ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 796
“เซียงอวี้และเซียงเหลียนเป็นสาวใช้เคียงกายเจ้า พวกนางไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ และไม่มีทางเก็บสัมภาระย้ายออกจากวังหลวงได้เด็ดขาด…”
บุรุษเหลืออดเกินทน เสียงทุ้มต่ำในลำคอ ดังชัดเจนอยู่ภายในห้องที่เงียบสงัดนี้
กู้โม่หาน
เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?!
หนานหว่านเยียนสะดุ้งโหยงทันที หันหน้าขวับกลับมาถลึงตา ทว่าจังหวะนั้นปลายจมูกกลับสัมผัสดวงหน้าหล่อเหลาดั่งหยกประดับกวานของกู้โม่หานอย่างแผ่วเบา นั่นทำให้นางยิ่งตระหนกตกใจ
นางรีบชักขาทั้งสองซ่อนในน้ำทันใด ปกปิดเรือนร่างของตนเองไว้ ก่อนจะถลึงตาจ้องเขาที่ยังคงนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ท่านเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดกัน?!”
อย่าบอกเชียวว่า ตั้งแต่ต้น เป็นกู้โม่หานที่คอยบีบนวดไหล่ให้นางอยู่ด้านหลังมาตลอด?!
กู้โม่หานหลุบสายตาลงจ้องมองหนานหว่านเยียนด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แววตานั้นสุกสกาวแวววาวจนมิอาจต้านทาน น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นเต็มด้วยอารมณ์ยั่วเย้า “ที่ควรได้เห็นก็เคยได้เห็นหมดแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องเขินอายเพียงนี้แล้ว”
เขาอยู่กับนางตั้งแต่แรกอย่างนั้นหรือ!
หนานหว่านเยียนจ้องมองเขาด้วยแววตาวาวโรจน์ “ที่ข้าเรียกคือเซียงอวี้ ไม่ใช่ท่าน! อีกอย่างท่านเป็นถึงฝ่าบาทจะมาใช้แรงงานอาบนวดเช่นนี้ได้ที่ไหนกัน! ท่าน ท่านรีบออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เขาน่าจะเห็นทั้งหมด มิหนำซ้ำยังน่าจะได้ยินสิ่งที่นางพูดทั้งหมดแล้ว ร้ายแรงกว่านั้นเมื่อครู่นางเพิ่งจะเอ่ยปากชมเขาว่าฝีมืออาบนวดวิเศษใช่เล่นด้วย!
บรรลัยแล้ว!
ทว่ากู้โม่หานกลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ ปรายสายตาลงมาประเมินหนานหว่านเยียน นัยน์ตาคู่นั้นร้อนแรงเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูด
เขาพลันยื่นมือออกไป หนานหว่านเยียนสะดุ้งถอยหลังไปทันควันด้วยความตกใจ จ้องมองเขาอย่างระวัง “ท่านคิดจะทำอะไร?”
กู้โม่หานหรี่ตาลง นิ้วเรียวยาวเกลี่ยเส้นผมของหนานหว่านเยียนที่เปียกน้ำ ก่อนจะทัดไว้หลังใบหูของนางอย่างแผ่วเบา
“อย่าเอาแต่ใช้สายตาระแวงภัยมองข้า มิเช่นนั้นหากข้ามิได้ต้องการทำอะไรเจ้า คงรู้สึกผิดต่อความคาดหวังของเจ้าแล้ว เจ้าเองก็น่าจะทราบ ที่ข้ามาปรากฏตัวที่นี่ ก็เพื่อทำบางอย่างได้สะดวกขึ้นหน่อยก็เท่านั้น”
ได้ยินกู้โม่หานเอ่ยวาจาไร้ยางอายเช่นนี้อย่างคล่องปาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศในนี้ร้อนอบอ้าวหรือเพราะอะไรกันแน่ ดวงหน้าของหนานหว่านเยียนพลันแดงก่ำขึ้นมาทันใด
นางดึงหน้า พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หากท่านยังพูดมากอีก ข้าจะ…”
“จะอะไร?” กู้โม่หานพลันพุ่งเข้ามาบีบกรามของหนานหว่านเยียนอย่างตั้งใจ นัยน์ตาสวยงามเย็นเยียบไร้ความอ่อนโยนหรี่ลง เผยความฉงน “จะไล่ข้าออกไป เหมือนกับที่เจ้าคิดจะไล่พวกเซียงอวี้อย่างนั้นหรือ?”
หนานหว่านเยียนประหวั่นพรั่นพรึงในใจ กลัวว่าเขาจะคาดเดาความคิดที่นางจะไปจากที่แห่งนี้ได้ หากถึงยามนั้นสถานการณ์อาจเปลี่ยนไปจนยากควบคุม
“หรือท่านจะเป็นพวกชอบสอดรู้แอบฟังผู้อื่นคุยกัน?”
สายตาของกู้โม่หานกวาดมองลำคอระหงเนียนขาวของนาง ไล้ลงไปกระดูกไหปลาร้างามได้รูป เรื่อยลงไปทีละน้อย แววตาคู่นั้นยิ่งมืดมิดลง เงียบสงัดลุ่มลึก
“เจ้าเป็นคนพูดออกมาเอง ข้าก็เพียงรับฟังอย่างตรงไปตรงมา เพียงแต่ พวกนางสองคนทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรือ? เหตุใดเจ้าถึงอยากให้พวกนางออกไปกะทันหันเช่นนี้?”
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เซียงอวี้เซียงเหลียนคอยรับใช้เคียงกายหนานหว่านเยียนมานานเพียงนี้แล้ว นางควรจะมีความผูกพันลึกซึ้งกับพวกนาง ไม่มีทางจะพูดจาส่งเดชไร้เหตุผลเช่นนี้
หัวใจของหนานหว่านเยียนบีบแน่น ก่อนจะปัดมือของกู้โม่หานออก และอ้างเหตุผลขอไปทีเพื่อเลี่ยงประเด็นนี้ไป
“ข้าไม่ทราบว่าพวกนางไปจากวังหลวงไม่ได้ คิดเพียงว่าถึงเวลาสมควรแล้ว พวกนางควรจะได้เก็บสัมภาระกลับบ้านเกิดเท่านั้น”
“อีกอย่างข้ารู้สึกว่าในตำหนักลึกแห่งนี้อึดอัดอุดอู้เกินไป มองไปไม่เห็นแสงสว่างของวันข้างหน้า ที่สำคัญยุคทองของดรุณีล้วนอยู่ในช่วงวัยนี้ทั้งนั้น เซียงอวี้เซียงเหลียนดูแลปรนนิบัติข้าอย่างเต็มที่และสมบูรณ์แบบมาตลอด ข้าแค่อยากให้นางได้มีโอกาส ได้กลับบ้านเกิดไปพบครอบครัว และออกเรือนสมรสในเร็ววันก็เท่านั้น”
กู้โม่หานจ้องเขม็งมองหนานหว่านเยียนด้วยสายตาลุ่มลึก คิ้วเรียวรูปดาบคมเข้มขมวดขึ้นเล็กน้อย มองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“พวกนางไม่มีบุพการีแล้ว ไม่จำเป็นต้องกลับบ้านเกิดเมืองนอน ทว่าตราบใดที่เจ้าออกคำสั่ง อยากให้พวกนางออกเรือนสมรสในเร็ววัน ข้าสามารถช่วยเหลือพวกนาง จัดหาคู่ครองที่เหมาะสมให้ได้”
หนานหว่านเยียนอบอุ่นและอ่อนโยนกับทุกคนเสมอ คิดถึงแม้กระทั่งอนาคตของสาวใช้ในเคียงกาย แต่กับเขา นางคล้ายว่าไม่เคยแยแสเลยแม้แต่น้อย…
เซียงอวี้ชมชอบอวี๋เฟิง ส่วนเซียงเหลียนนางไม่มั่นใจนัก หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว ความจริงก็ไม่กล้าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นมากนัก เมื่อครู่ที่นางถามออกไปก็เพราะต้องการหยั่งเชิงดูความคิดของเซียงอวี้เท่านั้นเอง
“ท่านอย่าปัดภาระหน้าที่นี้ให้ข้เลย ข้าก็แค่พูดส่งเดชออกไปเท่านั้น เพียงแต่ จากนี้ไปหากถึงเวลาที่พวกนางปรารถนาจะออกเรือนสมรสกับคนที่พวกนางชมชอบแล้ว ข้าก็ไม่อยากให้ท่านกีดกันพวกนาง ข้าอาบน้ำเสร็จแล้ว จะผลัดอาภรณ์ เจ้ารีบออกไปเสียที!”
ขืนแช่ต่อไปแบบนี้ นางได้ตัวบวมน้ำแน่
สองมือของกู้โม่หานยันขอบอ่างไม้ไว้ กระตุกมุมปากพลางจ้องมองนาง “ข้าไปก็ได้ แต่เจ้าควรจะทำอะไรตอบแทนข้าสักหน่อยหรือเปล่า?”
“ทำอะไร?”
“เมื่อครู่ข้าเพิ่งจะใช้แรงงานไปน่าดู เจ้าเองยังเอ่ยปากชมว่าข้ามีฝีมือไม่เลว ยามนี้ เจ้าควรจะตกรางวัลให้ข้ามิใช่หรือ?”
หนานหว่านเยียนพลันหัวเราะดูแคลนออกมาทันใด “ตัวท่านไม่ขาดทรัพย์สินความมั่งคั่งรุ่งเรือง ข้างกายไม่ขาดบ่าวไพร่บริวาร ข้ายังมอบสิ่งใดให้ท่านได้อีก?”
กู้โม่หานคล้ายกับเอ่ยขึ้นลอย ๆ “สิ่งที่ข้าอยากได้ เจ้าสามารถมอบให้ข้าได้”
นางคล้ายกับเข้าใจบางอย่าง ทันใดนั้นหัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมา ทว่าเขากลับเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำขึ้นว่า “หว่านเยียน จุมพิตข้าหนึ่งครั้ง จุมพิตแล้วข้าจะไป”
สิ้นเสียง เขาพลันโน้มศีรษะลงมา ประชิดใบหน้าของนาง เพื่อให้นางได้ทำตามคำขอของเขาได้สะดวกขึ้น
หนานหว่านเยียนผงะไป “อะไร?”
เขาอยากให้นางจุมพิตเขา?!
นางจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ “กู้โม่หาน คิดว่าท่านกำลังฝันหวานอยู่หรืออย่างไร ไม่มีทาง…อุ๊บ!”
ยังไม่ทันสิ้นวาจาของนาง กู้โม่หานพลันจับท้ายทอยระหงของนางไว้ ก่อนจะออกแรง เน้นหนัก กดริมฝีปากที่ปรารถนาจะได้จุมพิตอย่างยิ่งยวดมานานของเขาลงไปอย่างรุนแรง…