ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 736
กู้โม่หานอุ้มหนานหว่านเยียนวางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง ใบหน้าหล่อเหลาตึงเครียด ตำหนิตัวเองในใจราวกับจะจมน้ำ
สตรีตั้งครรภ์ ก็ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ทั้งมีอารมณ์แปรปรวน แต่เมื่อครู่เขากลับทำอะไรเกินเลย ก้าวร้าวหยาบคาย เขามันสมควรตายจริงๆ!
“หว่านเยียน มีอะไรให้ข้าช่วยเจ้าได้ไหม”
กู้โม่หานไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับสตรีมีครรภ์แม้แต่น้อย และไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะต้องทำอะไร
ใครจะรู้ว่าหนานหว่านเยียนที่ไม่พูดอะไรสักคำ หลังนอนบนเตียงแล้ว ก็ผละออกจากมือของกู้โม่หานทันที แล้วเปล่งเสียงอ่อนกำลังว่า “ไสหัวไป”
สีหน้าของเขาแข็งทื่อทันที แต่ยังคงเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว อย่าทำให้ตนเองลำบากเพราะโมโหข้าเลย บอกข้ามาเจ้าต้องการอะไร”
สิ่งที่หนานหว่านเยียนต้องการมากที่สุดคือให้กู้โม่หานไสหัวไป แค่เห็นเขาก็โมโหแล้ว จะสบายใจได้อย่างไร
ขอเพียงเขาไป อารมณ์ของนางย่อมสงบลงและดีขึ้นมาหน่อย แต่เขาทำราวกับว่าไม่เข้าใจภาษามนุษย์ ยืนกรานเข้าใกล้และทำให้นางโกรธ
นางใช้มือข้างหนึ่งลูบท้องเบาๆ ปลอบโยนลูก ส่วนอีกมือหนึ่งก็จับแจกันบนโต๊ะข้างๆ ขึ้นมา เขวี้ยงลงกับพื้น แสดงความไม่พอใจ
แจกันแตกกระจายข้างเท้าของเขา นิ้วเรียวยาวของกู้โม่หานกำแน่น จึงไม่พูดอะไรอีกแล้วหันกายเดินออกตำหนักไป เขาอยากไปดูว่าหมอหลวงมาแล้วหรือยัง แต่กลับเจอเสิ่นอี่ว์ยังเฝ้าอยู่หน้าประตู จึงตะคอกด้วยความโกรธ “ให้เจ้าไปตามหมอหลวงมา เหตุใดยังอยู่ที่นี่อีก!”
เสิ่นอี่ว์ถูกกู้โม่หานโมโหใส่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก็ตกใจตะลึงงัน รีบเอ่ยว่า “ทูลฝ่าบาท อวี๋เฟิงไปเชิญแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ช้าไปแล้ว แบกเขามา!”
เสิ่นอี่ว์ตกตะลึง อาการของฮองเฮาเหนียงเหนียงในตอนนี้วิกฤตมากขนาดนั้นเลยรึ เขารีบขานรับ กำลังจะหันกายไป “พา” คนมา
แต่ขณะนั้นเอง ก็ได้ยินอวี๋เฟิงตะโกนอย่างกระหืดกระหอบว่า “ฝ่าบาท! หมอหลวงหลิวมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อกู้โม่หานเห็นหมอหลวงหลิวตามมาข้างหลังอวี๋เฟิงอย่างรีบร้อน สีหน้าตึงเครียดก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เอ่ยเสียงเย็นทันที “รีบไปตรวจชีพจรให้ฮองเฮา!”
หมอหลวงหลิวไม่มีเวลาพักหายใจแม้แต่น้อย ก็ตามกู้โม่หานเข้าตำหนักใหญ่อย่างเร่งรีบ
อวี๋เฟิงเหนื่อยจนหอบ รออย่างกระวนกระวายตรงประตูกับเสิ่นอี่ว์ โดยไม่รู้ว่าตอนนี้อาการของหนานหว่านเยียนเป็นอย่างไรบ้าง
เสิ่นอี่ว์ขมวดคิ้วแน่น “ทำไมไม่ตามหมอหลวงเจียงมา”
เมื่อก่อน ฮองเฮาเหนียงเหนียงยอมให้เพียงหมอหลวงเจียงตรวจชีพจรให้พระนางเท่านั้น
อวี๋เฟิงหอบหายใจแรง “ตอนข้าไปเมื่อครู่ หมอหลวงเจียงไม่อยู่ พอดีเลย แต่ฝ่าบาททรงรีบร้อน เลยได้แต่ตามหมอหลวงหลิวมา”
เสิ่นอี่ว์พยักหน้าไม่ได้พูดอะไร มองตำหนักใหญ่ด้วยสายตากระจ่างใส สีหน้าซับซ้อน
ภายในตำหนัก หมอหลวงหลิวคุกเข่าอยู่ข้างเตียงอย่างตัวสั่น วางผ้าเช็ดหน้าบนข้อมือหนานหว่านเยียน ประกบนิ้วลงด้วยความสั่นเทา ตรวจอาการอย่างระมัดระวัง
จากนั้นหมอหลวงหลิวมีสีหน้ายินดียิ่ง รีบหันกายไปโค้งคำนับกู้โม่หาน “ยินดีกับฝ่าบาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ฮองเฮาเหนียงเหนียงตั้งครรภ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
นัยน์ตาหงส์ของกู้โม่หานพลันอึมครึม เอ่ยเสียงเย็นชาราวกับอาวุธทุบใส่ศีรษะหมอหลวงหลิว
“ข้าไม่อยากฟังเรื่องนี้ เมื่อครู่นางเจ็บท้องไม่หยุด ร่างกายอ่อนแรง สีหน้าก็ซีดเซียว แม้แต่พูดยังไม่มีแรง รีบรักษานางซะ!”
หมอหลวงหลิวรู้สึกหวาดผวา ถูกโทสะของกู้โม่หานทำให้ตกใจจนขาอ่อน
เมื่อครู่ฝ่าบาทก็ไม่บอกอาการอะไรของฮองเฮาเหนียงเหนียงเลย ทั้งการตั้งครรภ์ก็เป็นเรื่องมงคล เขาย่อมต้องกราบทูลก่อน แต่สีหน้าของฝ่าบาทกับฮองเฮาเหนียงเหนียง ไม่อาจพูดได้ว่ารู้สึกยินดีจริงๆ
“พะ พ่ะย่ะค่ะ กระ กระหม่อมจะทำการวินิจฉัย” แต่เขาก็ไม่กล้าพูดมาก ได้แต่กลับไปตรวจชีพจรอีกครั้ง หลังตรวจอย่างละเอียดก็ถอนหายใจ หันไปเอ่ยกับกู้โม่หานว่า “ทูลฝ่าบาท ตอนนี้พระวรกายของฮองเฮาเหนียงเหนียงไม่มีความผิดปกติ และไม่มีอาการแท้งบุตรพ่ะย่ะค่ะ”
“อาการปวดท้องของเหนียงเหนียง น่าจะเพราะอารมณ์ปั่นป่วนรุนแรงส่งผลต่อหัวใจ จึงทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก เหนียงเหนียงต้องสงบสติอารมณ์ นอนพักครู่หนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อกู้โม่หานได้ยิน ก็ขมวดคิ้วองอาจแน่นยิ่งขึ้น ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง “ข้าเข้าใจแล้ว”
เขาจ้องมองหนานหว่านเยียน หน้าตาอึมครึมอ่อนลงไม่น้อย น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนกว่าเมื่อครู่ แต่กลับเอ่ยกับหมอหลวงหลิวว่า “เจ้าออกไปจ่ายยาเถอะ”
หมอหลวงหลิวพยักหน้าลุกขึ้นมาจากพื้น “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลลา”
พูดจบ เขาก็หันกายออกจากตำหนักใหญ่ไป
ภายในตำหนักใหญ่เหลือเพียงหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานสองคนอีกครั้ง
กู้โม่หานมองหนานหว่านเยียนที่ยังคงมีสีหน้าเย็นชา โครงหน้าลึกชัดเจน ตึงเครียด
เมื่อเข้าใจตัวตนของตนเอง ส่งผลต่ออารมณ์ของนาง เขาก็เม้มริมฝีปาก แล้วพูดเบาๆ
“เรื่องคืนนั้นมีการเข้าใจผิดกัน ข้าจะหาสาเหตุทั้งหมด และอธิบายให้เจ้าฟังแน่นอน เจ้าพักผ่อนให้สบาย ข้าจะมาหาเจ้าทีหลัง”
เมื่อหนานหว่านเยียนได้ยิน กลับหัวเราะเยาะไร้เสียง เหลือบมองกู้โม่หาน
“กู้โม่หาน จากนี้ ข้าไม่อยากเจอเจ้าอีก…”