ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 767 กระจกแตกร้าวสมานกลับคืนอีกครั้ง

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 767

ยากนักที่นางจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง เขาก็จะมิไปทำให้นางหมดความสนุกแล้ว นางมิอาจตัดใจทำให้เกี๊ยวน้อยต้องคิดมาก บางทีอาจจะไม่พูดจารุนแรงแสดงสีหน้าอันบึ้งตึงใส่เขา ทว่านั่นหาใช่สิ่งที่เขาต้องการไม่

นอกจากนี้ เขาเองก็มิต้องการแสดงอาการไร้ประโยชน์หมดปัญญาและด้านที่เปราะบางอ่อนแอของเขา ต่อหน้าลูกน้อยเช่นกัน

เมื่ออวี๋เฟิงเห็นว่ากู้โม่หานปฏิเสธอย่างหนักแน่นเด็ดขาดเช่นนี้ เขาก็มิอาจเอ่ยปากพูดจาสอดแทรกอะไรมากเช่นกัน ได้แต่พยักหน้าอย่างอึดอัดคับข้องใจ

ผ่านไปแล้วอีกครู่หนึ่ง พลันกู้โม่หานก็ละสายตากลับคืนมา สายตาคมกริบเย็นชาจ้องมองไปที่อวี๋เฟิง

“อีกสักครู่รอจนพวกเขารับประทานของว่างเหล่านี้เสร็จสิ้นแล้ว เจ้าก็แวะไปหาเฉินกงกง ให้เขาไปนำก้อนน้ำแข็งที่ข้าจัดเตรียมไว้ก่อนหน้านี้มา เพื่อส่งไปคลายร้อนให้ฮองเฮาและอานผิง”

ก้อนน้ำแข็งเรอะ?

ตอนนี้ที่อากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ การเก็บรวบรวมก้อนน้ำแข็งนั้นเป็นเรื่องที่กระทำยากลำบากอย่างยิ่ง

พลันอวี๋เฟิงก็พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “ขอรับ ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”

รอจนอวี๋เฟิงจากไปไกลแล้ว จากนั้นกู้โม่หานจึงหันกลับไปอีกครั้ง จ้องมองหนานหว่านเยียนและเกี๊ยวน้อยที่อยู่ภายในเรือนพำนัก

มารดาและลูกสาวใกล้ชิดสนิทสนมกันมิยอมห่าง ใบหน้าหล่อคมคายของเขาที่หันข้างให้ภายใต้แสงจันทร์ก็ยิ่งขาวผ่องจนเห็นได้ชัด ตรงกลางระหว่างคิ้วกลับค่อยๆ ปรากฏความขมขื่นขึ้นมาวูบ……

ณ ภายในตำหนัก เกี๊ยวน้อยกินจนอิ่มหนำและดื่มเสร็จสิ้นแล้ว กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เตะสองขาน้อยๆ ที่ห้อยลงนั้นโยกเยกไปมาอย่างช้าๆ อ้าปากหาวขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน บริเวณหน้าผากกลับผุดหยาดเหงื่อขึ้นมาจนพราวเปียกชุ่มชั้นหนึ่งแล้ว

หนานหว่านเยียนเองก็รู้สึกอบอ้าวอึดอัดอยู่บ้างเช่นกัน สั่งให้เซียงอวี้หาพัดผ้าแพรมาแล้วสองอัน หลายคนต่างล้วนกำลังโบกพัดเพื่อคลายร้อน

ในยามนี้เอง อวี๋เฟิงก็นำขันทีน้อยหลายคนกระหืดกระหอบหลั่งเหงื่อจนชุ่มโชกรุดมาแล้ว

“เหนียงเหนียง เหนียงเหนียง!” อวี๋เฟิงเดินไปข้างหน้ากล่าวทักทายขึ้น สั่งให้ขันทีหลายคนวางสิ่งของในมือลงอย่างระมัดระวังยิ่งนัก แล้วก็ให้พวกเขาจากไปแล้ว

หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองดูสิ่งของบนพื้นอย่างประหลาดใจ กลับพบว่ามันถูกปิดคลุมไว้ด้วยผ้าม่าน ครอบเอาไว้อย่างมิดชิดแน่นหนา เพียงแต่มีละอองหมอกสีขาวลอยพลิ้วออกมาจากในนั้นเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าจะนำมาซึ่งความสดชื่นเย็นสบายให้แล้วส่วนหนึ่ง

“สิ่งนี้คืออะไร?” หนานหว่านเยียนมองอวี๋เฟิงแล้วคราหนึ่ง

อวี๋เฟิงยกผ้าม่านขึ้นมา “ก้อนน้ำแข็งส่วนหนึ่ง นำมาคลายร้อนให้เหนียงเหนียงและองค์หญิงใหญ่โดยเฉพาะขอรับ”

ก้อนน้ำแข็ง?!

พลันหนานหว่านเยียนรู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้นแล้ว

ควรทราบว่า ในสมัยโบราณนั้นการทำน้ำแข็งและเก็บรักษาล้วนยากลำบากอย่างยิ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะถึงคราวที่อากาศร้อนอบอ้าวจนทนไม่ไหวแล้วละก็ ไม่สามารถนำออกมาใช้ได้เลยทีเดียว

สองตาของเซียงอวี้และเกี๊ยวน้อยกลับเปล่งประกายวาว กระโจนเข้าไปหาก้อนน้ำแข็งแล้วในชั่วพริบตา “ว้าว……”

เกี๊ยวน้อยใช้ใบหน้าลองแนบกับน้ำแข็งดูแล้วด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่ง ความรู้สึกหนาวเย็นจับใจนั้น ทำให้ความร้อนอบอ้าวของนางสลายหายไปจนหมดสิ้นทันที

“ท่านแม่ สบายอย่างยิ่งเลยฮะ!”

เซียงอวี้เองก็ตื่นเต้นอย่างยิ่งเช่นกัน รีบออกแรงสะบัดโบกพัดใส่ก้อนน้ำแข็ง จะได้ทำให้ภายในตำหนักเย็นสบายเร็วยิ่งขึ้นอีกหน่อย

อวี๋เฟิงเห็นลักษณะท่าทางเบิกบานใจของหลายคน แอบลอบทอดถอนหายใจโล่งอกแล้วคำหนึ่ง กลับมิได้สังเกตเห็นว่า สีหน้าของหนานหว่านเยียนเย็นชาเขียวคล้ำทะมึนอยู่บ้างเล็กน้อย

นางจ้องเขม็งมองดูอวี๋เฟิงอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ก้อนน้ำแข็งนี้นำมาจากไหน?”

สีหน้าอวี๋เฟิงผนึกค้าง แม้แต่เซียงอวี้ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้างเล็กน้อย

แต่ถึงอย่างไรพวกเขาทั้งสองก็เป็นคนที่ได้คลุกคลีอยู่ในเหตุการณ์ ของการขับเคี่ยวระหว่างฮ่องเต้และฮองเฮาเป็นเวลาเนิ่นนานเช่นนี้แล้ว อวี๋เฟิงยิ้มๆ แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าเปี่ยมความลึกลับว่า “เหนียงเหนียงยังมีส่วนที่ไม่ทราบอยู่ คนที่พร้อมจะประจบสอพลอเหล่านั้น พอได้ยินว่าท่านตั้งครรภ์แล้ว ก็รีบเร่งต้องการจะรุดมาประจบประแจงเอาอกเอาใจท่านแล้ว”

“ก้อนน้ำแข็งก้อนนี้น่ะ ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาใช้คนส่งมาเช่นกัน เส้นทางค่อนข้างไกล จึงละลายไปแล้วมิน้อย ตอนที่ส่งมาถึงก็เหลือเพียงขนาดนี้เท่านั้นแล้ว”

เซียงอวี้ก็ยิ้มพูดขึ้นเห็นพ้องเช่นกันว่า “เหนียงเหนียง ท่านคือเจ้านายของวังหลังตำหนักใน อีกทั้งกำลังตั้งครรภ์อยู่ ย่อมมีคนพยายามเอาอกเอาใจสร้างความพึงพอใจให้ท่านแล้ว”

“เช่นนั้นหรอกหรือ” สีหน้าหนานหว่านเยียนรู้สึกว่าน่าสงสัย มักรู้สึกว่ามีลับลมคมในอยู่ พลันนางมองออกไปทางหน้าต่าง นอกจากแสงจันทราที่สาดส่องกระจายอยู่ทั่วไปเต็มพื้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรทั้งสิ้น

มองดูเกี๊ยวน้อยอีกครั้ง เห็นลักษณะท่าทางอันสนุกสนานเพลิดเพลินนั้นแล้ว หนานหว่านเยียนก็หาได้ซักไซ้ไล่เลียงถามต่อไปอีกไม่ เพียงแค่ยิ้มพยักหน้าพูดว่า “ทราบแล้วล่ะ”

“แต่ในเมื่อต้องการให้เย็นเร็วขึ้นอีกหน่อย ยังคงล้วนปิดหน้าต่างและบานประตูตำหนักให้สนิทกันเถอะ อากาศจะได้ไม่รั่วไหล”

อวี๋เฟิงลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ยังคงกระทำตามแล้ว เพียงแต่รอจนกระทั่งเขามาถึงข้างหน้าต่างนั้น ก็พบว่ากู้โม่หานนั้นไม่ทราบว่าหายตัวไปจนมิเห็นร่องรอยแล้วตั้งแต่เมื่อใด

อวี๋เฟิงเม้มปาก กลับรู้สึกว่าพระองค์ทรงจากไปก็ดีแล้ว อากาศร้อนอบอ้าวเกินไปแล้ว องค์ฮ่องเต้คอยรั้งอยู่ข้างนอก ก็สุดแสนยากลำบากอย่างยิ่งเช่นกัน

เขาปิดบานประตูหน้าต่างเสร็จสิ้นแล้ว เซียงอวี้ก็คอยโบกพัดน้ำแข็งลดความร้อนอบอ้าวลง เขาเป็นทหารองครักษ์ไม่สะดวกที่จะรั้งอยู่นานนัก จึงได้ออกไปเฝ้าคุ้มครองอยู่นอกตำหนักแล้ว กลับเหลือบไปเห็นตรงมุมข้างหน้าต่างนั้น เงาร่างที่เป็นสีดำยังคงยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น หาได้จากไปไกลไม่

เขารู้สึกตระหนกตกใจทันใด จึงเดินเข้าไปหาอย่างเงียบๆ “ฮ่องเต้ ไฉนท่านจึงยังมิกลับไปพักผ่อนในตำหนัก?”

สีหน้ากู้โม่หานสงบราบเรียบ “ข้าจะรอคอยอีกสักครู่”

“กลับเป็นเจ้าเสียอีก ภายในตำหนักเย็นสบาย ไฉนจึงออกมาแล้วล่ะ?”

อวี๋เฟิงรู้สึกว่านอกตำหนักอากาศช่างเหนียวเหนอะหนะและร้อนอับชื้น เขาเกาช่วงแขนอย่างไม่สบายตัวอยู่บ้างเล็กน้อย

“ข้าน้อยเนื้อหนาผิวกายหยาบกร้าน มิกลัวร้อน อีกอย่างภายในตำหนักทั้งหมดล้วนเป็นสตรี ฮองเฮาเหนียงเหนียงและองค์หญิงใหญ่อานผิงอยู่ด้วย ข้าน้อยรั้งอยู่ขัดต่อกฎระเบียบธรรมเนียม”

พูดจบเขาก็ตบยุงตายไปแล้วตัวหนึ่ง

กู้โม่หานหาได้พูดสิ่งใดอีก อวี๋เฟิงก็ได้แต่คอยยืนอยู่ด้านข้างเช่นกัน

แม้ว่าจะเป็นยามราตรีแล้ว ก็ร้อนอบอ้าวทรมานยากทนทานเช่นกัน

เสื้อผ้าของอวี๋เฟิงถูกเหงื่อที่หลั่งไหลทำให้เปียกชุ่มโชกแต่แรกแล้ว อากาศช่างร้อนอบอ้าวเกินไป แต่เห็นกู้โม่หานที่อยู่ข้างกายนั้นสงบนิ่งไม่ไหวติง เขาอดที่จะรู้สึกปวดใจอยู่บ้างไม่ได้

ร่างกายอันล้ำค่าของฮ่องเต้ ต้องอดทนกับอากาศร้อนอบอ้าวของคิมหันตฤดูและถูกยุงกัด ก็เพื่อมองดูฮองเฮาเหนียงเหนียงองค์หญิงน้อยจากที่ไกลๆ สักครา เขารักฮองเฮาเหนียงเหนียงมากถึงเพียงนี้ กระทำทุกอย่างเพื่อเหนียงเหนียง กลับไม่แม้แต่เอ่ยถึงเพื่อให้อีกฝ่ายทราบด้วยซ้ำ……

เพียงขอภาวนาหวังว่า องค์ฮ่องเต้นั้นความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ศิลาหินทองคำทลายเปิดออก ความสัตย์ซื่อจริงใจมากพอทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหวั่นไหว ขอให้พระองค์สามัคคีปรองดองคืนดีกับเหนียงเหนียงเหมือนอย่างตอนแรกเริ่มด้วยเถิด!

(ศิลาหินทองคำทลายเปิดออก อุปมา อุปสรรคสิ่งลำบากยากเข็ญที่สุดจะผ่านพ้นไปได้ ถ้ามีความจริงใจมากเพียงพอจะชนะจิตใจผู้คน นอกจากนี้ยังหมายถึงเจตจำนงอันมุ่งมั่นแน่วแน่สามารถชนะอุปสรรคความยากลำบากทั้งปวงได้ ในยุคสมัยปัจจุบันยังอุปมา คนผู้หนึ่งเตรียมการเพียงพอแล้วเพียงแค่รอโอกาสประสบความสำเร็จ)

เสียงหัวเราะสนุกสนานภายในตำหนักหยูซินยังคงดังแว่วมามิหยุดหย่อน

กู้โม่หานแหงนหน้ามองขึ้นฟ้า ดวงตาสีดำสนิทมองดูจันทร์กระจ่างประดับแต่งแต้มด้วยดวงดาราอย่างประปราย คอยแยกแยะเสียงของหนานหว่านเยียนและเกี๊ยวน้อยอย่างละเอียด

สถานที่ซึ่งมีพวกนางดำรงอยู่ ก็เหมือนเช่นดั่งดินแดนอันบริสุทธิ์ของโลกหล้าแห่งนี้ เป็นอยู่เช่นนี้เรื่อยมาโดยตลอด ทำให้จิตใจของเขาราบเรียบเงียบสงบนิ่ง รู้สึกถึงสันติสุขความปลอดภัย

ค่ำคืนราตรีนี้ ภายในตำหนักหยูซินราบเรียบสงบสุขไร้ระลอกคลื่นลม หนานหว่านเยียนกอดเกี๊ยวน้อยเข้านอนแต่หัวค่ำเนิ่นนานแล้ว

ฟ้าจวนใกล้รุ่งสางแล้ว กู้โม่หานจึงได้กลับไปที่ตำหนักบรรทม อาบน้ำชำระกายเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์

หลังจากออกว่าราชการช่วงเช้าแล้ว เขาก็ได้กลับมายังห้องทรงพระอักษร สวมเสื้อชุดลายมังกรสีเหลืองสวยงามสดใสตลอดทั้งตัว มังกรเทพเจ้าที่เย็บปักถักทอขึ้นเส้นด้ายทองคำประดุจหนึ่งมีชีวิตก็ปาน ขับเน้นใบหน้าขาวผ่องหล่อเหลาคมคายเย็นชาของเขาให้น่ามองมากยิ่งขึ้น นิ้วมือที่ข้อกระดูกทั้งกระจ่างและเรียวยาวกำลังพลิกอ่านฎีกาอยู่ หัวคิ้วขมวดจนแนบแน่น

และยามนี้เอง ประตูของห้องทรงพระอักษรถูกคนผลักเปิดออกเองอย่างถือวิสาสะ

กู้โม่หานเลิกคิ้วขึ้น เขากำลังคิดจะเอ่ยปากดุด่าตำหนิอยู่นั่นเอง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับดวงตายิ้มแย้มฮิฮะทั้งคู่ของกู้โม่เฟิง

“เจ้าไฉนกลับมาแล้ว?”

กู้โม่เฟิงเดินถึงด้านข้างของกู้โม่หานอย่างรวดเร็วโดยมิรอช้ายืดยาดด้วยพิธีรีตองแม้แต่น้อย แสดงการคารวะก่อนแล้วจึงไขว่ห้างนั่งลง “เป็นอย่างไร ยามนี้แม้แต่เข้าวังก็ยังไม่อนุญาตแล้วหรือ?”

กู้โม่หานวางฎีกาที่ถืออยู่ในมือลง บนใบหน้าหล่อเหลาคมคายมีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นแล้วหลายส่วน “พูดเรื่องจริงจังกันเลย ข้าไม่มีเวลาที่จะมาล้อเล่นกับเจ้าหรอกนะ”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท