ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 793 ไอ้เลวกู้โม่หาน

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 793

เอ่ยถึงตรงนี้ บ่าวรับใช้ตระหนักได้ถึงความผิดหวังของตนเอง ก็รีบแก้คำพูดทันควันว่า “ยิ่งไปกว่านั้นท่านเองก็สละชีวิตของตนเองมาทิ้งไว้ที่แคว้นซีเหย่แล้ว ดูแลองค์จักรพรรดินีมาสิบกว่าปี ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่ควรเป็นกู้โม่หานคนนั้นที่จะได้ยืนเคียงข้างองค์จักรพรรดินี…”

“ซวี่มู่ หุบปาก!” นัยน์ตาอ่อนโยนดุจธาราของโม่หวิ่นหมิงพลันเปลี่ยนเป็นความอำมหิตโหดร้ายทันใด ราวกับลูกธนูที่พุ่งเข้าใส่ซวี่มู่

เสียงของเขาเด็ดขาดน่าเกรงขาม ซวี่มู่ไม่กล้าพูดจาส่งเดชอีกต่อไป ได้แต่ก้มหน้างุดยืนด้วยความสั่นกลัว “บ่าวพลั้งปาก! นายท่านโปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วย!”

โม่หวิ่นหมิงทอดสายตามองออกไปด้วยสีหน้าเยียบเย็น ทั้งน้ำเสียงที่เอ่ยยังเคร่งขรึมน่าขนลุก “ลงโทษโบยตนเองสิบครั้งเสีย เจ้าจะได้จำเป็นบทเรียน”

“แล้วก็จำใส่หัวไว้ให้ดี ปกป้องจวิ้นจู่คือภาระที่แลกด้วยชีวิตของข้า และเป็นหน้าที่ของข้าที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ข้าไม่เคยต้องการให้นางตอบแทนอะไรข้า และมิได้จะเรียกร้องขอให้นางมีความรู้สึกอื่นใดต่อข้า”

“ออกไปเถิด”

ซวี่มู่มองโม่หวิ่นหมิงปราดหนึ่ง ก่อนจะเม้มปากและเอ่ยรับคำ “ขอรับ”

เขาหมุนตัวก็ล่าถอยออกไปจากห้อง จากนั้นก็วิ่งออกไปลงโทษตนเอง

ภายในห้องพลันเงียบสงัดลงในทันใด โม่หวิ่นหมิงเอนกายพิงกำแพงอย่างอ่อนแรง สีหน้าหมองหม่นอิดโรยอย่างบอกไม่ถูก

เขาชมชอบหนานหว่านเยียนด้วยหัวใจ เมื่อครู่เอ่ยถึงเรื่องกลับต้าเซี่ยขึ้นมา เขาเองยังอดไม่ไหววาดความฝันจินตนาการไว้ ถึงวันที่ได้อยู่กับนางในแคว้นต้าเซี่ย เหตุนี้ถึงได้ข่มอารมณ์ไม่อยู่ให้คำสัตย์ว่าจะดูแลปกป้องออกไปเช่นนั้น

ทว่าเขาไม่เคยมุ่งมาดปรารถนาให้นางตอบแทนอะไรเขา เขาเพียงต้องการให้นางมีความสุข และให้พวกเด็กๆ ร่าเริงเปรมปรีดิ์เท่านั้น

หรือ เว้นแต่นางจะยินยอมด้วยตนเอง มิเช่นนั้นแม้ต้องอยู่เคียงกายปกป้องดูแลนางโดยไม่มีสถานะใดไปตลอดชีวิตเช่นนี้ เขาก็เต็มใจทำมัน…

อีกทางหนึ่ง รถม้ากำลังเคลื่อนโคลงเคลงไปมาตามถนน ไม่ต่างจากจิตใจของหนานหว่านเยียนในยามนี้ สั่นไหวขึ้นลงราวกับเกลียวคลื่นในมหาสมุทร

นางใช้แขนพิงขอบหน้าต่างรถม้าไว้ นัยน์ตาสว่างวูบไหวคู่นั้นจ้องมองแมกไม้ริมทางที่ผันเปลี่ยนเรื่อยไปนอกหน้าต่าง จิตใจว้าวุ่นซับซ้อนเป็นที่สุด

กู้โม่หานจ้องหนานหว่านเยียนตาเขม็ง ไม่ละสายตาไปที่ใดแม้เพียงเสี้ยวขณะเดียว

เมื่อครู่ที่หอย่างหมิง ตอนที่หนานหว่านเยียนขึ้นไปชั้นสองลำพัง ในใจเขากระสับกระส่ายกระวนกระวายหาใดเปรียบ

ราวกับเมื่อสองเดือนก่อนหน้า ตอนที่หนานหว่านเยียนหายตัวไปในทะเลเพลิงครานั้น นางคล้ายกับพร้อมจากไปได้ตลอดเวลา เขาไม่อาจไขว่คว้านางไว้ได้ และไม่อาจเรียกร้องให้นางอยู่ได้เลย

ไม่เคยมีผู้ใดทำให้เขารู้สึกพะว้าพะวังกลัวว่าจะสูญเสียในสิ่งที่ได้มามากเท่านี้มาก่อน ราวกับว่าเขาไม่เป็นตัวเองอีกต่อไป…

ในที่สุด รถม้าก็จอดอย่างมั่นคงในรั้ววังหลวง

กู้โม่หานแง้มหน้าม่านประตูรถม้าก้าวเท้าลงไปก่อน เขาเหลือบสายตามองไปยังคนในรถม้า ดวงหน้าหล่อเหลาขาวสะอาดนั้นเจือด้วยความอบอุ่นอยู่ไม่น้อย ยื่นมือไปทางหนานหว่านเยียนอย่างแช่มช้า “ลงรถระมัดระวัง ข้าช่วยประคองเจ้าเอง”

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว กระนั้นก็มิได้ยื่นมือตอบกลับไป หมายจะเลี่ยงกู้โม่หาน ลงจากรถม้าอีกด้านหนึ่งแทน

เห็นเช่นนั้น กู้โม่หานพลันเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะคว้าเอวของหนานหว่านเยียนไว้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว ไม่รอให้นางทันตอบสนอง เขาก็อุ้มนางลงจากรถม้าแล้วเรียบร้อย

“เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ควรจะระมัดระวังรอบคอบกว่านี้ทุกด้าน”

เรี่ยวแรงของเขาทรงพลังและมั่นคง แต่เพราะหนานหว่านเยียนสะดุ้งโหยงตกใจเพราะท่าทีของเขา ปกป้องครรภ์ของตนเองไว้ด้วยสัญชาตญาณ กระทั่งหยัดยืนอย่างมั่นคงแล้ว นางก็ถลึงตามองเขาทันใดสะบัดมือของเขาออก ก็เดินมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยตนเอง

เฟิงยางกวาดสายตามองกู้โม่หานปราดหนึ่ง ก่อนจะรีบเดินตามไปทันที

ยังคงยืนอยู่ที่เดิม กู้โม่หานทอดสายตามองเงาแผ่นหลังของหนานหว่านเยียน นัยน์ตาลุ่มลึกลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามหลังนางไปอย่างไม่เร่งรีบและไม่ช้าเกินควร

ของที่เขาฝากองครักษ์ไปซื้อมาจากตลาด ตั้งใจว่าจะกลับตำหนักหยูซินพร้อมหนานหว่านเยียน เพื่อมอบมันให้เกี๊ยวน้อยด้วยมือตนเอง หวังจะให้เป็นของขวัญขอโทษบุตรีของตนเองด้วย

ทว่าเพิ่งสืบเท้าเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว เงาร่างที่แสนคุ้นตาก็ย่ำเท้าสวบๆ มุ่งหน้ามายังพวกเขา

“ข้าน้อยถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฮองเฮาเหนียงเหนียง”

นับแต่เสิ่นอี่ว์ได้รับการลงโทษสั่งสอน พักฟื้นรักษาตัวทั้งสิ้นสองวัน บาดแผลบนร่างกายยามนี้ใกล้หายเป็นปกติแล้ว วันนี้ฟังว่ากู้โม่หานและหนานหว่านเยียนเดินทางออกจากวังหลวง ก็คอยอยู่ที่นี่มาคลอด เพราะมีเรื่องจำเป็นต้องเข้าพบกู้โม่หานเพื่อหารือ

สายตาของหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานต่างทอดมองเสิ่นอี่ว์ กู้โม่หานขมวดคิ้วแน่น “มีเรื่องใดถึงได้ดูร้อนรนเพียงนี้?”

เสิ่นอี่ว์มองหนานหว่านเยียนปราดหนึ่ง เขารู้สึกราวกับมาไม่ถูกเวลา ทว่าธุระนี้ก็สำคัญและเร่งด่วนเอาการ เขาไร้ทางเลือก ก็ได้แต่ก้มศีรษะตอบไปว่า “ฝ่าบาท…กระหม่อมมีเรื่องเร่งด่วนทูลต่อท่าน”

หัวคิ้วเรียวงามของกู้โม่หานพลันขมวดเล็กน้อย ก่อนจะยื่นถังหูหลูในมือคืนให้องครักษ์เคียงกาย “ตามฮองเฮากลับไป และจงนำถังหูหลูนี้ไปมอบให้อานผิงกงจู่ถึงมือ”

“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์กลุ่ม นั้นรับคำสั่งอย่างนอบน้อม ในใจทราบดี หลังจากนี้ตอนที่เข้าเฝ้าองค์หญิงใหญ่ พวกเขาต้องสรรเสริญเยินยอฝ่าบาทอย่างดี เพื่อคลายโทสะให้องค์หญิงใหญ่

หนานหว่านเยียนเห็นเสิ่นอี่ว์มาเพื่อเข้าเฝ้ากู้โม่หานแล้ว ก็มิได้สนใจอะไร หมุนตัวเตรียมเดินจากไป ทว่าจังหวะนั้นกลับมีแรงหนึ่งพลันรั้งเอวของนางไว้ แขนแกร่งข้างหนึ่งโอบเอวของนางไว้จากด้านหลัง

หนานหว่านเยียนมิได้สะบัดตัวหนี ถึงอย่างไรบริเวณนี้ก็มีคนอยู่ไม่น้อย ขืนดิ้นหนีก็มีแต่จะสร้างความวุ่นวายไม่น่ามองเท่านั้น แต่กระนั้นก็มิได้หมายความว่าความสัมพันธ์ของนางกับเขาจะยังคงดีเหมือนเก่าแล้ว

นางเงยหน้ามองเขา แววตานั้นเหลืออดเล็กน้อย “ท่านมีธุระใดอีก?”

กู้โม่หานกลับมิได้มีท่าทีไม่สบอารมณ์แต่อย่างใด เขาโอบเอวของนางไว้ พลางหลุบสายตาลง แววตานั้นกวาดมองบนหน้าท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยของนาง

“วันนี้เจ้าเองก็เหนื่อยมามากพอแล้ว กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่เถิด หากว่าเกี๊ยวน้อยรบกวนเจ้า ก็ให้พวกเซียงอวี้ไปเล่นกับนาง”

สิ้นเสียง เขาพลันก้มศีรษะลงไปประชิดหนานหว่านเยียนมากขึ้น จนดวงหน้าแทบแนบชิดกับอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “สำรับเย็นนี้อยากกินอะไร อยากดื่มน้ำแกงอะไร?”

“ขอเพียงสั่งมา ข้าจะได้ให้ ‘คนผู้นั้น’ ตระเตรียมให้”

เพราะเขาประชิดเข้ามามากเกินไป ลมหายใจร้อนแรงแผดเผาโอบล้อมรอบกายของนางไว้ หนานหว่านเยียนคิดจะถอยหลังหนี ทว่าเอวของนางกลับถูกเขาโอบรัดแน่น นางกวาดสายตามองผู้คนรอบข้างอย่างประหม่า ทั้งบรรดาองครักษ์รวมไปถึงเสิ่นอี่ว์ด้วย ทุกคนต่างเบนสายตาเลี่ยงมองไปทางอื่น มิบังอาจจ้องมองพวกเขาสองคน

หนานหว่านเยียนยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วน มือดันหน้าอกของเขาไว้ ใช้แรงผลักเขาออก พลางตำหนิด้วยเสียงเบา

“พอได้แล้ว เสิ่นอี่ว์ยังอยู่ที่นี่ ข้าต้องการอะไรตัวข้าจัดการเองได้ ท่านรีบออกไปได้แล้ว!”

เขาเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร เสิ่นอี่ว์เพิ่งพูดว่ามีเรื่องร้อนใจต้องการหารือกับเขา ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เขากลับถามว่านางอยากกินอะไร

นัยน์ตาของกู้โม่หานฉายประกายอาลัยอาวรณ์อย่างยิ่ง “ข้าไปแล้ว ท่านกลับไปพักผ่อนให้เต็มที่เถิด”

สิ้นเสียง เขาพลันค้อมกายลง จุมพิตบนริมฝีปากแดงก่ำของนางไปอย่างเต็มรัก ขณะเดียวกันก็ปล่อยมือออก ครั้นถอนจูบแล้ว ก็หมุนตัวสืบเท้ายาวจากไปทันที

เสิ่นอี่ว์เห็นเช่นนั้นก็เลิกคิ้วสุดแรง จากนั้นก็ก้มศีรษะเดินตามกู้โม่หานออกไปจากบริเวณนั้นด้วยความรวดเร็ว

มีเพียงหนานหว่านเยียนที่กัดริมฝีปากยืนอยู่ที่เดิม แววตาคู่นั้นเต็มด้วยความเขินอาย!

กู้โม่หานหน้าไม่อาย แต่นางยังมียางอายอยู่นะ มาจุมพิตนางต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนั้น

“เจ้านี่มันบ้าไปแล้วจริงๆ!”

หนานหว่านเยียนด่าเขาไล่หลังไปหนึ่งประโยค ก่อนจะข่มอารมณ์ตนเองให้สุขุมลง เห็นเฟิงยางและบ่าวรับใช้คนอื่นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา ก็เอ่ยกับองครักษ์คนหนึ่งที่แอบยิ้มอยู่ในความเงียบงันว่า “กลับไปได้แล้ว”

เฟิงยางแม้หัวคิ้วขมวดแน่น ทว่าใบหน้ากลับระเรื่อสีแดงไปจนถึงใบหู ฮ่องเต้ซีเหย่พระองค์นี้ไร้ยางอายจริงๆ แค่โอบแค่กอดไม่พอ มิหนำซ้ำ ยังกล้า ยังกะลิ้มกะเหลี่ยจวิ้นจู่ด้วย!

ขณะที่กลุ่มคนเหล่านี้กำลังมุ่งหน้าไปยังตำหนักหยูซิน เบื้องหน้ากลับเห็นหลี่หมัวมัวเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเบิกบานยิ่งนัก

สีหน้าของเฟิงยางพลันหมองหม่นลงทันใด ก่อนจะปลีกตัวหลบไปด้านหลังของหนานหว่านเยียนอย่างเงียบเชียบ

หนานหว่านเยียนกลับส่งสายตาบอกให้นางไม่ต้องประหม่า ก่อนจะมองไปยังหลี่หมัวมัว ก็เป็นฝ่ายชิงเอ่ยปากไปก่อนว่า “หลี่หมัวมัว เจ้ามาที่นี่มีธุระอะไรหรือ?”

หลี่หมัวมัวมองหนานหว่านเยียน ก่อนจะรีบร้อนถอนสายบัวคารวะอย่างนอบน้อมทันใด

“บ่าวถวายบังคมฮองเฮาเหนียงเหนียง เหนียงเหนียง ไทฮองไทเฮาบัดนี้รอคอยท่านอยู่นานแล้วเพคะ…”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท