ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 702 หว่านเยียน ข้าทราบว่าเป็นเจ้า

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 702

หลังจากหวางหมัวมัวออกจากตำหนักหย่างซินไปแล้ว บรรยากาศภายในตำหนักยังคงเช่นเดิมหาได้อบอุ่นขึ้นไม่

ยามนี้ทั้งหยุนเหิงและเสิ่นอี่ว์รู้สึกกังวลกระวนกระวายใจตื่นเต้นอยู่บ้างเล็กน้อย คนหนึ่งกลัวว่าหนานหว่านเยียนจะเกิดเรื่อง อีกคนหนึ่งนั้นเกรงว่า พระสหายของฮองเฮาเหนียงเหนียงจะได้รับความคับแค้นใจอย่างไร้เหตุผล

ส่วนหลิวซ่างซูและคนอื่นๆ แอบลอบสบตากัน ปรึกษาหารือกันว่าอีกสักครู่จะขับไล่ไป๋จื่อออกจากวังไปอย่างไร

เพียงครู่เดียว หนานหว่านเยียนและเฟิงยางก็ถูกหวางหมัวมัวนำมาถึงตำหนักหย่างซินแล้ว

ความจริงหนานหว่านเยียนคาดการณ์แต่แรกแล้วว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เพียงแต่ตอนที่นางเห็นหวางหมัวมัวนั้น นางยังคงรู้สึกตระหนกตกใจวูบ

ถึงอย่างไรนางก็คิดมิถึงเช่นกันว่า ไท่เฟยจะกลับวังมาแล้ว นอกจากนี้ยังบังเอิญจับพลัดจับผลูเข้ามาสอดแทรกในเรื่องนี้แล้ว

สะกดข่มความคิดภายในใจทั้งหมดไว้ หนานหว่านเยียนเงยหน้าขึ้นมองสถานการณ์บริเวณโดยรอบตำหนักหย่างซินเที่ยวหนึ่ง คนคุ้นหน้าคุ้นตาจำนวนมิน้อยล้วนอยู่ในที่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยุนเหิง ยามที่สบตากับนางนั้น ในดวงตาก็ยังตำหนิตัวเองที่อับจนปัญญามิสามารถทำอะไร

นางเดินเข้าใกล้บรรดาขุนนาง แสดงการคารวะต่อกู้โม่หานและไท่เฟยด้วยความเคารพนอบน้อมอย่างยิ่ง “ข้าขอน้อมพบฮ่องเต้ และน้อมพบไท่เฟยเหนียงเหนียง”

กู้โม่หานมองดูหนานหว่านเยียนคราหนึ่ง ดวงตาสีดำเข้มได้ขยับเล็กน้อยครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายยังคงเย็นชาเรียบเฉยอยู่

ไท่เฟยพิจารณามองดูไป๋จื่อตรงหน้าจากบนลงล่างโดยละเอียด แม้ว่าหน้าตาจะดูธรรมดาทั่วไป แต่กลับกอปรด้วยศักยภาพสภาวะพลังอย่างยิ่ง มิผยองลำพองและไม่ลดตัวถ่อมตน จิตใจกว้างขวางหนักแน่นสงบนิ่ง

ไท่เฟยเอ่ยปากพูดขึ้นก่อน น้ำเสียงยังค่อนข้างราบเรียบสงบนิ่ง “เจ้าถูกฮ่องเต้รับตัวเข้าวังมาจนถึงบัดนี้ อยู่เป็นเพื่อนอานผิงช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว ก็ถือว่ารบกวนทำให้เจ้าลำบากแล้วเช่นกัน”

“ข้าทราบว่าอานผิงชื่นชอบเจ้า รั้งตัวเจ้าเอาไว้ก็เป็นความเห็นแก่ตัวเช่นกัน ทำให้เกิดการเข้าใจผิดเช่นนี้ขึ้นมารอบหนึ่ง ยังหวังว่าแม่นางไป๋จื่อโปรดอย่าได้ถือสา”

คิ้วงามของหนานหว่านเยียนขมวดขึ้นเล็กน้อย

เห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่งว่า คำพูดเช่นนี้ของไท่เฟยกำลังพิสูจน์ยืนยันต่อทุกคน กู้โม่หานมิเคยได้บังคับแข็งขืนนางกระทำเรื่องราวเกี้ยวพาราสีอันใดมาก่อน ให้นางรุดเข้าพระราชวังมา ก็เพียงแค่ต้องการให้นางเป็นเพื่อนเกี๊ยวน้อยเท่านั้นเช่นกัน

นางคล้อยตามหัวข้อคำพูดของไท่เฟย ยิ้มแย้มอย่างนิ่มนวลอ่อนโยนพูดว่า “ขอบพระทัยอย่างยิ่งในความเมตตาของไท่เฟยเหนียงเหนียง ข้าสามารถได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากองค์หญิงอานผิง ถือเป็นเกียรติของผู้น้อย ย่อมมิรู้สึกว่าเป็นความลำบาก ยิ่งมิได้รู้สึกถือสาแต่อย่างไรเพคะ”

“นอกจากนี้ องค์หญิงอานผิงทรงน่ารักเชื่อฟังอย่างยิ่ง ข้าก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งเช่นกันที่ได้อยู่ด้วยกันกับนางเพคะ”

คำพูดจบลง หลิวซ่างซูและคนอื่นๆ กลับแสดงออกอย่างเย้ยหยันอยู่บ้างเล็กน้อย

แม้ว่าไท่เฟยกำลังพยายามหาทางออกให้ไป๋จื๋ออย่างเต็มที่ แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในฉีหยุนซวนเมื่อวานนี้ พวกเขาทั้งหมดต่างล้วนได้ยินรับทราบแล้ว

ยึดถือตามต้นสายปลายเหตุแล้ว ยังคงเป็นไป๋จื๋อผู้นี้ขาดความระมัดระวังรอบคอบเอง มีความนึกคิดอันมิบังควรต่อองค์ฮ่องเต้แล้ว

หยุนเหิงแอบลอบถอนหายใจโล่งอกในใจคำหนึ่งอย่างเงียบๆ

ยังดีอยู่ ท่าทีของไท่เฟยที่มีต่อฮองเฮาเหนียงเหนียงนั้นยังถือว่าประเสริฐอยู่ สิ่งต่างๆ สมควรยังอยู่ในขอบเขตที่สามารถควบคุมได้

สายตาของหยุนอี่ว์โหรวค่อนข้างเย็นชา นางเชิดปากไปทางหนานหว่านเยียน เผยให้เห็นรอยยิ้มอันเย้ยหยันประชดประชันขึ้นวูบ

นิ้วมือเรียวยาวของกู้โม่หานลูบไล้ปลายแหวน กลับหาได้มีความตั้งใจเอ่ยปากกล่าววาจาไม่

ไท่เฟยเห็นการแสดงออกของหนานหว่านเยียน ที่มิผยองลำพองและไม่ลดตัวถ่อมตนแล้ว นางก็รู้สึกว่าแม่นางผู้นี้อุปนิสัยค่อนข้างดีมิเลวอยู่เช่นกัน

นางยิ้มน้อยๆ คราหนึ่ง จงใจพูดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า “ในระยะหลายวันมานี้อานผิงหยุดร้องไห้งอแงแล้ว อารมณ์ก็ดีขึ้นมิน้อยแล้วเช่นกัน แม่นางไป๋จื๋อเจ้ามีผลงานความชอบอันใหญ่หลวง วันนี้เจ้าก็สามารถออกจากวังพร้อมกับแม่ทัพน้อยหยุนแล้ว”

ต่อให้แม่นางผู้อื่นหาได้มีเจตนาเช่นนั้นไม่ก็ตาม แต่เกรงว่าหากมิส่งไป๋จื่อออกไปอีกละก็ ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เกรงว่าขุนนางใหญ่เหล่านั้นจะดึงดันกัดมิยอมปล่อย นอกจากนี้ดูจากท่าทีการแสดงออกของกู้โม่หานในตอนนี้แล้ว เกรงว่าจิตใจก็หวั่นไหวขึ้นมาแล้วจริงๆ

การจากไปคือทางเลือกดีที่สุด

หลิวซ่างซูกับหยุนเหิงและคนอื่นๆ ได้ยินไท่เฟยกล่าวเช่นนี้ ต่างล้วนรู้สึกว่าช่างเหมาะสมอย่างยิ่ง

ปี้หยุนที่อยู่ข้างกายหยุนอี่ว์โหรวยิ่งยกยิ้มขึ้นตรงมุมปาก รู้สึกภาคภูมิใจมีความสุขต่อชัยชนะอย่างยิ่ง เบิกบานสำราญใจยิ่งนัก

สมควรแล้ว! ผู้ใดให้คนสารเลวผู้นี้หยิ่งผยองมากถึงเพียงนี้ ก็สมควรไสหัวออกไปแล้ว และก็มิสามารถเข้าวังอีกต่อไปเช่นกัน!

เฟิงยางสีหน้าเฉยชาก้มหน้าก้มตายืนอยู่ข้างกายหนานหว่านเยียน หาได้มีการแสดงออกอันใดไม่

หนานหว่านเยียนมิคัดค้านเช่นกัน การจัดการเล่นงานหยุนอี่ว์โหรวก็มิจำเป็นต้องอยู่ในวังเช่นกัน อยู่นอกวังให้หยุนเหิงไปพิสูจน์ยืนยันก็ใช้ได้แล้ว ขณะนางกำลังจะพูดตอบรับขึ้นนั่นเอง ทุกคนกลับได้ยินน้ำเสียงเย็นเยียบระลอกหนึ่ง ดังก้องกังวานขึ้นตลอดทั่วทั้งตำหนักหย่างซิน

“หว่านเยียน นางมิสามารถจากไป”

หว่านเยียนเรอะ?

องค์ฮ่องเต้กลับเรียกขานนางว่าหว่านเยียน?!

นี่คือชื่อเดิมของฮองเฮาเหนียงเหนียงเชียวนะ!

พลันทุกคนตื่นตระหนกตกใจอย่างใหญ่หลวง มิมีผู้ใดไม่เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในใจแล้ว

หลิวซ่างซูถึงกับพูดโพล่งขึ้นว่า “ฮ่องเต้ พระองค์ พระองค์ทรงจำคนผิดแล้ว?!”

องค์ฮ่องเต้ก็ยังเป็นถึงลักษณะเช่นนี้แล้ว หากมิส่งไป๋จื่อผู้นี้ออกไปจากพระราชวังละก็ จะเป็นเภทภัยมิสิ้นสุดเลยทีเดียว!

หนานหว่านเยียนถึงกับจ้องมองกู้โม่หานด้วยความตื่นตระหนกตกใจ ดวงตาเต็มเปี่ยมด้วยความประหลาดใจตะลึงงันวูบ

ไฉนพลันกู้โม่หานจึงเรียกขานชื่อนางขึ้นมาทันใด พระองค์ทรงล่วงรู้ตัวตนของนางอยู่แต่แรกแล้ว หรือว่ากำลังจงใจทดสอบดูกันแน่?

เฟิงยางกำหมัดแน่นด้วยความประหลาดใจ หยุนอี่ว์โหรวมองดูกู้โม่หานอย่างเหลือเชื่อแล้วคราหนึ่ง

องค์ฮ่องเต้กำลังพูดในสิ่งใด ไป๋จื่อสตรีต่ำต้อยสารเลวผู้นี้ หน้าตาทั้งขี้ริ้วขี้เหร่การพูดจาก็หยาบคาย ไฉนจึงกลายเป็นหนานหว่านเยียนไปได้เล่า?!

ในใจนางเกิดความรู้สึกมิสงบขึ้นมาวูบ พลันรู้สึกนั่งไม่ติดอยู่บ้างแล้วในทันใด กลับไม่ลืมพูดเตือนพระองค์ขึ้นว่า “ฮ่องเต้ พระองค์กำลังตรัสสิ่งใดกันเล่า? ผู้นี้คือแม่นางไป๋จื่อนะเพคะ”

กู้โม่หานมิสนใจแม้แต่จะมองหยุนอี่ว์โหรวด้วยซ้ำ เขาลุกขึ้นยืนตัวตรง รูปร่างอันสูงใหญ่นั้นมุ่งไปเบื้องหน้าหนานหว่านเยียนทีละก้าวทีละก้าว น้ำเสียงแข็งกร้าวคุกคามคนเล็กน้อย และมีความผูกพันรักใคร่ลึกซึ้งอย่างคลุมเครืออยู่บ้าง

“หว่านเยียน ตอนนี้ไม่มีจำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไปแล้ว มิว่าเจ้าเปลี่ยนแปลงกลายเป็นลักษณะใด ข้าก็ยังสามารถจดจำเจ้าได้อยู่ดีนั่นเอง”

เขาจ้องมองดวงตาที่เหลือเชื่อของหนานหว่านเยียน สายตาเขาคมกริบเป็นพิเศษ ยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าเย็นชาของนาง

“หน้ากากผิวหนังบนใบหน้าเจ้าทำได้สมจริงอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรก็หาใช่ใบหน้ามนุษย์ไม่ ถอดออกเสียเถอะ ให้พวกเขาได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่า เจ้า——คือใครกันแน่!”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท