ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 788 แยกจาก

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 788

หนานหว่านเยียนมองกู้โม่หาน พอรู้ว่าเขาน่าจะเดาอะไรได้แล้ว แต่นางไม่ได้เปิดโปง นางเพียงปล่อยเขาไป ขอเพียงเขาไม่ตั้งใจเป็นปรปักษ์กับนาง เปิดเผยตัวตนของเด็กต่อหน้าทุกคน นางก็ทนเขาได้

แต่มือที่ถูกเขาจูงไว้แน่น ด้วยอากาศแคว้นต้าเซี่ยร้อนมากจริงๆ นางขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ปล่อยได้ไหม ร่างกายคนท้องมันร้อน เจ้าจูงข้าไว้ ข้ารู้สึกอึดอัดมาก”

กู้โม่หานรู้สึกถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือนาง สัมผัสมืออย่างตัดใจไม่ลง แต่ก็ปล่อยมือออก

ซาลาเปาน้อยมองการกระทำระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ก็รู้สึกปรองดองแน่นแฟ้น ค่อยๆ กินถังหูหลูหมดไม้ อย่างมีความสุข

กู้โม่หานเหลือบมองเศษน้ำตาลบนมุมปากเด็กน้อยก็ใช้มือเช็ดออกให้นางอย่างใส่ใจ ทั้งเอ่ยยิ้มๆ แสร้งโกรธว่า “ทำไมไม่ระวังเช่นนี้ กินเลอะหน้าไปหมดแล้ว”

การกระทำของกู้โม่หานนุ่มนวลมาก ซาลาเปาน้อยตกใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าด้วยความงุนงง ดวงตาเปียกชื้นเล็กน้อย

เห็นชัดว่าเสด็จพ่อจำนางไม่ได้ ทั้งดีต่อ “อาผาน” มากขนาดนี้ ดีเหมือนกับนางและพี่สาว

หรือในใจเสด็จพ่อ ขอเพียงเป็นเด็กน้อย ก็จะได้เป็นที่รักใคร่เช่นนี้หรือ

ในใจเด็กน้อยรู้สึกเศร้าจนพูดไม่ออก ทันใดนั้นเบือนหน้าออกไปด้วยความไม่พอใจ เบะปาก แก้มพอง แสดงความไม่พอใจตนเอง “ข้า ข้าไม่ต้องให้ท่านอุ้มแล้ว ข้าเดินเองได้!”

กู้โม่หานฟังคำโกรธเคืองของบุตรสาวอย่างเงียบๆ อดหัวเราะไม่ได้ “ทำไมจู่ๆ ก็อารมณ์เสียเล่า หรือข้าอุ้มแล้วรู้อึดอัดหรือ”

เมื่อได้ยินคำถามน้ำเสียงอ่อนโยนของเสด็จพ่อ ซาลาเปาน้อยยิ่งรู้สึกหดหู่ใจมากขึ้น อดดิ้นแรงขึ้นไม่ได้ “ไม่ ไม่ใช่นะ!”

“ข้าเพียงไม่อยากให้ท่านอุ้มแล้ว ข้าโตแล้ว เดินเอาเองได้ ท่านปล่อยข้าลงนะ!”

นางโกรธแล้ว เสียแรงที่เมื่อครู่นางยังว่าอ้อมกอดของเสด็จพ่ออุ่นใจมาก ที่แท้เป็นคนความรักที่ให้คนอื่น!

ซาลาเปาน้อยยิ่งเอะอะโวยวาย กู้โม่หานก็ยิ่งกอดแน่นไม่ปล่อยมือขึ้น

พริบตาความขัดแย้งของสองคนพ่อลูกก็ดึงดูดความสนใจหนานหว่านเยียน นางขมวดคิ้วเบาๆ เอ่ยปากขึ้นอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ในเมื่ออาผานบอกแล้วไม่อยากให้เจ้าอุ้ม งั้นส่งนางให้ข้าเถอะ”

ซาลาเปาน้อยมองหนานหว่านเยียนด้วยแววตาน่าสงสาร

องครักษ์รอบข้างหลายคนเห็นเข้า ต่างลอบเหงื่อตกอยู่ในใจ

ฝ่าบาทช่างรับมือฮองเฮาเหนียงเหนียงกับองค์หญิงทั้งสองไม่ได้เลยจริง ในใต้หล้านี้ มีเพียงพวกนางสามคนแม่ลูกที่กล้าปฏิเสธฝ่าบาท ทั้งยังถอนตัวออกได้อีก

หนานหว่านเยียนกับซาลาเปาน้อยยิ่งต่อต้านเช่นนี้ กู้โม่หานก็ยิ่งไม่ยอมถอยให้

กลับกัน เขายังอดคิดเองไม่ได้ว่า การทะเลาะเบาะแว้งธรรมดาเช่นนี้ จะทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความสุขและความมั่นคงระหว่างครอบครัวไปช่วงหนึ่ง

นัยน์ตาเขาประกายรอยยิ้มรักใคร่ ตบหลังซาลาเปาน้อยแผ่วเบาแล้วพูดปลอบโยน “บนถนนมีคนมากมายมันวุ่นวาย เจ้าเป็นสตรีตั้งครรภ์ หากอุ้มเด็กอีก จะยิ่งอันตราย”

“ไม่เป็นไร ข้าปลอบนางได้ เจ้าไม่ต้องกังวล”

หนานหว่านเยียนเอ่ยว่า “ข้าไม่อุ้มนาง ข้าจะจูงมือนางเดิน”

เขาเหลือบมองนาง “เจ้าร้อนไม่ใช่หรือ”

หนานหว่านเยียนบื้อใบ้ทันที

ราวกับยกก้อนหินทุบเท้าตนเอง

ซาลาเปาน้อยเห็นหนานหว่านเยียนไม่ได้แย้งแล้ว จึงยิ่งพองแก้มนุ้ยอย่างโกรธเคืองยิ่งขึ้น ไม่แม้แต่จะมองกู้โม่หาน

กู้โม่หานกลับกระซิบข้างหูนางว่า “อาผาน สุขภาพพี่สาวเขาไม่ค่อยสบาย เจ้าเป็นเด็กดี เชื่อฟังหน่อย นะ”

ซาลาเปาน้อยมองหน้าท้องนูนหนานหว่านเยียน เม้มริมฝีปากเล็กน้อยรู้สึกผิดเล็กน้อย

นางก็ไม่โมโหอีก ซบบ่ากู้โม่หานพยักหน้าอย่างบูดบึ้ง “ก็ได้”

แม้เสด็จพ่อจะจำนางไม่ได้ ซึ่งวันที่อบอุ่นเช่นนี้ก็มีไม่มากนัก นางไม่ควรอารมณ์เสีย

หลังปลอบซาลาเปาน้อยได้แล้ว ครอบครัวทั้งสามคนก็เดินไปตามถนนเนิ่นนาน

กู้โม่หานซื้อของน่าสนุกและน่าอร่อยให้ซาลาเปาน้อยมากมาย พูดอย่างสละสลวยว่า “เมื่อถึงบ้านใหม่แล้ว อาผานก็ไม่ขาดของกินของใช้แล้ว” ความจริงเพียงอยากจะดีบุตรสาวหน่อยเท่านั้น

แต่เขาซื้อของทั้งหมดสองชุดมอบให้องครักษ์ไปเก็บแล้ว โดยไม่รู้ตัว ตอนเตรียมกลับจะเอาไปให้เกี๊ยวน้อย

หนานหว่านเยียนลอบมองโดยไม่ส่งเสียงอันใด แล้วมองสายตาพึงพอใจของซาลาเปาน้อย ใจก็อ่อนลงมาไม่น้อย

ในที่สุด ก็เดินเที่ยวบนถนนนานกว่าครึ่งชั่วโมง หนานหว่านเยียนเริ่มเหนื่อย ซาลาเปาน้อยก็สนุกสนาน พอใจแล้ว ความรู้สึกบึ้งตึงในใจบรรเทาลงไปไม่น้อย

นางเล่นตุ๊กตาปั้นดินเผาในมืออย่างมีความสุข ยิ้มกว้างสำราญใจ แต่กลับพบว่าถนนเส้นที่หนานหว่านเยียนพาพวกนางเดินมายิ่งคุ้นขึ้นเรื่อยๆ

ท่านแม่นี่…กำลังพานางไปหาท่านปู่หมิง!

ซาลาเปาน้อยซ่อนความคิด ขณะนั้นเองหนานหว่านเยียนหันกลับไปมองกู้โม่หานพอดี คำพูดท่าทางไม่มีอะไรผิดปกติ “ถึงเวลาแล้ว ควรพาอาผานไปหาคนรับเลี้ยงได้แล้ว”

“ฝ่าบาทเสด็จเดินข้างนอกตั้งนาน ทั้งยังอุ้มเด็กไว้ น่าจะเหนื่อยกระมัง กลับไปขึ้นรถม้าพักผ่อนดีไหมเพคะ”

หากเป็นไปได้ ทางไปบ้านท่านน้า นางก็ไม่อยากให้กู้โม่หานรู้

กู้โม่หานรู้ความคิดในใจของหนานหว่านเยียน ยิ่งเข้าใจคนรับเลี้ยงที่นางเอ่ยถึง ก็คือโม่หวิ่นหมิง

แต่เขาไม่ได้พูดเปิดโปงออกมา มองนางด้วยนัยน์ตาสวยงามยิ้มแย้ม “ไม่เหนื่อย รีบไปเถอะ”

เฟิงยางด้านข้างเห็นดังนี้ หน้าตาพลันอึมครึม เอนเข้าไปข้างกายหนานหว่านเยียนกระซิบอะไรบางอย่าง

สองคนนายบ่าวเข้าใจกัน จากนั้นก็คิดหาวิธีสลัดกู้โม่หานออกไป

หนานหว่านเยียนจงใจเร่งฝีเท้าก่อน เดินผ่านฝูงชนที่พลุกพล่าน จากนั้นก็ให้เฟิงยางจงใจชี้ไปสักที่เบี่ยงเบนความสนใจของกู้โม่หาน

แต่สายตาของชายหนุ่มราวกับติดอยู่กับร่างหนานหว่านเยียน ไปขยับไปไหนเลยแม้แต่น้อย

ไม่ว่านางจะเดินไวเพียงใด กู้โม่หานก็มักจะตามมาทันได้ทุกที

หนานหว่านเยียนหอบหายใจเหนื่อยลอบด่าทอในใจ กู้โม่หานยังโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างสดใสให้นาง “เดินไวขนาดนี้ เหนื่อยหรือไม่”

“ไม่งั้นเจ้าบอกที่อยู่มา ข้าจะให้พวกองครักษ์ขับรถไป”

หนานหว่านเยียนพยายามทุกวิถีทางเพื่อสลัดเขาทิ้ง แต่มันไม่ง่ายเลย

นางจ้องมองกู้โม่หานกัดฟันอย่างเกลียดชัง “ไม่ต้องแล้ว อยู่ข้างหน้านี่แหละ”

นางไม่มีทางเลือกจริง กู้โม่หานอยากตามก็ตามมาเถอะ กลับกันตอนนี้ เขาน่าจะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

เมื่อคิดเช่นนี้ หนานหว่านเยียนได้แต่พากู้โม่หานกับซาลาเปาน้อยไปที่โรงน้ำชาที่โม่หวิ่นหมิงอยู่ พร้อมกับโม่หวิ่นหมิง

กู้โม่หานหยุดอยู่หน้าโรงน้ำชา เงยหน้ามองอักษร “หอย่างหมิง” ที่แข็งแกร่งและทรงพลังบนแผ่นป้าย รู้สึกแปลกๆ ในใจโดยไม่มีเหตุผล

เขาก้าวเท้า เดินตามหนานหว่านเยียนเข้าไปในโรงน้ำชา

ซาลาเปาน้อยอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างสงบนิ่ง แต่ในใจกลับรู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อย

เดี๋ยวเดียว ก็ต้องแยกจากกับท่านแม่และเสด็จพ่อแล้วรึ

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท