ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 707
ครั้งนี้ต่อให้เขาต้องบาดเจ็บไปตลอดทั้งตัว ก็จะไม่ปล่อยมือเช่นกัน
“กู้โม่หาน ท่านช่างร้ายกาจนัก” อยู่ในท่วงท่านี้หนานหว่านเยียนมิสามารถดิ้นรนออกได้ ได้ฟังคำประกาศที่อหังการถืออำนาจบาตรใหญ่เอาแต่ใจตัวเองของเขาแล้ว นางกัดริมฝีปากข่มเพลิงโทสะเอาไว้ ใบหน้างดงามบูดบึ้งเต็มเปี่ยมด้วยความโกรธเคือง
“ท่านจดจำข้าออกแล้วตั้งแต่เมื่อไร?”
ทักษะการปลอมตัวของเฟิงยางหาใช่กังฟูแมวสามขาอันอ่อนด้อยแต่อย่างไรไม่ มิมีผู้ใดสามารถเห็นพิรุธได้ ไฉนจึงถูกเขาสังเกตออกแล้ว เพราะเหตุใดเขาถึงสามารถสังเกตออก และพบเห็นพิรุธสังเกตออกแล้วตั้งแต่เมื่อไร เขาเย้าหยอกนางเล่นเป็นระยะเวลานานแค่ไหนแล้ว?
กู้โม่หานกอดนางไว้แนบแน่น กลิ่นหอมอันอบอุ่นละมุนละไม ทำให้เขารู้สึกลุ่มหลงอย่างลึกซึ้ง เขาอดมิได้ที่จะซุกศีรษะลงไปยังต้นคอของนาง ข้อนิ้วมือกระจ่างตวัดกอดเอวของนางไว้ พลังแข็งแรงอย่างยิ่งจนไม่สามารถควบคุมอยู่บ้าง
เขาออกแรงหายใจเข้าแรงๆ เพื่อสูดกลิ่นหอมจากร่างกายนาง
ลักษณะเช่นนี้ช่างประเสริฐจริงๆ
อารมณ์ของเขาก็คล้ายดั่งถูกทำให้สงบลงมาเช่นกัน เสียงแหบพร่าหยาบกร้านอย่างยิ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มของนาง “เห็นหน้าเจ้าเป็นครั้งแรกก็รู้สึกว่าเป็นเจ้าแล้ว ลีลาท่าทางและการเคลื่อนไหวของเจ้า ตลอดจนสายตาของเจ้า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสาเหตุที่เปิดเผยตัวตนของเจ้า”
“แม้ว่าตอนนั้นเจ้าจะสวมใบหน้าของ ‘ไป๋จื่อ’ เอาไว้ ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอดีตแม้แต่น้อยนิด แต่ข้าก็สามารถรู้สึกว่าเป็นเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ งานเลี้ยงภายในวัง ช่วงเวลาตอนที่เจ้าต้องการไปช่วยหลินเอ๋อร์นั่นเอง ข้าก็แน่ใจแล้วว่า เจ้าได้กลับมาแล้วจริงๆ”
และก็กล่าวได้เช่นกันว่า ตั้งแต่เริ่มต้นที่นางเข้าวังมาเป็นคืนแรก เขาก็สามารถจดจำนางออกแล้ว?!
จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่เขาจะส่งนางกลับจวนแม่ทัพน้อยหยุนด้วยตนเอง
และก็ไม่น่าแปลกใจเช่นกัน ที่ดูเหมือนว่าเขาจะทราบทุกอย่างจนทะลุปรุโปร่งแล้วก็ปาน ห้ามมิให้นางจากเขาไปแม้แต่ครึ่งก้าว และก็ไม่กินสิ่งของใดๆ ที่นางยื่นมอบให้เขา ตลอดจนจงใจสร้างปัญหาแก่หยุนเหิง ก็เพื่อที่จะบีบบังคับให้นางเข้าวังนั่นเอง
ที่แท้หาใช่เนื่องเพราะเขาเห็นนางเป็นตัวแทนไม่ แต่เป็นเพราะ——เขาทราบอยู่แต่แรกแล้วว่าเป็นนาง!
เพียงแต่มิได้กล่าวเปิดโปงเท่านั้น
หนานหว่านเยียนไม่สามารถอดกลั้นอีกต่อไปกำหมัดของนางขึ้น นางใช้ข้อศอกกระทุ้งโจมตีใส่เขาอย่างดุดัน เขาจึงปล่อยนางออกโดยสัญชาตญาณ นางสะบัดมือขึ้นได้ก็ตบใส่เขาหนึ่งฝ่ามือ นางถลึงตาใส่เขา ภายในดวงตาสวยงามเป็นประกายสดใสวาววับระยิบระยับด้วยเพลิงโทสะ
“กู้โม่หาน ท่านรู้อยู่แต่แรกเนิ่นนานแล้วว่าข้าเป็นใคร เช่นนั้นตลอดหลายวันมานี้ ท่านกำลังล้อเล่นข้าอย่างสนุกนักใช่หรือไม่?!”
“เฝ้ามองดูทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสายตาหมดสิ้น แต่กลับไม่พูดอะไรเลย จวบจนกระทั่งเรื่องราวบานปลายใหญ่โตแล้ว พวกข้าล้วนมิสามารถหาทางออกแล้ว ท่านจึงได้พูดจาเปิดโปงข้า ท่านต้องการจะทำสิ่งใด? ท่านต้องการจะบีบบังคับต้อนข้าไปถึงไหนกัน?”
นางบันดาลโทสะโกรธเคืองแล้วจริงๆ โกรธเคืองที่ตัวเองคิดว่าทุกสิ่งดำเนินการด้วยความรัดกุมอย่างยิ่งแล้ว กลับถูกกู้โม่หานเห็นพิรุธออกตั้งแต่แรกแล้ว
โกรธเคืองเริ่มแรกเดิมทีสามารถพาพวกเด็กๆ จากไปจนไกล กลับต้องมาตกอยู่ในกำมือของกู้โม่หานอีกครั้งหนึ่ง
โกรธเคืองที่สถานการณ์ในเวลานี้ ทำให้นางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนนั่งอยู่บนหลังเสือ
นางโกรธเคืองเขาที่วิธีการโหดร้ายจนเกินเลยไปแล้ว อีกทั้งโกรธเคืองตนเองมากยิ่งกว่าที่โง่เขลา มิได้มองเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่งแต่เนิ่นๆ อีกหน่อย
กู้โม่หานถูกนางทุบตีจนหน้าหันไปด้านข้าง เขามองเข้าไปในดวงตาที่สวยงามของนาง ดวงตาสีแดงก่ำเล็กน้อย เต็มเปี่ยมด้วยการเตรียมพร้อมระแวดระวังและความโกรธเคือง
หัวใจของเขาจมดิ่งลงวูบ
“เจ้าคือคนที่ฝังแน่นเป็นหนึ่งภายในหัวใจของข้า นิสัยเคยชินและความชื่นชอบทั้งหมดของเจ้านั้น เหมือนจารึกอยู่ภายในห้วงคำนึงของข้า ไฉนข้าจึงค้นหาไม่พบเจ้าและจงใจไม่พูดจาเปิดโปง และมิใช่ว่าข้าต้องการปิดบังเจ้าเช่นกันหรอกนะ……เป็นเพราะว่าข้ายังคิดไม่ออกว่า สมควรจะเผชิญหน้ากับเจ้าเช่นใด”
พูดอย่างถูกต้องแน่นอน ก็คือความหวาดกลัวนั่นเอง
กลัวว่าโฉมหน้าของความสงบสันติสุขจะถูกทำลายพินาศลง
ก็เหมือนกับลักษณะในเวลาเช่นนี้
ภายในดวงตาของกู้โม่หานฉายแววความเจ็บปวดหดหู่ขึ้นวูบ ทว่าอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าอันหล่อเหลาคมคายก็ปรากฏรอยยิ้มที่สูญเสียแล้วได้กลับคืนมาขึ้นวูบอีกครั้ง
“หว่านเยียน เจ้าอย่าได้จากไปอีกแล้ว มีปัญหาอันใดพวกข้าล้วนสามารถพูดคุยตกลงกันดีๆ ได้ ขอเพียงเป็นสิ่งที่เจ้ามิชื่นชอบ ข้าล้วนสามารถแก้ไขได้นะ”
นางมิทราบหรอกว่า ช่วงเวลาชั่วขณะที่ได้พบนางอีกครั้งนั้น เขารู้สึกยินดีมากมายเพียงใด
รู้สึกยินดีจนแทบคลุ้มคลั่งแล้วก็ปาน
หนานหว่านเยียนได้ฟังเสียงทุ้มต่ำของกู้โม่หานแล้ว เพลิงโทสะกลับกระพือโหมลุกโชนมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาไหนเลยเคยคิดสำนึกเสียใจและแก้ไข ภายในดวงตาซ่อนเร้นความเร่าร้อนอันคลุ้มคลั่งอยู่ ยังคิดว่านางมิสามารถดูออกจริงๆ หรือ?
เขาเสแสร้งเก่งกาจเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้แกล้งทำเป็นมิชอบนางแม้แต่น้อยนิด จวบจนเขาได้รับการสถาปนาแต่งตั้งเป็นฮ่องเต้ ก็บอกว่ารักนางอย่างลึกซึ้งอีก
ยามนี้นางกลับวัง เขาก็เสแสร้งทำเป็นเหมือนมิรู้จักกันโดยสิ้นเชิง ความจริงเขาดูออกว่าเป็นนางแต่แรกเนิ่นนานแล้ว
ผู้ใดจะทราบอีกว่า ความรักอันลึกซึ้งของเขาในเวลานี้ใช่การเสแสร้งแกล้งทำออกมาอีกหรือไม่ล่ะ?
กล่าวถึงที่สุดแล้ว——ความเป็นเจ้าของและสามารถควบคุมนั้น ทำให้ผู้คนหลงใหลได้ปลื้มรู้สึกถึงความรักได้อย่างง่ายดาย มีความแตกต่างของแก่นแท้โดยธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
“กู้โม่หาน ข้าเคยพูดแต่แรกแล้วว่า ต่อให้ข้าตาย ก็จะไม่ขอรั้งอยู่เคียงข้างท่านอย่างเด็ดขาด”
“ในเมื่อเรื่องราวถูกเปิดเผยแล้ว ข้าก็จะไม่เสแสร้งต่อท่านแล้วเช่นกัน ครั้งนี้ข้ากลับมา ท่านก็สมควรสามารถคาดเดาวัตถุประสงค์ของข้าออกแล้วเช่นกัน ข้าต้องการมาพาเกี๊ยวน้อยจากไป หากท่านต้องการอยู่ด้วยกันอย่างสันติจากกันด้วยดีกับข้าจริงๆ ก็ส่งเสริมสนับสนุนพวกข้าบุตรสาวสองแม่ลูกให้สมปรารถนาเถอะ……”