววตาเย็นชา
“ข้าว่าเจ้ายังสู้สตรีที่รู้เรื่องคนหนึ่งไม่ได้เลย ขนาดไป๋จื่อยังรู้แจ้งถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน แต่เจ้ากลับไม่ยกย่องสรรเสริญ”
หยุนเหิงเอ่ยปากด้วยความอึดอัด “กระหม่อมขอรับการสั่งสอนของฝ่าบาท”
กู้โม่หานไม่ได้สนใจเขา ทว่ากลับจ้องมองหนานหว่านเยียนด้วยความหมายลึกซึ้งแทน แววตาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หนานหว่านเยียนยากจะเข้าใจ “เจ้าพูดแก่งเช่นนี้ มิน่าเล่าอานผิงถึงได้ชื่นชอบเจ้าถึงเพียงนี้”
“ในเมื่อเจ้าเอ่ยปากขอร้องแล้ว ข้าก็ไม่ใช่คนไม่มีเมตตา เจ้าเข้าวังไปเล่นกับอานผิงสักระยะ ข้าจะยกโทษให้แก่พวกเจ้า หากแม่ทัพน้อยไม่ชื่นชอบพระทานแต่งงานของข้า ข้าก็จะยกเลิกคำสั่ง และไม่เข้าไปแทรกแซงอีกต่อไป”
เมื่อได้ยินดังนั้น หนานหว่านเยียนตกตะลึง หัวคิ้วอันงดงามขมวดเข้าหากันแน่น
ทำไมนางถึงเกิดความรู้สึก กู้โม่หานบีบให้นางเข้าวัง จึงต้องพูดเรื่องประทานการแต่งงานให้หยุนเหิง?
ควบคุมจิตใจคนได้มากจริงๆ รู้ว่านางต้องคอยช่วยขอร้องหยุนเหิงแน่ๆ
ทว่าหยุนเหิงกังวลถึงความปลอดภัยหลังหนานหว่านเยียนเข้าวังไปแล้ว “แต่ฝ่าบาท ไป๋จื่อนาง…”
“แม่ทัพน้อย” หนานหว่านเยียนสบตาส่งสัญญาณให้หยุนเหิง พลางยิ้มเพื่อเป็นการปลอบใจแก่เขา “ข้ารู้ ท่านคิดแทนข้า”
“แต่การที่ข้าเข้าวังก็เพื่อไปเล่นเป็นเพื่อนกับองค์หญิงอานผิงสักระยะเท่านั้นเอง และเชื่อว่า ฝ่าบาทจะปล่อยข้าออกจากวังในเร็ววัน”
วันนี้พาเด็กน้อยสองคนไปด้วยไม่ได้แน่ ในเมื่อเช่นนี้แล้ว นางจึงเบนเข็มคิดหาหนทางอื่น
หยุนเหิงทำหน้าไม่เห็นด้วย “ไป๋จื่อ แบบนี้เจ้า…”
หนานหว่านเยียนส่ายหน้ากับเขา พลางใช้แววตาเชือดเฉือนมองไปทางกู้โม่หาน
เวลานี้สิทธิ์ในการเลือกไม่ได้อยู่ในมือนาง
ท้ายที่สุด ที่นี่คือแคว้นซีเหย่ เป็นดินแดนของกู้โม่หาน
เขาคิดให้พวกเขาทำอันใด ทางที่ดีที่สุดพวกเขาก็ต้องปฏิบัติตามเช่นนั้น
หากตอนแรกนางกลับไปที่แคว้นต้าเซี่ย บางทีสามารถไปใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่ถูกข้อจำกัด และจะไม่มีวันเกิดสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเฉกเช่นนี้ แต่ชั่วชีวิตนี้จะไม่ได้เห็นเจ้าเกี๊ยวน้อยอีกต่อไป
นางกับซาลาเปาน้อยไม่สามารถทิ้งเจ้าเกี๊ยวน้อยได้ ฉะนั้นตอนแรกจึงเลือกอยู่ต่อ และเตรียมตัวเตรียมใจในวันที่ต้องเผชิญหน้ากับกู้โม่หานไว้เรียบร้อยแล้ว นางจึงไม่กระโตกกระตากสักนิด
เพราะว่า ตอนที่นางแกล้งตายเพื่อหนีออกจากวังนั้น โชคชะตาของนางก็เปลี่ยนไปทุกอย่างแล้ว นางมีความมั่นใจในตัวเองเพียงพอ ไม่ว่าสถานะจะถูกเปิดเผย นางก็สามารถแย่งชิงสาวน้อยสองคนมาจากมือของเขา
ท้ายที่สุด ไพ่ใบสุดท้ายของนาง เขาแทบคิดไม่ออกว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำ
กู้โม่หานชำเลืองมองท่าทางของนาง คิ้วงามโก่งขึ้นเล็กน้อย ราวกับดวงตาดำขลับอันลึกซึ้งซ่อนความยินดีเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม
“เช่นนี้แล้ว ก็กลับวังกันเถอะ” เขาแทบไม่ให้เวลาหนานหว่านเยียนต่อต้านสักนิด พลันเดินออกจากศาลา พร้อมทั้งพูดกับเสิ่นอี่ว์ด้วยดวงตาสุขุม “ไปรับอานผิง”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” เสิ่นอี่ว์รับคำสั่งพลันไปจัดการทันที
กู้โม่หานชำเลืองมองหนานหว่านเยียนแวบหนึ่ง พลางเร่งฝีเท้าให้เดินออกจากศาลาอย่างรวดเร็ว
หนานหว่านเยียนย่ำเท้าเดินตามหลังไป
หยุนเหิงยืนจ้องมองพวกเขาจากไปในจุดเดิม ดวงตาเศร้าสร้อย แต่กลับไม่กล้าจะกล่าวพูดสักคำ
องครักษ์ลับของกู้โม่หานอยู่ที่นี่ทั้งหมด นั่นหมายความว่ารอบๆ จวนของเขามีแต่สายตาของกู้โม่หาน เขาไม่สามารถแสดงออกอย่างเปิดเผยเกินไป
เมื่อมาถึงหน้าประตู หนานหว่านเยียนค้นพบว่ากู้โม่หานกำลังเอามือไพล่หลังไร้การเคลื่อนไหวอยู่นานตรงทางด้านหน้ารถม้า ใบหน้าด้านข้างอันงดงามชวนให้คนหลงใหลถูกดูดวิญญาณจนขาดใจตาย
นางเกียจคร้านที่จะเสแสร้ง สีหน้าไร้ความยินดีสักนิด “ฝ่าบาท ขออนุญาตให้หม่อมฉันพาสาวรับใช้คนสนิทของตนเองเข้าวังด้วย เพื่อจะได้สะดวกสักหน่อย”
กู้โม่หานไม่สนใจสีหน้าของนาง พลางกล่าวพูดอย่าง “อนุญาต ขึ้นรถม้าเถอะ”
หนานหว่านเยียนขึ้นรถตามกู้โม่หาน
พริบตาเดียว เฟิงยางที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยมาพร้อมกับเกี๊ยวน้อย ถูกเสิ่นอี่ว์พาออกมา
เจ้าเกี๊ยวน้อยขึ้นรถม้าทันที พลันนั่งขนาบข้างกู้โม่หานอย่างเงียบเชียบ พลางคอยมองหนานหว่านเยียนอยู่ตลอดเวลา
เมื่อครู่ตอนที่เดินมา เสิ่นอี่ว์บอกกล่าวเรื่องโดยประมาณให้นางฟังแล้ว
โชคดีที่พี่เฟิงยางกลับไปทันเวลาพอดี และยังมีบ่าวรับใช้อีกหลายคนพานางไปยังสระบัว จึงไม่ค้นพบความลับ
แม้ว่าการจากลากับน้องสาวนางไม่เต็มใจมากก็ตาม แต่เวลานี้ท่านแม่โดนท่านพ่อเฮงซวยพาเข้าวัง นางจึงต้องกลับตาม ไม่งั้นเรื่องราวลุกลามใหญ่โตแน่ กลัวว่าโอกาสต่อรองของพวกนางแทบไม่มีเลย ในวังหลวง อย่างน้อยเสด็จย่ายังช่วยท่านแม่ได้
นางไม่เข้าใจจริงๆ ท่านพ่อเฮงซวยก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ สุดท้ายแล้วคิดทำอะไรกันแน่…
ยังมีคนหนึ่งกำลังคิดปัญหานี้เช่นเดียวกัน คนนั้นก็คือเฟิงยาง ชึ่งตามพวกเขาอยู่ด้านข้างรถม้า นัยน์ตาเย็นเฉียบคู่นั้นของนางไร้ความรู้สึก ก่อนหน้าจะจากจวนแม่ทัพน้อย นางใช้มือส่งสัญญาณกับองครักษ์ลับในมุมมืด เพื่อส่งข่าวออกไป
ปรากฏว่ากู้โม่หานต้องการใช้ไม้แข็งกับจวิ้นจู่ ในเมื่อเช่นนี้แล้ว แคว้นต้าเซี่ยก็ไม่ใช่แคว้นอ่อนแอที่ถูกรังแกได้ง่ายอีกต่อไป
จวิ้นจู่แอบลักลอบหนีไม่พ้น เช่นนั้นก็ให้คนที่อยู่ในแคว้นต้าเซี่ย ออกมาต้อนรับขับสู้จวิ้นจู่ กลับวังหลังด้วยตนเอง – –