ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 785
เมื่อทุกคนได้ยิน พลันสนใจทันที หยุนเหิงก็ยิ้มตาหยีมากยิ่งขึ้น “ขอบพระทัยฮองเฮาเหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ!”
นิ้วเรียวยาวของกู้โม่หานเกยคาง จ้องมองหนานหว่านเยียนตาไม่กะพริบ ด้วยแววตานุ่มนวล
บางคน ตอนทำในสิ่งที่ตนเองถนัด ราวกับมีแสงเรืองกาย มั่นใจ งดงาม จนละสายตาไม่ได้
หนานหว่านเยียนมองสายตา”เร่าร้อน”ของคนกลุ่มนี้ อดกระแอมไม่ได้ เผยแพร่ว่า “ดูรูปร่างแล้ว เห็ดที่มีพิษจะมีเชื้อราวงแหวนที่ก้านดอก ส่วนรากมีเปลือกหุ้มไม่ให้ฉีกขาด หรือมีน้ำสีขาวหรือสีเหลือง ไหลออกมาหลังการฉีกขาดก็คือเห็ดมีพิษ”
“ประการที่สองดูสีสัน สีของเห็ดมีพิษค่อนข้างสด หมวกเห็ดจะมีจุดสีอื่นๆ รูปร่างผิดปกติ มีกลิ่นฉุนหรือเหม็น ถือว่ามีพิษ”
“ประการที่สาม ต้มน้ำสะอาดหนึ่งหม้อ ฉีกเห็ดเป็นชิ้นๆ แล้วใส่ลงไปในน้ำ หากผ่านไปพักหนึ่งแล้วน้ำขุ่นหรือข้นหนืดแสดงว่ามีพิษ”
“สามวิธีนี้ค่อนข้างเข้าใจและแยกแยะง่าย หากเจออะไรที่ไม่แน่ใจ ก็คิดว่ามันเหมือนจะมีพิษ พวกเราก็ระงับความอยาก เปลี่ยนไปกินอย่างอื่นเถอะ”
ที่จริงแคว้นซีเหย่ไม่มีของจำพวกนี้ แต่ไม่แน่ต่อไปแคว้นซีเหย่ค้าขายกับแคว้นต้าเซี่ย ทำการค้าระหว่างกัน ดังนั้นจึงไม่แน่นอน เผยแพร่ไว้ล่วงหน้าจะดีกว่า
หยุนเหิงมองหนานหว่านเยียนด้วยใบหน้าเลื่อมใส ดวงตาเป็นประกาย “สมแล้วที่เป็น… ฮองเฮาเหนียงเหนียง! พระองค์ทรงรู้ทุกอย่างจริงๆ! ทรงพระปรีชายิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิงยางก็รู้สึกตกตะลึงปนเลื่อมใส นางเกิดที่แคว้นต้าเซี่ย ความสามารถในการแยกแยะเห็นยังถือว่าพอได้ แต่ไม่คาดคิดว่าจวิ้นจู่ไม่เคยไปแคว้นต้าเซี่ย จะรู้ไปหมดทุกอย่าง รู้ทุกอย่างยิ่งกว่าคนท้องถิ่นอย่างนางเสียอีก!
หนานหว่านเยียนยิ้มตาหยี “ข้าเพียงสอนเจ้า หากต่อไปเจ้าติดผิด ก็คอยไปละกัน!”
หยุนเหิงมีสีหน้าหวาดกลัว “ข้าน้อยมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ!”
ขณะพูด ทั้งสองคนก็มองหน้ายิ้มให้กัน สีหน้าของแม่ทัพกับฮูหยินแม่ทัพกลับยิ่งน่าเกลียดขึ้นเรื่อยๆ มองฮ่องเต้หนุ่มที่ถูกเมินเฉยโดยสมบูรณ์อย่างขวัญผวา ฮูหยินแม่ทัพอดหยิกหยุนเหิงทีหนึ่งไม่ได้
เจ้าลูกชาย หยุดยิ้มกับฮองเฮาเหนียงเหนียงได้แล้ว ฝ่าบาทใกล้จะเดือดดาลแล้ว!
(2)ไหน้ำส้มสายชูคว่ำ หมายถึง คนขี้หึง
หยุนเหิงที่ยังไม่รู้ตัว ก็พูดคุยหัวเราะกับหนานหว่านเยียนต่อ กู้โม่หานมองหนานหว่านเยียนหัวเราะต่อกระซิกกับหยุนเหิง รอยยิ้มในดวงตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในใจ
หยุนเหิงเคยรังแกนาง ทำไมนางถึงปล่อยวางทุกสิ่งและพูดจาดีๆ กับหยุนเหิงได้ แต่กับเขาแทบจะเมินเฉยกัน ไม่ก็แสดงท่าทางประชดประชัน
ดวงตาเขาฉายแววความเป็นปรปักษ์ จู่ๆ ก็ยื่นมือออกไป โอบเอวของหนานหว่านเยียนมาไว้อย่างแน่น กอดนางจากตรงหน้าหยุนเหิงกลับมาข้างกายตนเอง ไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย
หนานหว่านเยียนตกใจ รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของเขา มองไปทางกู้โม่หานดวงตาเย็นชาของเขากลับกำลังจ้องมองหยุนเหิงที่ยิ้มเบิกบาน คำเตือนในแววตาเกินคำบรรยาย
“เจ้าอย่ากล้าดีกว่า มิฉะนั้นปฏิบัติตามคำสั่งสอนของฮองเฮาข้าก็จะไม่ไว้ชีวิตเจ้า”
หยุนเหิงรู้สึกถึงแรงอาฆาตรุนแรงทันที ทันใดนั้นก็เข้าใจอะไรบางอย่าง ก็ไม่กล้ายิ้มเบิกบานกับหนานหว่านเยียนทันที ทั้งถอยห่างออกไปอย่างเงียบๆ “พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะเชื่อฟังคำสั่งสอนพ่ะย่ะค่ะ!”
เขาลืมไปว่า ฝ่าบาทชอบฮองเฮาเหนียงเหนียงมากแค่ไหน
หากไหน้ำส้มสายชูนี่คว่ำ เขาคงท่าไม่ดีแล้ว!
หนานหว่านเยียนถูกกู้โม่หานโอบไว้แน่น แรงที่เอวค่อนข้างมาก นางขมวดคิ้วคิดจะเอามือเขาออก กู้โม่หานกลับหันหน้ามามองทางนาง ใบหน้ายังคงด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย แต่แรงที่มือกลับควบคุมไว้ดีมาก ทั้งไม่ทำให้นางเจ็บ และไม่มีทางให้นางมีโอกาสหลุดพ้น
เขามองมือนางที่ขยับไม่หยุด ดวงตาซ่อนเร้นความปั่นป่วน แต่กลับถามเสียงเบา
“ยืนไม่สบายรึ ให้ข้าอุ้มเจ้านั่งสักพักหรือไม่”
น้ำเสียงยังคงอ่อนโยน แต่ผู้คนกลับรู้สึกถึงความไม่พอใจของฮ่องเต้ได้ หนานหว่านเยียนมองแววตาดำเข้มของกู้โม่หาน ราวกับเข้าใจคำเตือนในสายตาเขา ตอนนั้นนางถึงรู้ตัวว่า กู้โม่หานไม่ใช่อ๋องอย่างเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว
กู้โม่หานในตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่ามอีกแล้ว ชอบอ้อมค้อม แต่กลับมีอานุภาพยิ่งกว่าเมื่อก่อน
นางไม่สงสัยเลยว่า หากนางเอามือเขาออกจริงๆ เขาจะอุ้มนางนั่งลงทันที และทำเรื่องที่เกินเลยยิ่งกว่าออกมา
คนมากมายขนาดนี้ หนานหว่านเยียนรู้สถานการณ์ จึงปล่อยเขาอุ้มไปละกัน กลับกันก็ทำอะไรไม่ได้ “ไม่เป็นไร ข้าสบายดี”
ขณะพูด นางก็มองทางหยุนเหิงอีกครั้ง “หยุนเหิง เด็กที่ข้าฝากอยู่ที่จวนเจ้าเมื่อก่อนเป็นอย่างไรบ้าง”
จวนแม่ทัพในตอนนี้ไม่ปลอดภัยมาก นางไม่อาจปล่อยซาลาเปาน้อยอยู่ที่นี่ต่อได้อีก ต้องหาโอกาสส่งลูกกลับไปทางท่านน้าถึงจะดี
แน่นอนว่า ก็ไม่อาจให้กู้โม่หานพาลูกกลับเข้าวัง
ใครจะรู้ว่าหนานหว่านเยียนเพิ่งพูดจบ คิ้วเรียวของกู้โม่หานกระตุกทันที
สายตาของเขาพลันปรากฏความคาดหวังและความสุขเต็มเปี่ยม ทันใดนั้นความไม่พอใจในใจของเขาก็บางเบาลง เลิกคิ้วขึ้นมองหยุนเหิงกับหนานหว่านเยียนอย่างมีความหมาย “เด็กรึ”
หยุนเหิงมีปฏิกิริยาโต้ตอบทันที พูดภายใต้ความกดดันว่า “อ๋อออ ฮองเฮาเหนียงเหนียงกำลังพูดถึงอาผานใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทอาจยังไม่ทรงทราบ สองเดือนมานี้ ฮองเฮาเหนียงเหนียงรับอุปการะเด็กหญิงมาคนหนึ่ง ชื่ออาผานพ่ะย่ะค่ะ”
“และถูกรับไว้ที่จวนของข้าน้อยเป็นการชั่วคราวพ่ะย่ะค่ะ อาผานนางสบายดี ตอนนี้อยู่ที่เรือนด้านหลัง ฮองเฮาเหนียงเหนียงอยากพบนางไหมพ่ะย่ะค่ะ”
ทำผิดต่อองค์หญิงอานเล่อแล้ว แต่เพื่อฮองเฮาเหนียงเหนียง เขาก็สามารถแต่งเรื่องโกหกจอมปลอมขึ้นมาอีกได้!
ฮูหยินแม่ทัพกับแม่ทัพใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง ก็เหลือบมองหยุนเหิงด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ไม่กล้าพูดอะไรมาก
เพราะฟังคำโกหกพวกนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น…
ดวงตาสวยงามของกู้โม่หานหรี่ลงแฝงอันตราย จ้องมองหยุนเหิงตาไม่กะพริบ แต่กลับไม่ได้เปิดโปงคำโกหกของหยุนเหิงกับหนานหว่านเยียน
แต่ในใจ อดกลั้นความปรารถนาที่จะพบกับซาลาเปาน้อยไม่ได้นานแล้ว
หากได้เจอบุตรสาว เขาก็จะหาโอกาสพาลูกกลับไปได้ เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้หนานหว่านเยียนอยากหนีไป ก็ต้องชั่งใจ
เขาเหลือบมองหนานหว่านเยียน พูดยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ในเมื่อมีเรื่องเช่นนี้ ข้าก็อยากจะเจอนัก เด็กนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร”
สีหน้าหนานหว่านเยียนเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงพยักหน้าให้หยุนเหิง “พามาเถอะ ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกแล้วว่าจะหาบ้านดีๆ ให้อาผาน วันนี้ข้ากลับมา ก็ถึงเวลาแล้ว”
นางไม่ได้เจอซาลาเปาน้อยหลายวันแล้ว และไม่รู้ว่าซาลาเปาน้อยคิดถึงนางหรือไม่ กินดีอยู่หรือเปล่า
ไม่กี่วันมานี้ฮูหยินแม่ทัพป่วย เกรงว่าหยุนเหิงไม่มีเวลาดูแลเด็กมากนัก
หยุนเหิงตอบรับทันที ออกไปเด็กมา
กู้โม่หานก็มองหนานหว่านเยียน ด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ไม่นาน หยุนเหิงก็พาแม่นางน้อยที่แต่งกายเป็นเด็กหนุ่มเข้ามา
เพียงเห็นหน้าตาสะสวยของอาผาน แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะแตกต่างจากซาลาเปาน้อยไปบ้าง แต่ดวงตาคู่นั้นกระจ่างใสชัดเจนเฉกเช่นเดียวกัน
นางตามหลังหยุนเหิงอย่างสงบนิ่ง ดวงตากลมโตมองรอบทิศด้วยความประหม่า ราวกับกำลังมองหาอะไรอยู่
นิ้วมือสีชมพูบิดอยู่ที่ชายเสื้อ ใบหน้าเล็กตึงเครียด
นางคิดถึงท่านแม่มากจริงๆ เมื่อครู่นางได้ยินว่าท่านแม่มา ยังดีใจอยู่พักหนึ่ง ปรากฏว่าต่อมาพี่เฟิงยางกับหยุนเหิงเข้ามา พี่เฟิงยางเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นาง ทั้งเอาของบางๆ ปิดหน้านางชั้นหนึ่ง
พี่เฟิงยางบอกนางว่า เสด็จพ่อก็มา อีกเดี๋ยวเจอท่านแม่ ห้ามเรียกว่าท่านแม่เด็ดขาด ต้องเรียกพี่สาว
ทันใดนั้น หัวใจดวงน้อยที่ลิงโลดด้วยความดีอกดีใจของนางก็เต้นรัวอย่างประหม่า เดินตามพี่หยุนเหิงเข้ามา
ซาลาเปาน้อยตื่นเต้นมาก แต่ใบหน้ากลับนิ่งสงบ นางดึงชายเสื้อของหยุนเหิง มองลึกมองเข้าไปในห้อง
ก็สบกับดวงตาที่ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความรักของหนานหว่านเยียนพอดี สายตาซาลาเปาน้อยพลันเป็นประกาย ปล่อยหยุนเหิงแล้ววิ่งไปหาหนานหว่านเยียน “ท่านมะ…”