ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 718
พี่เซียงอวี้ที่อยู่ข้างๆ อดหัวเราะไม่ได้
ความลำเอียงขององค์หญิงชัดเจนเกินไป ฮองเฮาเหนียงเหนียงกินเนื้อสัตว์ได้ แต่ฮ่องเต้กินได้แค่ผักใบเขียวเล็กๆ หรือ?
แต่กู้โม่หานก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิด แต่กลับดูมีความสุขมาก เขาคีบอาหารที่เกี๊ยวน้อยชอบกินมากมายใส่ลงในชามของนาง เอ่ยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอบอุ่น “แม้ว่าอาหารที่แม่เจ้าทำจะอร่อยเลิศรสมากที่สุดในโลก แต่ก็ต้องค่อยๆ กิน ระวังจะสำลัก”
พูดจบเขาก็คีบผักในชามเข้าปาก แล้วเคี้ยวอย่างละเอียด ให้รสชาติติดตราตรึงใจ
ในทางปฏิบัตินั้นประจบองค์หญิง ในทางภาษาก็กล่าวชมเชยฝีมือการทำอาหารของเหนียงเหนียง
เซียงอวี้อดก้มหน้าลงไม่ได้ แอบหัวเราะกับตัวเอง
ฮ่องเต้เปิดหูเปิดตาแล้ว รีบง้อเหนียงเหนียงหน่อยเถอะ ครอบครัวจะได้อยู่เป็นสุข
เกี๊ยวน้อยพยักหน้าอย่างพึงพอใจ กินอย่างเอร็ดอร่ย หนานหว่านเยียนกินข้าว พลางมองไปที่สองพ่อลูกอย่างเงียบๆ ในใจรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร
ความจริงนางรู้สึกได้ว่า ท่าทีของเกี๊ยวน้อยที่มีต่อกู้โม่หานนั้นเปลี่ยนไปมาก
เห็นได้ชัดว่าสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม เริ่มแบ่งปันอาหารกับกู้โม่หานแล้ว
กู้โม่หานมองเห็นกุ้งตัวใหญ่บนโต๊ะจึงคีบมันมา นิ้วขาวเรียวเย็นเยียบของเขาค่อยๆ แกะเปลือกกุ้งอย่างระมัดระวัง
ท่าทางที่เขาก้มหน้าลงอย่างจริงจังดูน่าดึงดูดมาก ไม่สนใจว่ามือของเขาจะเปรอะเปื้อนหรือไม่
รีบแกะเปลือกกุ้งออกให้หมด กู้โม่หานใส่กุ้งครึ่งหนึ่งลงในจานสะอาดข้างมือของเกี๊ยวน้อย จากนั้นให้อีกครึ่งที่เหลือแก่หนานหว่านเยียน
เขามีรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ สีหน้าเต็มไปด้วยความเอ็นดู “ข้าจำได้ว่าเจ้าชอบกินอันนี้”
หนานหว่านเยียนมองไปที่เนื้อกุ้งสีขาวผุดผ่องตรงหน้า พลางขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ
กู้โม่หานไม่ใช่คนที่ชอบดูแลคนอื่น เมื่อก่อนเขายังแกะกุ้งช้า ไม่ถนัดเลย แต่ตอนนี้กลับชำนาญมาก…
พี่เซียงเหลียนเห็นเช่นนั้นก็ตกใจเหมือนกัน ในใจรู้สึกแปลกๆ ชอบกล
ต้องรู้ว่า ที่ผ่านมาล้วนเป็นผู้หญิงที่ชอบประจบสอพลอสามีของตัวเอง เรื่องแกะกุ้งนี้ ฮ่องเต้เป็นถึงราชา คงไม่จำเป็นต้องแกะกุ้งให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงกินด้วยตัวเองหรอกมั้ง?
แบบนี้มันเป็นการตามใจฮองเฮาเหนียงเหนียงและองค์หญิงมากเกินไป!
กู้โม่หานเห็นว่าหนานหว่านเยียนไม่เคลื่อนไหวใดๆ จึงใส่ลงในชามของนางโดยตรง “เดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน เนื้อกุ้งเวลาเย็นแล้วจะมีกลิ่นคาวแรงมาก”
เขาจ้องมองนาง ดวงตาดุจหงส์หรี่ลงเหมือนมีความคาดหวัง ใบหน้าอ่อนโยน มีคำเยินยออย่างชัดเจน
หนานหว่านเยียนไม่จำเป็นต้องให้กู้โม่หานมาเยินยอ และไม่อยากกินกุ้งที่เขาแกะด้วย
นางใส่เนื้อกุ้งลงในชามของเกี๊ยวน้อย “เจ้ายังเติบโตอยู่ กินกุ้งเยอะๆ ดีต่อสุขภาพนะ”
เกี๊ยวน้อยที่ก้มหน้ากินข้าวกลางวันชะงักงัน รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
มีเสด็จพ่อคอยป้อน ท่านแม่อยู่ข้างๆ อาหารมื้อนี้ นางกินอย่างเอร็ดอร่อยเป็นพิเศษ! ถ้าซาลาเปาน้อยอยู่ก็คงจะดีกว่านี้!
“ขอบคุณท่านแม่! ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!” นางพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ยังคงก้มหน้ากินข้าวต่อไป
มือของกู้โม่หานที่ถือชามแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง ริมฝีปากบางเม้มเบาๆ เมฆครึ้มค่อยๆ รวมตัวกันในดวงตาลุ่มลึก
เมื่อก่อนหยุนเหิงแกะกุ้งให้นาง นางก็ยอมรับอย่างง่ายดาย พอเปลี่ยนเป็นเขาในตอนนี้ นางไม่แม้แต่จะหันมามองด้วยซ้ำ…
“ช่วงนี้เจ้าไม่ชอบกินกุ้งหรือ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” หนานหว่านเยียนหันหน้าไปหากู้โม่หาน ในที่สุดก็เอ่ยปากพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเย็นชา” ฮ่องเต้ไม่จำเป็นต้องทำเอง เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ข้าจัดการเองได้”
“เวลากินก็กินของตัวเองดีกว่า มื้อนี้ทุกคนจะได้กินอย่างเต็มที่”
คำพูดสื่อความหมายสองนัยของหนานหว่านเยียนทำให้บรรยากาศภายในตำหนักเย็นลงทันใด
เซียงอวี้และเซียงเหลียนชำเลืองมองกันและกัน รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อ พากันก้มหน้าลง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ดวงตาของกู้โม่หานมืดมนลง ถ้านางเห็นคุณค่าในตัวตนของเขาจริงๆ คิดว่าเขาเป็นฮ่องเต้ คงไม่กล้าควบคุมและกักขังเขา คำพูดนี้หมายถึงการปิดกั้นเขาอย่างชัดเจน
เขายิ้มบางๆ เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาจากปาก
“เจ้าพูดแบบนี้เหมือนเห็นข้าเป็นคนอื่น ทุกสิ่งที่ข้าทำให้เจ้าล้วนสมเหตุสมผล ถ้าเจ้าไม่อยากกิน ข้าก็ไม่ทำ เอาไว้คราวหน้าเจ้าอยากกิน ข้าค่อยแกะให้เจ้าใหม่”
หนานหว่านเยียนยังคงไม่เคลื่อนไหว เคี้ยวช้าๆ เหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่กู้โม่หานพูด
รูม่านตาของกู้โม่หานหรี่ลง ดวงตาที่ลุ่มลึกและมืดมิดของเขาก็ยิ่งเย็นยะเยือกลง
เขาอยากให้นางทะเลาะเสียงดังกับเขามากกว่า ชอบเห็นบาดหมางกับเขา
“ตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว ครอบครัวของเราก็กลับมารวมกันอีกครั้ง อีกไม่กี่วันจะเชิญเสด็จแม่และเสด็จย่ามาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน”
“ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา อานผิงก็อ้างว้างมากเช่นกัน นางมักจะบ่นเสมอว่าอยากกินอาหารดีๆ และเรียนหนังสือกับท่านแม่และน้องสาว เจ้าคิดว่า จะรับอานเล่อกลับวังตอนไหนเหมาะสมกว่ากัน…”