ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 757 ขอให้ท่านโปรดอย่าบีบบังคับนาง

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 757

หลังจากได้ยินกู้โม่หานยืนกรานต้องการปลิดชีวิตของหยุนอี่ว์โหรวแล้ว องค์ไทเฮาทรงกลัดกลุ้มแทบตายแล้ว

นางโกรธเคืองจนเต้นผาง อีกทั้งตบโต๊ะอย่างหนักหน่วงพร้อมกับกระทืบเท้า “เจ้ากล้า!”

“ฮ่องเต้เอย ในท้องนางกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นสายเลือดทายาทมังกรของเจ้าอยู่ และเป็นองค์ชายแห่งอนาคตด้วยเชียวนะ”

“ข้าทราบว่าโทษฐานความผิดนางมิสามารถให้อภัยได้ หลอกลวงเจ้ามาเป็นเวลาร่วมสิบปีแล้ว และยังทำให้เยียนเอ๋อร์ถูกเจ้าละเลยเป็นเวลานานถึงสิบปีเนื่องเพราะสาเหตุนี้ ตลอดจนนางยังเกิดความคิดขึ้นมาแล้ว ต้องการเล่นงานเหลนสาวเด็กดีแสนน่ารักเชื่อฟังทั้งสองของข้า เรื่องเหล่านี้นับรวมขึ้นมาแล้ว ต่อให้นางตายนับพันครั้ง นับหมื่นครั้งก็ยังไม่สาสมเพียงพอต่อความผิดด้วยซ้ำ!”

กู้โม่หานมองดูองค์ไทเฮาอย่างเย็นชาคราหนึ่ง พยายามข่มเพลิงโทสะของตนเอาไว้ “เช่นนั้นแล้วเสด็จย่า ไฉนจึงยังต้องขัดขวางข้าอีกล่ะ?!”

องค์ไทเฮาสูดหายใจเข้าลึกๆ คำหนึ่ง รู้สึกเพียงแน่นอึดอัดคับข้องตรงหน้าอกเท่านั้น แทบหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาแล้ว “เนื่องเพราะลูกน้อยภายในท้องของนางนั่นเอง ซึ่งมิอาจให้เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เชียวนะเนี่ย!”

“หากวันนี้ข้าไม่ขัดขวางเจ้า ปล่อยให้พวกเจ้าจัดการหยุนอี่ว์โหรวตามอำเภอใจละก็ ข้าจะเผชิญหน้ากับเหล่าบรรดาบรรพบุรุษรุ่นแล้วรุ่นเล่าเช่นใด? จะอธิบายต่อเหล่าบรรดากลุ่มขุนนางเช่นใด?”

“ข้ามิได้ต้องการเห็นเจ้าสูญเสียบุตรน้อยคนหนึ่งไปจริงๆ ยิ่งมิต้องการให้ทุกคนรู้สึกว่าเจ้าเลือดเย็นอำมหิตไร้น้ำใจ สืบเนื่องมาจากการลงมือของเจ้าในวันนี้ กลายเป็นสัตว์เดรัจฉานที่สังหารเลือดเนื้อเชื้อไขสิ้นชีวิตด้วยน้ำมือตนเอง!”

“สรุปแล้ว วันนี้ข้าขอลั่นวาจาไว้ ณ สถานที่นี้ เวลานี้เจ้ายังมิสามารถปลิดชีวิตของหยุนอี่ว์โหรว! หากเจ้าเคียดแค้นนางลึกเข้ากระดูกจริงๆ ละก็ เช่นนั้นก็รอจนกระทั่งนางคลอดทายาทมังกรแล้ว หลังจากเจ็ดเดือนผ่านไปแล้ว จงสังหารมารดาและเหลือชีวิตบุตรเอาไว้ เจ้าจะจัดการอย่างใดก็ได้ตามที่ต้องการ ข้าล้วนไม่สนใจขัดขวางเจ้าทั้งสิ้น!”

หยุนอี่ว์โหรวเห็นองค์ไทเฮากับกู้โม่หานโต้แย้งโดยมิยอมอ่อนข้อให้แก่กัน ในใจกลับลอบทอดถอนหายใจโล่งอกแล้วคำหนึ่ง

ขอเพียงองค์ไทเฮาไม่หวั่นไหวเห็นพ้อง เช่นนั้นวันนี้นางก็สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้อย่างแน่นอนแล้ว สำหรับนางแล้ว เวลานี้มิมีเรื่องใดสำคัญยิ่งไปกว่าการรักษาชีวิตเอาไว้แล้ว

หนานหว่านเยียนย่อมทราบว่าหยุนอี่ว์โหรวกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่ และก็เข้าใจอุปนิสัยขององค์ไทเฮากระจ่างเช่นกัน

ริมฝีปากแดงระเรื่องของนางเม้มเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นชาดุจดั่งน้ำแข็ง “เสด็จย่า ข้าทราบว่าท่านมีความลำบากใจของท่านเอง และเห็นแก่สถานการณ์ใหญ่เสมอมาเช่นกัน”

“แต่สำหรับเรื่องของหยุนอี่ว์โหรวนี้ หม่อมฉันมิคิดจะผ่อนผันยกโทษให้ และก็จะไม่ยอมอ่อนข้อถอยให้ด้วยเช่นกัน โทษฐานความผิดช่างสุดแสนชั่วร้ายใหญ่หลวงนัก นางก็สมควรลองชิมรสชาติของขุมนรกอเวจีดู หรือว่าสิ่งที่หม่อมฉันพูดนั้นผิดด้วยเช่นนั้นหรือ?”

องค์ไทเฮาตระหนกตกใจวูบ สบสายตาที่เย็นชาและเคร่งขรึมจริงจังของหนานหว่านเยียนนั้นแล้ว ในใจรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาระลอกหนึ่ง

นางกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาอยู่บ้างเล็กน้อย กอปรด้วยความเมตตารักใครเอ็นดูและสำนึกเสียใจไม่มีสิ้นสุด นางพูดเสียงค่อยและอ่อนโยนกับหนานหว่านเยียนว่า “เยียนเอ๋อร์ ข้าเสียใจต้องขออภัยต่อเจ้าด้วย”

“ในปีนั้น สาเหตุที่ข้าให้เจ้าเข้าพิธีวิวาห์ตกแต่งให้แก่องค์ฮ่องเต้ เพราะคิดว่าพวกเจ้าสองคนเคียงคู่อาศัยอยู่ด้วยกัน จะสามารถครองรักร่วมกันอย่างมีวาสนาเปี่ยมความสุขสันต์หรรษา แต่ข้ามิเคยทราบมาก่อนเลยแม้แต่น้อยนิดว่า เจ้าอาศัยอยู่ภายในจวนอี้อ๋องนั้น ได้รับความคับแค้นใจเป็นอย่างยิ่งตลอดมา”

“แม้ว่าข้าจะมิสามารถสัมผัสรับรู้ความรู้สึกนั้นด้วยตัวข้าเอง แต่ก็ทราบเช่นกันว่าการทำร้ายรับบาดเจ็บเหล่านั้น สำหรับเจ้าแล้วช่างเจ็บปวดคร่าชีวิตมากมายเพียงใด ทว่าเยียนเอ๋อร์ ถือว่าข้าขอร้องเจ้าก็แล้วกัน ขอร้องเจ้าโปรดจงเห็นแก่หน้าของข้า ยืดเวลาเรื่องการลงโทษของหยุนอี่ว์โหรวออกไปชั่วคราวก่อนเถิดนะ”

ริมฝีปากของหนานหว่านเยียนเม้มแนบแน่นแล้วเล็กน้อยแล้ว องค์ไทเฮาเห็นสถานการณ์เช่นนั้น จึงเร่งรีบกล่าวต่อว่า “ข้ามิใช่ต้องการให้เจ้าละเว้นการลงโทษนาง โทษฐานความผิดนั้นนางสมควรได้รับแล้ว ย่อมสมควรต้องรับผิดชอบอย่างหนักด้วยซ้ำ”

“ทว่ายามนี้ เยียนเอ๋อร์ ในเวลาเช่นนี้หาใช่โอกาสอันประเสริฐไม่ เจ้าก็เป็นมารดาเช่นกัน เข้าใจกระจ่างถึงความรู้สึกของคนเป็นแม่ผู้หนึ่ง ถึงอย่างไรเด็กน้อยภายในท้องของนางนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ อีกทั้งยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของโม่หาน ข้าหวังเพียงแต่ว่า เจ้าจะสามารถเหลือชีวิตนางไว้จนถึงวันที่ให้กำเนิดทารกผู้นั้น”

เผชิญกับทัศนคติแข็งกร้าวขององค์ไทเฮา หนานหว่านเยียนก็ไม่สามารถพูดอะไรมากนักเช่นกัน

เฟิงยางที่อยู่ด้านข้างกลับทราบว่า ยามนี้ภายในใจของหนานหว่านเยียน สมควรกำลังดิ้นรนย้อนแย้งยากทนทานมากเพียงใด

เห็นได้ชัดว่าต่างก็ล้วนเป็นมารดา ไฉนมิมีผู้ใดแสดงความเข้าใจเห็นอกเห็นใจในความรู้สึกของจวิ้นจู่สักครา?

ต้องมองดูตาปริบๆ ให้นักต้มตุ๋นจอมหลอกลวง คนที่โทษฐานความผิดช่างสุดแสนชั่วร้ายใหญ่หลวงนักผู้หนึ่ง คลอดบุตรให้กำเนิดลูกน้อยของกู้โม่หาน จวิ้นจู่จะต้องเศร้าใจสลดหดหู่ยากทนทานมากเพียงใดนะเนี่ย?

นอกจากนี้ นี่คือบุตรของผู้อื่น กลับต้องให้จวิ้นจู่ปล่อยวางบุญคุณความแค้นลง จะสามารถทำได้อย่างใดล่ะ?

กู้โม่หานก้าวออกไปบดบังอยู่เบื้องหน้าหนานหว่านเยียน เขาปกป้องนางไว้ข้างหลัง จ้องมองดูองค์ไทเฮา เงาร่างสูงใหญ่ประดุจหนึ่งขุนพลทหารสวรรค์ น้ำเสียงเย็นเยียบทะมึนกอปรด้วยสภาวะพลังที่มิอาจต่อต้านขัดขืน

“เสด็จย่า ฮองเฮาใจอ่อนได้ง่ายดาย ขอให้ท่านโปรดอย่าบีบบังคับนาง ข้าเคยพูดเอาไว้แล้ว วันนี้ข้าจะมิให้ท่านนำคนจากไปอย่างเด็ดขาด”

“เรื่องราวของหยุนอี่ว์โหรว วันนี้ข้าจะกวาดล้างให้สิ้นจนสะอาดหมดจดด้วยตัวเอง มิให้หลงเหลืออันตรายแอบแฝงภัยซ่อนเร้นใดๆ อย่างเด็ดขาด! ในเมื่อนางมิต้องการชีวิตของข้า เช่นนั้นข้าก็จะละเว้นการลงทัณฑ์ทรมาน เสิ่นอี่ว์ ลากตัวนางออกไปทันที รุมกระหน่ำทุบตีให้สิ้นชีวิตด้วยกระบอง!”

“ฮ่องเต้!” พลันสีหน้าหยุนอี่ว์โหรวแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง รีบเร่งหันมองไปทางองค์ไทเฮา “ไทเฮา ขอร้องท่านโปรดช่วยเหลือหม่อมฉันด้วย โปรดช่วยเหลือหม่อมฉันด้วยเพคะ!”

เสิ่นอี่ว์ต้องการเดินหน้า องค์ไทเฮาโกรธเคืองจนอึดอัดขัดข้องแน่นหน้าอก ตวาดขึ้นคำหนึ่ง “หยุดมือ ข้าจะดูว่าใครบังอาจ!”

นางขุ่นเคืองโมโหแทบตายแล้ว กุมหน้าอกเอาไว้ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดไร้สีเลือดไปทันใด ถลึงตากลมโตแล้วจ้องมองกู้โม่หานเขม็ง ร่างกายที่ย่างเข้าสู่วัยชราก็ยังโอนเอนซวนเซอยู่บ้างแทบล้มลง

“ฮ่องเต้ หรือว่าเจ้าต้องการให้ข้าคุกเข่าลงขอร้องต่อท่านจริงๆ จึงจะยินยอมปล่อยหยุนอี่ว์โหรวไปเช่นนั้นหรือ?!”

นางบันดาลโทสะจนเหนื่อยหอบ น้ำเสียงก็ยังเปลี่ยนเป็นสุดแสนไม่มั่นคงกระท่อนกระแท่นอย่างยิ่ง “ข้าก็พูดแล้วว่า มิใช่ว่าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าปลิดชีวิตนาง เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา! พวกเจ้าไฉนยังดื้อรั้นยืนกรานจะทำเช่นนี้ให้ได้!”

เหล่าไท่ไท่อารมณ์ตื่นเต้นเกินไป บวกกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้สืบเนื่องมาจากการ “ตาย” ของหนานหว่านเยียน เดิมก็มิได้พักผ่อนให้เพียงพออยู่แล้ว จิตใจสมาธิก็ไม่ค่อยดีนักเช่นกัน ครั้งนี้บันดาลโทสะอย่างใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ ตลอดทั้งร่างล้วนมีลักษณะที่ใกล้จะเป็นลมสิ้นสติอยู่บ้างแล้ว

หลี่หมัวมัวและคนอื่นๆ เห็นสภาพเช่นนั้น ขมวดคิ้วอย่างวิตกกังวลขึ้นมาแล้วทันใด “ไทเฮา!”

นางสะอื้นร่ำไห้พลางพูดกับกู้โม่หานและหนานหว่านเยียนว่า “ฮ่องเต้ และฮองเฮาเหนียงเหนียง องค์ไทเฮานั้นอายุมากแล้ว ไม่สามารถทนรับการกระทบกระเทือนสะเทือนจิตใจเช่นนี้ได้”

“องค์ไทเฮาทรงปกป้องฮองเฮาเหนียงเหนียงมากเพียงใด ทุกคนต่างล้วนประจักษ์แก่สายตาแล้ว จิตใจดวงนี้ไม่เคยผันแปรเปลี่ยนแปลงมาก่อน ขอจงโปรดอย่าทำให้นางต้องสะเทือนใจอีกแล้วเพคะ……”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน