ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 719
แม้ว่าจะรู้ว่าตอนนี้ซาลาเปาน้อยอยู่ที่ไหน แต่ความสัมพันธ์ของเขากับหนานหว่านเยียนก็ยังไม่คลี่คลายลง จนถึงจุดที่กำลังจะแตกร้าวแล้ว
เขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม กลัวว่าหากเขาสัมผัสต่อมโมโหของหนานหว่านเยียน นางจะคิดหาทุกวิถีทางเพื่อไปจากเขา
แต่เขาปรารถนาให้ลูกสาวอีกคนกลับวังจริงๆ เขาไม่ได้เห็นซาลาเปาน้อยมานานแล้ว
เกี๊ยวน้อยตกตะลึง เงยหน้าขึ้นมองกู้โม่หานด้วยความสงสัย ในปากยัดอาหารไว้เต็มปากเหมือนหนูแฮมสเตอร์ตัวน้อย
นางไม่ได้พูดอย่างนั้น มากที่สุดก็คิดถึงแม่และน้องสาว!
ส่วนหนานหว่านเยียนเมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าที่ไม่แยแสแต่เดิมก็เย็นชาลงทันที
“เวลากินข้าว ท่านจำเป็นต้องพูดจาอะไรที่ไม่เจริญอาหารอย่างนั้นด้วยหรือ? ก็ปล่อยนางไว้ข้างนอกไม่ได้หรือ ท่านยังมีความเห็นใดๆ อีก?”
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา นอกจากแปดเดือนนี้ที่กลับมาพบกันอีกครั้ง เขาก็ไม่เคยทำหน้าที่ของพ่อให้สำเร็จเลย นางเลี้ยงลูกด้วยตัวเองตลอดมา หากไม่ได้รับความยินยอมจากนาง เขามีสิทธิ์อะไรมานับว่าลูกคือของของเขา?
จะยึดลูกของนางไว้ทำไม?
จู่ๆ บรรยากาศก็เย็นลง เซียงอวี้ก็ไม่รู้ว่าทำไมท่าทีของหนานหว่านเยียนถึงแข็งกระด้างเมื่อพูดถึงองค์หญิงน้อย ราวกับสัมผัสโดนต่อมโมโหอย่างนั้นเลย
กู้โม่หานผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นแววตาก็เผยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้บังคับให้หนานหว่านเยียนตัดสินใจอีก
ใจร้อนเกินไปจะทำลายทุกสิ่ง
“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น แค่ปรึกษากับเจ้า ถ้าเจ้าไม่ต้องการก็ปล่อยให้นางอยู่นอกวังต่อไปอีกระยะหนึ่ง”
กู้โม่หานเปลี่ยนหัวข้อ ใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุด “ข้าได้ขอให้กรมพิธีการหาวันฤกษ์ดี พิธีแต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็นฮองเฮา ข้าจะจัดการให้เจ้าอย่างยิ่งใหญ่”
พิธีแต่งตั้งฮองเฮา?
สายตาของหนานหว่านเยียนเย็นชาลงอีกครั้ง
นางเคยพูดหลายครั้งแล้ว ว่าจะไม่เป็นฮองเฮาของเขาโดยเด็ดขาด เขาจะดื้อรั้นเพื่ออะไร?
นางโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่ก็หลุบตาลงมองไปที่เกี๊ยวน้อยผู้น่าเอ็นดู ต่อหน้าลูก นางยังคงข่มความโกรธไว้เงียบๆ กลัวว่าหากพูดอีกจะทะเลาะกับเขา
แต่ไม่ว่ากู้โม่หานจะดิ้นรนแค่ไหน ความหวังของเขาก็จะพังทลายลงเสมอ
นางไม่อยากคุยกับเขาแล้ว พลางมองไปที่เกี๊ยวน้อยที่อยู่ข้างกาย “สาวน้อย ช่วงที่แม่ไม่อยู่ เจ้าไม่ได้ทบทวนบทเรียนเลยหรือ?”
เกี๊ยวน้อยกินอย่างมีความสุข เมื่อได้ยินดังนั้น ซี่โครงเปรี้ยวหวานในปากก็ไม่อร่อยแล้ว
นางยิ้มหยอกเย้า “ท่านแม่รู้ได้ยังไงเจ้าคะ?”
ตอนที่แม่ไม่ได้อยู่ข้างกาย เสด็จพ่อเห็นนางอารมณ์ไม่ดี จึงไม่กล้าบังคับให้นางเรียนนั่นเรียนนี่ อีกอย่างนางตั้งใจแน่วแน่ที่จะหนีออกจากวังเพื่อตามหาแม่ จะเอาจิตใจที่ไหนมาเรียนหนังสือ
เซียงอวี้อธิบายอย่างระมัดระวัง “เหนียงเหนียง สองเดือนมานี้องค์หญิงคิดถึงท่าน กินอะไรไม่ค่อยลง จึงย่อมไม่มีใจที่จะทบทวนบทเรียนเพคะ”
หนานหว่านเยียนตอบรับ แล้วยื่นซี่โครงหมูชิ้นหนึ่งให้เด็กสาวข้างกาย “วันนี้แม่จะไม่ทดสอบบทกวีของเจ้า แต่อยากจะสอนหลักการใช้ชีวิตแก่เจ้าสักหน่อย”
“เจ้าจำได้ไหม แม่เคยบอกเจ้ากับน้องสาวว่า ต้องเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่ใช้วิธีโกหกหลอกลวงเป็นบรรทัดฐานในการกระทำ?”
เกี๊ยวน้อยพยักหน้าอย่างเฉลียวฉลาด “จำไว้นะ! แม่ยังบอกอีกว่า หากทำอะไรไม่ได้อย่าไปให้คำสัญญาง่ายๆ!”
“สัจจะคือคุณธรรมอันงดงาม ไม่ว่าข้ากับน้องสาวจะเติบโตแค่ไหน ก็ต้องจดจำเอาไว้ในใจเสมอ!”
หนานหว่านเยียนบีบแก้มยุ้ยของเกี๊ยวน้อยเบาๆ แล้วตอบว่า “ลูกแม่เก่งมาก! เจ้าต้องจดจำหลักการนี้ไว้ในใจให้ดี คนเราไม่ควรเรียนรู้เฉพาะความรู้เท่านั้น แต่ต้องฝึกฝนคุณธรรมด้วย อย่าเป็นเหมือนคนบางจำพวก ปากก็พูดดี แต่ทำตัวไม่ซื่อสัตย์ แถมยังชอบครอบงำ นิสัยแย่ๆ แบบนี้อย่าทำรู้ไหม?”
คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าใช้กู้โม่หานมาเป็นสื่อการสอนเชิงลบเพื่อสั่งสอนเด็กๆ ทุกคนก็ไม่กล้าพูด แต่กู้โม่หานกลับถูกแทงเข้าไปในหัวใจอย่างรุนแรงด้วยคำพูดเฉียบคมเหล่านี้ เขาหยิบแก้วเหล้าที่ยังไม่ถูกแตะขึ้นมา ดื่มให้หมดภายในอึกเดียว
ในช่วงแรกการร่วมมือกับหนานหว่านเยียนเป็นเพียงแผนชั่วคราว เขามีเจตนาเห็นแก่ตัวจริงๆ นางไม่ให้โอกาสเขา แล้วยังไม่ให้เขาสร้างโอกาสเองอีกด้วยหรือ
ใต้หล้าคือการต่อสู้ คือการแย่งชิง คือการสมรู้ร่วมคิด หากเขาสามารถก้าวขึ้นบัลลังก์และรักษาตำแหน่งฮ่องเต้ไว้ได้ เขาก็ถูกกำหนดให้ไม่ใช่คนใจดีและใจอ่อน
เขายอมรับว่า เขาง้อผู้หญิงไม่เก่งนัก แต่เขาก็พยายามง้อด้วยหัวใจแล้ว แต่นางก็ยังไม่พอใจ นอกจากเอาด้วยเล่ห์กลแล้ว ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก
“มีเงินทุนนี้แต่ทำไมถึงใช้ไม่ได้?” เขาดื่มเหล้า แล้วชำเลืองมองหนานหว่านเยียน” นางคือองค์หญิงใหญ่ของข้า แก้วตาดวงใจของข้า ตราบใดที่ไม่เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา อยากได้อะไร ก็ย่อมได้สิ่งนั้นมา”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วแน่นทันที จ้องเขม็งใส่เขา “ท่านจะถกเถียงกับข้าในตอนนี้หรือ? ตอนที่ข้าสั่งสอนลูกๆ ท่านมาพูดแทรกอะไร?”
เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของหนานหว่านเยียนกำลังจะทนไม่ไหวแล้ว กู้โม่หานจึงหุบปาก เพื่อไม่ให้เปลวไฟแห่งสงครามลุกโชน
เกี๊ยวน้อยอยู่ข้างๆ กินข้าวไปพลางรับการอบรมไปพลาง พอเห็นท่าทางห่อเหี่ยวของกู้โม่หาน นางก็อดถอนหายใจไม่ได้จริงๆ
ไม่น่าแปลกใจที่เสด็จพ่อต้องขอความช่วยเหลือจากนาง ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้ว เสด็จพ่อช่างโง่เขลาจริงๆ ไม่สามารถทำให้ผู้หญิงมีความสุขได้เลย นับประสาอะไรกับง้อท่านแม่
ไม่มีใจประจบประแจงผู้หญิง ปากก็ไม่ทาน้ำมัน พูดแต่คำพูดดีๆ ให้มากหน่อย แล้วยังดื้อรั้นจะเผชิญหน้ากับผู้หญิง นี่มันหาเรื่องถูกด่าชัดๆ
ดูท่าทางต้องให้นางออกหน้าอีกแล้ว…