ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 686
เมื่อก่อนนางข่มโทสะไว้ไม่ยุ่งกับหยุนอี่ว์โหรว เพราะกลัวว่ากู้โม่หานจะตามตอแยนางไม่เลิกหลังจากรู้ความจริง
แต่ตอนนี้นาง “ตาย” ไปแล้ว จะต้องข่มอะไรอีก…
หนานหว่านเยียนพาลูกจากไป ในขณะที่หยุนอี่ว์โหรวมีปี้หยุนคอยประคองให้ลุกขึ้น เวลานี้ใบหน้าที่สวยงามเหยเกอย่างถึงที่สุด
ฝ่ามือที่กำแน่นคอยเตือนให้นางนึกถึงความอัปยศอดสูที่เพิ่งประสบมาอยู่ตลอดเวลา
ปี้หยุนยิ่งด่าหนักกว่าเดิม “ถุย! ก็แค่หญิงชั่วคนเดียว หยาบคายกับเหนียงเหนียงเพียงเพราะความหลงใหลชั่วครู่ชั่วยาม!”
“ในความเห็นของบ่าว ไป๋จื่อผู้นี้ควรถูกกำจัดโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้นางครองอำนาจต่อไป!”
หยุนอี่ว์โหรวจะไม่เคยคิดอยากฆ่าได้อย่างไร สองตาของนางกระหายเลือดแดงฉาน แต่ก็ยังคงครองสติอยู่ “ปล่อยนางไว้ไม่ได้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ และข้าทำเองคนเดียวไม่ได้ด้วย”
ปี้หยุนขมวดคิ้วด้วยความสับสน “บ่าวไม่เข้าใจ เหตุใดเหนียงเหนียงถึงพูดเช่นนี้?”
หยุนอี่ว์โหรวมองจิกใส่ปี้หยุนอย่างผิดหวัง “ขอโทษที่ข้าเคยบอกว่าเจ้ามีพัฒนาการ สุดท้ายก็ยังไม่ชอบใช้สมองอยู่ดี”
“ตอนนี้นางเป็นคนโปรดคนใหม่ของฮ่องเต้ ไทเฮาย่อมจับตาดูเป็นธรรมดา เมื่อครู่ข้ามีความขัดแย้งกับไป๋จื่อ บางทีอาจถูกจับตามองแล้ว”
“หากอยู่ดีๆ ไป๋จื่อตาย ใครจะน่าสงสัยที่สุด มองปราดเดียวก็รู้ เมื่อถึงเวลานั้นฮ่องเต้จะโกรธแค้นข้า แล้วข้าจะยังเป็นที่โปรดปรานได้ยังไง?”
ปี้หยุนประหนึ่งได้ตรัสรู้ “เช่นนี้นี่เอง บ่าวสมองทึบ ไม่มีความคิดรอบคอบเหมือนเหนียงเหนียง”
“แต่ว่า พวกข้าจะนั่งงอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ คอยดูไป๋จื่อวางอำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าพวกข้างั้นหรือ?”
หยุนอี่ว์โหรวหัวเราะเยาะและพูดว่า “ตอนนี้ฮ่องเต้แค่เอาไป๋จื่อมาเป็นตัวแทนฮองเฮาเท่านั้น หุ่นเชิดที่เป็นตัวแทนจะอยู่ได้นานได้ยังไง?”
“เมื่อฮ่องเต้เบื่อ เขาก็ย่อมทิ้งไป๋จื่อเหมือนรองเท้าเก่าอยู่แล้ว เมื่อถึงตอนนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องลงมือเองด้วยซ้ำ”
ไป๋จื่อนั่น แม้ว่าจะดูคล้ายกับหนานหว่านเยียนมากจริงๆ แต่ก็ไม่สามารถเป็นหนานหว่านเยียนได้แน่นอน
การระเบิดในพิธีใหญ่นั้นเป็นกระแสที่รุนแรงมาก หนานหว่านเยียนก็ไม่ใช่แขนเหล็กหัวทองแดง จะยังรอดชีวิตมาได้อย่างไร!
ปี้หยุนพยักหน้าหงึกๆ กล่าวเสริมอย่างสอพลอ “คำพูดของเหนียงเหนียงมีเหตุผล เฮ้อ บ่าวไม่เข้าใจ ไป๋จื่อผู้นี้เป็นภรรยาของแม่ทัพน้อย ฮ่องเต้คิดจะพานางเข้าไปปรนเปรอกันในวังได้ยังไง”
คำพูดของปี้หยุนได้เตือนหยุนอี่ว์โหรว นางหลับตาลง ความโหดเหี้ยมส่องประกายในดวงตา
“ตอนนี้ฮ่องเต้กำลังแย่งชิงคู่หมั้นของขุนนางอย่างเปิดเผย ไม่ทราบว่าเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่คร่ำครึอนุรักษนิยมเหล่านั้นจะเห็นด้วยหรือไม่ วังหลัง…ฮ่าๆ นางอยู่ได้ไม่นานหรอก”
คอยดูเถอะ นางล้มลุกคลุกคลานมาตลอดทาง แล้วยังยืนหยัดมาจนถึงตอนนี้ ไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถเข้าไปในหัวใจของกู้โม่หาน สู้ตัวแทนคนเดียวยังไม่ได้ …
ในอีกด้านหนึ่ง หนานหว่านเยียนกับเกี๊ยวน้อยมาถึงตำหนักอู๋ขู่แล้ว แต่ไม่พบอะไรเลย
หน้าประตูตำหนัก สาวใช้ในวังอธิบายอย่างลำบากใจ
“องค์หญิงอานผิงไม่ได้มาโดยบังเอิญ เช้าตรู่วันนี้ เท่เฟยเหนียงเหนียงออกนอกวังไปไหว้พระกับไทเฮา เกรงว่าอาจจะต้องค้างคืนก่อนกลับวัง”
ตอนนี้หนานหว่านเยียนกลายเป็น “คนนอก” แล้ว เรื่องแบบนี้นางไม่สะดวกตอบเอง ทำได้เพียงขยิบตาให้เกี๊ยวน้อย
เกี๊ยวน้อยเข้าใจในทันที ใบหน้าน้อยนุ่มนวลเต็มไปด้วยรอยยิ้มหวาน “ขอบคุณพี่สาว งั้นข้าค่อยมาหาเสด็จย่าทวดใหม่ในภายหลัง!”
หนานหว่านเยียนพยักหน้าทักทายสาวใช้ แล้วหันหลังเดินตามเกี๊ยวน้อยกลับไปตามทางเดิม
อวี๋เฟิงและเฟิงยางเดินตามหลัง อวี๋เฟิงเงยหน้าขึ้นมองพิจารณาหนานหว่านเยียนเป็นครั้งคราว แม้จะไม่รู้ว่าองค์หญิงอานผิงมาตามหาหยีเฟยทำไม แต่เขาก็จดจำไว้ในใจอย่างเงียบๆ
เกี๊ยวน้อยส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่ข้างกายหนานหว่านเยียน พูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะตลอดทางด้วยความตื่นเต้นดีใจ
แต่ในขณะนี้ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลังฝูงชน…
“แม่นางไป๋จื่อ ช้าก่อน”
หนานหว่านเยียนชะงักงัน ก่อนจะหันกลับมา สบกับแววตายิ้มแย้มของหลี่หมัวมัวพอดี
นางรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ยังข่มความคิดไว้ แสร้งทำเป็นถามอย่างงุนงง “ไม่ทราบว่าท่านคือ?”
เกี๊ยวน้อยและคนอื่นๆ ก็หันกลับมาพร้อมกัน พอเห็นหลี่หมัวมัว อวี๋เฟิงและเกี๊ยวน้อยก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด มีเพียงเฟิงยางที่ยังคงหน้าซีด
หลี่หมัวมัวมองขึ้นลงพิจารณาหนานหว่านเยียน แล้วเดินเข้าไปใกล้ ถึงสังเกตเห็นว่าแม้ผู้หญิงคนนี้จะหน้าตาไม่ดีนัก ดูธรรมดา แต่กิริยาท่าทางและอุปนิสัยกลับน่ายกย่อง ดูไม่น่ารำคาญ
นางโค้งตัวให้หนานหว่านเยียนอย่างนุ่มนวล “บ่าวคือหลี่หมัวมัวที่อยู่ข้างกายไทเฮา ไทเฮามีคำเชิญ หวังว่าแม่นางจะตามไปกับบ่าว”
เสด็จย่าตามหาตัวนางหรือ?
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วบางๆ “ไม่ทราบว่าไทเฮาต้องการตามหาหม่อมฉันทำไมหรือ?”
เกี๊ยวน้อยก็กังวลเช่นกัน พลางพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว หลี่หมัวมัวเสด็จย่าทวดมีเรื่องอะไรหรือ?”
“ข้าก็ไม่ได้เจอนางหลายวันแล้ว ข้าตามท่านไปด้วยดีไหม?”
หลี่หมัวมัวกล่าวกับเกี๊ยวน้อยอย่างเอ็นดู “ไทเฮามีธุระต้องการพบแม่นางไป๋จื่อผู้นี้ หากองค์หญิงอานผิงคิดถึงไทเฮา วันหลังค่อยไปหาดีกว่านะเจ้าคะ”
จากนั้น นางมองไปที่อวี๋เฟิง “องครักษ์อวี๋เฟิง กรุณาส่งองค์หญิงใหญ่กลับตำหนักหยูซินด้วย”
แม้อวี๋เฟิงยังสงสัยจุดประสงค์ที่ไทเฮาเรียกไป๋จื่อเข้าเฝ้า แต่ในเมื่อหลี่หมัวมัวเอ่ยปากแล้ว เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ ทำได้เพียงมองไปที่เกี๊ยวน้อย “องค์หญิงใหญ่อานผิง กลับไปกับข้าน้อยเถอะ”
เกี๊ยวน้อยทำแก้มป่อง มองไปที่หนานหว่านเยียนอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อเห็นหนานหว่านเยียนขยิบตาให้นางบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง จึงต้องก้มหน้าลงอย่างกลัดกลุ้ม “ก็ได้”
จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้น แล้วพูดเสียงใสไพเราะ “พี่ไป๋จื่อ วันหลังอย่าลืมมาเล่นกับข้าอีกนะ!”
หนานหว่านเยียนรู้สึกเพียงว่าหัวใจกำลังจะละลายแล้ว พลางยิ้มบางๆ “เพคะ”
เกี๊ยวน้อยคอยหันกลับมามองอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ยังถูกอวี๋เฟิงพาเดินออกไปไกล หลี่หมัวมัวทำสัญลักษณ์มือ “เชิญ” ให้หนานหว่านเยียนและเฟิงยาง “ทางนี้เจ้าค่ะ แม่นางไป๋จื่อ”
หนานหว่านเยียนพยักหน้า “ต้องรบกวนหมัวมัวแล้ว”
ผ่านไปสองเดือน ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเสด็จย่าเป็นอย่างไรบ้าง
ระหว่างทาง หลี่หมัวมัวลองถามหยั่งเชิงหนานหว่านเยียน ไม่ต่างจากที่กู้โม่หานถามนางในวันนั้นมากนัก
หนานหว่านเยียนตอบอย่างคล่องแคล่ว คำพูดและการกระทำก็ให้เกียรติและสุภาพเช่นกัน ทำให้หลี่หมัวมัวให้เกียรตินางขึ้นมาก
ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงประตูตำหนักหลวนเฟิ่ง
หลี่หมัวมัวยิ้มให้หนานหว่านเยียนเล็กน้อย “แม่นาง เรียนเชิญ”
หนานหว่านเยียนก็ไม่ถือเคร่งในประเพณี พาเฟิงยางเข้าไปในตำหนักใหญ่อย่างใจกว้าง
ภายในตำหนักหลวนเฟิ่ง ไทเฮากำลังเอกเขนกหลับตาพักผ่อนอยู่บนเตียงของกุ้ยเฟย เมื่อได้ยินความเคลื่อนไหวที่ประตูตำหนัก นางจึงเชยตามองอย่างมีนัยยะ กวาดสายตามองคนที่เข้ามาอย่างเย็นชา
ไป๋จื่อที่เดินนำอยู่ข้างหน้ามีหน้าตาธรรมดา แม้รูปลักษณ์จะดูธรรมดา แต่เสื้อผ้าของนางก็เรียบง่ายสะอาดสดชื่น ดูเป็นคนรักความสะอาด
หนานหว่านเยียนถวายพระพรไทเฮาด้วยความเคารพ “หม่อมฉันไป๋จื่อ ถวายพระพรไทเฮา”
นางชำเลืองมองไทเฮาอย่างระมัดระวัง จึงพบว่าจอนผมของหญิงชราหงอกขาวมากแล้ว สภาพจิตใจก็ไม่มีกำลังวังชาเหมือนก่อน ตรงกันข้าม…กลับค่อนข้างซีดเซียว