ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 762 เจ้าเป็นคนของข้าทั้งคน

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 762

“ก่อนหน้านี้ ข้าน้อยโดนพ่อบ้านกาวทำให้รับบาดเจ็บตรงบริเวณหัวนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ได้สูญเสียความทรงจำ”

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!” ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของกู้โม่หานก็เย็นชาราวกับอุโมงค์เก็บน้ำแข็ง

เขาตบโต๊ะอย่างแรงแล้วลุกยืนขึ้น มองกราดลงไปที่เสิ่นอี่ว์ ดวงตานกฟีนิกซ์ที่เย็นชาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและตื่นตระหนกตกใจ

“ในเมื่อเจ้าไม่ได้ความจำเสื่อม แล้วทำไมเจ้าถึงแสร้งทำเป็นความจำเสื่อมเพื่อโกหกข้า แถมยังร่วมมือกับฮองเฮาด้วย?!”

เสิ่นอี่ว์ราวกับมีหนามแทงอยู่บนหลังแล้วคุกเข่าอยู่บนพื้น

“เพราะว่า……ตอนที่ข้าน้อยฟื้นขึ้นมาฮองเฮาเหนียงเหนียงก็ทรงอยู่ข้างๆ ในเวลานั้นข้าน้อยวิตกกังวล ก็รีบเล่าถึงสถานการณ์ก่อนได้รับบาดเจ็บ และสิ่งที่ข้าน้อยตรวจสอบได้ให้กับเหนียงเหนียงฟัง รวมถึง——เรื่องที่หยุนอี่ว์โหรวปล่อยข่าวลือเรื่ององค์หญิงน้อยทั้งสอง และเรื่องที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงเป็นคนช่วยชีวิตท่านไว้ทั้งสองเรื่องนี้ด้วย”

“ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงได้ฟังเรื่องแล้วนั้น ทว่าจะห้ามให้ข้าน้อยเล่าให้ท่านฟัง แล้วให้ร่วมมือแสดงละครกับนาง นางกลัว……กลัวว่าฝ่าบาทจะยอมเชื่อใจนาง นอกจากนี้ยิ่งกลัวว่าหลังจากที่ฝ่าบาทได้ฟังแล้ว แล้วยังคงปกป้อง……ปกป้องหยุนอี่ว์โหรวอีกด้วย”

เสียงของเสิ่นอี่ว์ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเบาลง เต็มไปด้วยความสำนึกผิดและความเสียใจ

นางคิดเช่นนั้นอย่างนั้นหรือ?

ลูกตาดำของกู้โม่หานนั้นกำลังสั่นเทา เขากำกำปั้นไว้แน่น “แล้วหลังจากนั้นละ? ช่วงเวลาที่ฮองเฮาหายตัวไป เจ้าสามารถบอกข้าได้แท้ๆ แล้วทำไมถึงยังปิดปากไว้แน่นไม่ยอมพูด?”

เสิ่นอี่ว์ได้แต่กลืนน้ำลาย “เพราะว่าในตอนนั้นข้าน้อยเห็นฝ่าบาทนั้นตื่นตะลึงอยู่กับฮองเฮาเหนียงเหนียง หยุนอี่ว์โหรวเองก็กำลังตั้งครรภ์ ข้าน้อยกังวลว่าฝ่าบาทนั้นจะสะเทือนจิตใจจนมากเกินไป และกลัวจริงๆว่าจะทำให้เด็กในท้องของหยุนอี่ว์โหรวนั้นจะเป็นอันตราย เลยได้ตัดสินใจเอาเอง ไม่ได้เล่าความจริงให้ฝ่าบาท”

“ฝ่าบาท ความผิดทั้งหมดเป็นเพราะข้าน้อยเอง ข้าน้อยสารภาพรับผิดในวันนี้ ฝ่าบาทจะตีหรือจะทำโทษ ข้าน้อยยิมยอมรับโทษ!”

กู้โม่หานฟังคำพูดของเสิ่นอี่ว์ เมื่อสักครู่เพิ่งจะปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ ชั่วพริบตาเดียวก็ได้จุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง

เขาเตะดาบที่อยู่ในมือของเสิ่นอี่ว์ลอยออกไปด้วยเท่าที่หนัก ถือโอกาสเตะไปที่ไหล่ของเสิ่นอี่ว์ แต่ก็ไม่ได้ใช้กำลังที่ร้ายแรงจนเกินไป

ดวงตาของชายคนนี้นิ่งเงียบและโกรธเกรี้ยว “เอาล่ะ ไม่เพียงแค่หมอหลวงเจียง แต่แม้แต่เจ้าที่ข้าไว้ใจมากที่สุด ก็เรียนรู้ที่จะหลอกลวงข้าแล้วหรือ!”

เขานั้นไม่คาดคิดเลยจริงๆ หนานหว่านเยียนรู้มาก่อนตั้งนานแล้ว ว่าความจริงทั้งหมดเป็นยังไง

นางยังต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมไว้ แล้วยังไม่ได้พูดอะไรเลย ต้องเก็บไว้ในใจอยู่คนเดียว ปล่อยให้หยุนอี่ว์โหรวรานควานหาเรื่องและปล่อยให้เขาเข้าใจผิด

เหตุผลยังเป็นเพียงเพราะว่ากลัวเขาจะเข้าข้างหยุนอี่ว์โหรวอีก?

ทันใดนั้น อวัยวะภายในตันทั้ง 5 และอวัยวะกลวงทั้ง 6 ราวกับว่าโดนคนมาคนให้เข้ากันอย่างนั้น สีหน้าของกู้โม่หานเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย คิ้วและดวงตาที่เจ็บปวดของเขาถูกย้อมไปด้วยความโกรธหนึ่งชั้น

การกระทำของหนานหว่านเยียนที่มีต่อเขา ไม่ไว้ใจเขาขนาดนั้นเชียวหรือ!

หัวใจของเขา อยู่กับนางตั้งนานแล้ว หากว่าจะลำเอียงจริงๆ ก็ต้องลำเอียงเข้าข้างเขาอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องเข้าข้างหยุนอี่ว์โหรวด้วย

เสิ่นอี่ว์คาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่ากู้โม่หานต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้ นอกจากเขาจะเจ็บปวดใจแล้ว ยังเป็นห่วงและสำนึกผิดมากกว่าอีก

เขาตรงไปทางกู้โม่หานแล้วโขกหัวคำนับอย่างหนัก “ฝ่าบาท ข้าน้อยรู้ว่าการที่ปิดบังท่านมานานเช่นนี้เป็นความผิดที่ใหญ่ และผิดอย่างร้ายแรง แต่ยังไงข้าน้อยก็ต้องพูดแทนฮองเฮาเหนียงเหนียงบ้าง ฝ่าบาทกับฮองเฮาเหนี่ยงเหนียงที่มีความผิดใจกันอยู่มากมายนั้น ฮองเฮาเหนียงเหนียงเองก็มีความกังวลใจของพระองค์ท่าน ก็ดูสมเหตุสมผลอยู่เช่นกัน”

“ยิ่งกว่านั้นหลังจากนั้น เป็นการตัดสินใจด้วยตัวของข้าน้อยเองที่ไม่ได้เรียนให้ฝ่าบาททราบ ไม่เกี่ยวกับฮองเฮาเหนียงเหนียง

ได้โปรดฝ่าบาททรงลงโทษข้าน้อยเถิด!”

กู้โม่หานใช้สายตาที่ดุร้ายจองไปที่เสิ่นอี่ว์ ภายใต้ดวงตาของเขาสีหน้าที่หม่นหมองและเคร่งเครียดได้ระบายความชั่วร้ายออกมา เขาตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ ปลายนิ้วที่แดงต่างก็ได้ใช้แรงด้วยทั้งนั้น “ยังไงก็ต้องลงโทษเจ้า!”

“เสิ่นอี่ว์ หากว่าไปตามเหตุผล ยังไงเจ้าก็เป็นคนของข้าทั้งนั้น ปิดบังและไม่ได้รายงานก็เท่ากับหลอกลวงนายท่าน เจ้ายังซ่อนไว้มานานไม่บอกอีก!”

“หากเจ้าบอกข้าให้เร็วกว่านี้ ข้ากับหว่านเยียน……บางทีอาจไม่ได้มาถึงจุดนี้ในวันนี้ก็ได้!”

นี่ถือเป็นการพิสูจน์ประโยคนั้นจริงๆ ผิดเพียงครั้งเดียว ก้าวต่อๆไปก็ย่อมผิดไปตามกัน

ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใจว่าเสิ่นอี่ว์เป็นห่วงและกังวลเขา แต่ความรู้สึกที่ถูกหลอกแบบนี้ มันช่างอึดอัดจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเชื่อมโยงไปถึงความรู้สึกของเขากับหนานหว่านเยียนอีกด้วย

เพียงแต่ว่าเรื่องดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว มันไม่มีทางย้อนกลับไปได้อีก และยิ่งไม่มียาเสียใจในภายหลังให้ซื้อด้วย

ความเจ็บปวดนี้ ทำได้เพียงรับความเจ็บปวดนี้ไว้……

เสิ่นอี่ว์ไม่ได้ออกเสียงโต้เถียง และไม่มีคำคับแค้นใจแม้แต่คำเดียว

เขาได้แต่ก้มหัว ฟังเสียงเย็นชาและบูดบึ้งของกู้โม่หานที่ดังขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าไปรับโทษที่กรมราชทัณฑ์เองสามสิบไม้ กักตัวในห้องแล้วคิดพิจารณาความผิดของตัวเองสามวัน”

“ตั้งแต่วันนี้และหลังจากนี้อีกสองเดือนเงินเดือนเจ้า จะต้องถูกยึดเข้าหลวงทั้งหมด!”

เสิ่นอี่ว์รีบโขกหัวคำนับ “ขอบพระทัยฝ่าบาท!”

เดิมที เขาได้เตรียมพร้อมที่จะสูญเสียแขนและขาไว้แล้ว แต่คิดไม่ถึง ท้ายที่สุดแล้วกู้โม่หานยังใจดีและเมตตาเขา ถึงขนาดไว้ชีวิตเขา……

เสิ่นอี่ว์ก้าวเท้าที่หนักหน่วงแล้วเดินออกจากห้องทรงพระอักษร ภายในดวงตาที่มีความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของเขาลึงลงไปอีกขั้น

เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากตัวเขาทั้งนั้น แน่นอนว่าเขาจะต้องช่วยเหลือฮ่องเต้อย่างดี ให้ได้รับความไว้วางใจจากฮองเฮาเหนียงเหนียงใหม่อีกครั้ง กระจกที่แตกพังไปจะต้องกลับมาปะติดปะต่อเข้าใหม่เหมือนเดิม

ภายในตำหนักเย็น

ไทเฮานั่งอยู่บนเตียงแคร่ของกุ้ยเฟย ใช้สายตาเย็นชามองไปที่คนรับใช้พวกนั้นที่เดินไปเดินมาวุ่นวายกันอยู่ เสียงที่น่าเกรงขามกำลังสั่งการไม่หยุด “รีบๆกันหน่อย ได้เชิญหมอหลวงมากันหรือยัง”

“ข้าไม่สนว่าจะเป็นยังไง พวกเจ้าจะต้องรับผิดชอบชีวิตของหยุนอี่ว์โหรวไว้ รัชทายาทที่อยู่ในท้องนาง จะต้องไม่มีปัญหาโดยเด็ดขาด!”

หลี่หมัวมัวที่อยู่ด้านข้างมองดูไทเฮา ภายในตานั้นมีความรักและเป็นห่วงอยู่เล็กน้อย “เรียนไทเฮา หมอหลวงทั้งหลายได้ดูอาการไปหมดแล้ว และได้จัดยาไว้ให้ และบอกว่าเป็นเพราะอารมณ์โกรธทำให้การทำงานของหัวใจเต้นเร็วขึ้น แต่ว่าพระครรภ์ได้สามเดือนแล้ว

มั่นคงดี พระองค์ไม่ต้องกังวลไป”

“ได้” ไทเฮาจับที่หน้าผากเพราะมีอาการปวดศีรษะเล็กน้อย สายตาที่เศร้าหมองและซับซ้อน “เจ้ากำชับออกไป ถึงแม้ว่าตอนนี้หยุนอี่ว์โหรวจะเข้ามาอาศัยอยู่ในตำหนักเย็นไม่ว่าจะสิ่งใดก็ตามห้ามละเลยอย่างเด็ดขาด”

“ของกินเสื้อผ้าและของใช้ประจำวัน จะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินให้เขาใส่ใจกันมากขึ้น”

หลี่หมัวมัวด้านหนึ่งก็ตอบรับ แต่ในอีกด้านหนึ่งขณะที่มองไปที่ไทเฮาก็ลังเลที่จะพู แล้วได้แต่ถอนหายใจ

เมื่อไทเฮามองไปที่หลี่หมัวมัว “เป็นอะไรไป”

หลี่หมัวมัวแสดงอารมณ์ออกมาทางใบหน้าแล้วเม้มริมฝีปาก “ไทเฮา ถึงแม้ว่าคนอื่นจะดูไม่ออก แต่ข้าน้อยรู้ในใจของท่านนั้น เป็นคนที่อึดอัดใจเป็นที่สุด”

เหล่าไท่ไท่เป็นคนปฏิบัติตัวมีจิตใจดีงามและเมตตาคนมาทั้งชีวิต แต่คิดไม่ถึงว่ามาวันนี้ การที่ได้ทำเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวจะทำให้ทุกคนต้องแตกแยกและไม่มีความสุขกัน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไทเฮาก็ได้ตะลึงไปชั่วขณะ ใบหน้าชราของเขาแสดงความขมขื่นเล็กน้อย “ข้ารู้ดี ว่าสิ่งที่ข้าทำนั้น อันที่จริงแล้วมันช่างไร้เหตุผลจริง ๆ และก็ทำผิดต่อเยียนเอ๋อร์ผิดต่อฮ่องเต้อย่างมาก”

“แต่ว่าข้านะแก่แล้ว คิดวิธีการที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้ว เจ้าว่า ข้าคงไม่อาจทนดูแล้วไม่ทำอะไรมองดูฮ่องเต้ฆ่าลูกด้วยมือตัวเองหรอกใช่ไหม?”

สายเลือดเชื้อพระวงค์ไม่อาจถูกตัดขาดได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ฮ่องเต้จะทรงมีลูกสาวสองคน แต่ในอนาคตยังไงก็ต้องการใครสักคนเพื่อสืบทอดบัลลังก์ ถ้าหากเด็กคนนี้เป็นลูกชายงั้นต่อไปฮ่องเต้ ก็จะสามารถแบ่งเบาภาระได้เยอะ และข้าราชบริพารก็จะไม่มาพันธนาการฮ่องเต้และเยียนเอ๋อร์อยู่ตลอดเวลา”

“ฝ่าบาทกับเยียนเอ๋อร์ทั้งครอบครัวอยากไปไหนก็ได้ไป เมื่อถึงเวลาหากตาทั้งคู่ของข้าได้ปิดลง ก็ไม่สามารถที่จะก้าวก่ายอะไรได้อีก……”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท