ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 799 หยดหมึกสีดำเข้ม

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 799

สิ้นเสียงนั้น หนานหว่านเยียนพลันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ

กู้โม่หานกล้าเอ่ยวาจาไร้ยางอายเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร?!

นางขุ่นแค้น ยิ่งไปว่านั้นคือโมโห สะบัดมือเขาออกสุดแรง ก่อนจะคว้าสายรัดเอวของตนเองกลับมาและจับไว้อย่างแน่นหนา พร้อมกัดฟันกรอดพลางเอ่ยตอบกลับไปว่า “กู้โม่หาน! เจ้าไม่เหลือยางอายแล้วหรืออย่างไร? ใครอนุญาตให้เจ้าร่วมหอกับข้า!”

พิจารณาสภาพความสัมพันธ์ของพวกเขาในยามนี้ก่อนเถิด เขายังมีหน้ามาขอความรักจากนางอีกหรือ กู้โม่หานเจ้าสติวิปลาสไปแล้วหรืออย่างไร

กู้โม่หานพลันเลิกคิ้วขึ้น ริมฝีปากบางเปื้อนรอยยิ้มลึกซึ้งตราตรึงใจไว้ “ต่อหน้าเจ้า ตัวข้าจำเป็นต้องมีความละอายด้วยหรือ?”

ความรู้สึกไม่ปลอดภัยยิ่งรุนแรงขึ้นทบทวี หนานหว่านเยียนคิดจะพลิกกายหลบหนี

ทว่าเขากลับอ่านการเคลื่อนไหวของนางขาด ชิงโอบเอวนางไว้ก่อน จากนั้นก็จัดการกดจุดของนางอย่างคล่องแคล่วชัดเจน

“เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ข้าก็แค่อยากให้เจ้ามีความสุข ไม่อยากให้เจ้าอารมณ์ฉุนเฉียวก็เท่านั้นเอง”

ทันใดนั้น หนานหว่านเยียนไม่อาจขยับตัวได้อีกต่อไป โกรธกรุ่นจนคันเขี้ยว

นางคับแค้นใจนักที่กู้โม่หานรู้จักกดจุด คราก่อนก็เป็นเช่นนี้มาหนหนึ่งแล้ว นางหลบเท่าใดก็ไม่พ้น จะโต้ตอบก็ไม่อาจเป็นไปได้ เพราะเหตุผลเหล่านี้ถึงได้ทำให้นางตั้งครรภ์

และหนนี้ กู้โม่หานกำลังจะใช้ลูกไม้เดิมอีกครั้งหนึ่งแล้ว นางสงสัยจริงๆ เมื่อก่อนที่นางเคยใช้กระทะฟาดเขาครั้งนั้น แท้จริงแล้วใช่เพราะเขาจงใจให้นางฟาดหรือเปล่า มิเช่นนั้นในยามที่นางสมควรตีเขาจริง ๆ เหตุใดถึงไม่มีโอกาสนั้นเลยสักครั้ง!

“กู้โม่หานเจ้าโง่สมองน้อย หากเจ้ากล้าทำอะไรข้าจริง ๆ ข้าจะโกรธเกลียดเจ้า นับจากนี้ไป เจ้ากับข้าอุ๊บ…”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง กู้โม่หานพลันขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะใช้จูบผนึกริมฝีปากนั้นไว้

เขาไม่อยากได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นจากนาง และไม่มีความจำเป็นต้องฟังด้วย

เขามองออก ว่านางเองก็มีอารมณ์ ในเมื่อมีอารมณ์แล้ว เป็นธรรมดาที่เขาต้องตอบสนองต่อไป กู้โม่เฟิงพูดถูก ทำให้นางสุขสมบนเตียง นางจะได้ดีกับเขาบ้าง

“หว่านเยียน…” เขาครางชื่อของนางออกมาอย่างลืมตัว บำเรอนาง จ้องมองนางอย่างลุ่มหลงมิรู้สร่าง

“หว่านเยียน ข้ารักเจ้า”

“กู้โม่หาน เจ้ามันเดรัจฉาน!”

“จากนี้ ข้าจะรักเจ้าทะนุถนอมเจ้าให้มากขึ้น”

“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้…เจ้าสติวิปลาสไปแล้วหรือ!”

“ข้าจะยึดหลักสี่คุณธรรมสามคล้อยตาม รักเจ้า และรักบุตรของเจ้าด้วย…”

“…”

บัดนี้นางไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว เขายังขืนใจให้นางจูบตอบเขา ซ้ำร้ายยังหายใจรวยริน แม้กระทั่งเรี่ยวแรงจะลืมตามองเขาก็หมดลงอย่างสิ้นเชิง

ทว่าสายตาของกู้โม่หานที่จ้องเขม็งนางตั้งแต่ต้นจนถึงยามนี้กลับลุ่มลึกราวมหาสมุทร เขารักนาง ไม่ปรารถนาให้นางทำหมางเมินเหมือนเขาเป็นคนไกลเช่นนี้ เขาไม่อยากเป็นเหมือนอย่างวันนี้ ไม่อยากถูกนางทอดทิ้งไว้ริมทาง เฝ้ามองนางที่สนใจแต่ยิ้มแย้มร่าเริงกับบุรุษอื่นยกเว้นเขา

เขาคิด ก็ปรารถนาจะแต้มหมึกสีดำไว้ในใจนางอย่างยิ่งยวด ปรารถนาจะให้นางจดจำเขาไว้ตลอดไป ไม่ว่าจะร้ายหรือดีก็ตาม…

คืนนี้ แสงจันทร์นวลกระจ่างทอดผ่านม่านตาข่ายบางเลือนรางเข้ามาในตำหนักบรรทม

สองคนเกี่ยวกระหวัดพลอดรักคลอเคลียอย่างลึกซึ้งกันไม่รู้ว่าเนิ่นนานเพียงใด หนานหว่านเยียนตัวเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ ทิ้งกายอย่างคนหมดเรี่ยวแรงในอ้อมอกอบอุ่นและแข็งแรงของบุรุษ จากนั้นก็ผล็อยหลับไป

กู้โม่หานกระตุกมุมปากอย่างพึงพอใจ กระชับเจ้าหยกรัญจวนนวลหอมเข้าสู่อ้อมกอด พลางไล้ปลายนิ้วบนดวงหน้าที่นิ่งสงบของหนานหว่านเยียนอย่างแผ่วเบา

ในแววตาของเขา เก็บซ่อนความสุขและความดีใจที่ไม่เคยมีมาก่อนไว้ ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราร่วมกันกับนาง

ในห้วงความฝัน เขาพลันมองเห็นการมาถึงของชีวิตใหม่ที่ตนเองและหนานหว่านเยียนกำลังต้อนรับมันอยู่ด้วยกัน แม้จะเห็นเพียงเลือนราง แต่กระนั้นก็คล้ายจะได้ยินเสียงของพวกหมัวมัวส่งเสียงลือกันว่า นั่นคือพระโอรสสองพระองค์

เหล่าทารกน้อยกำลังขดตัวเป็นก้อนอยู่ในอ้อมแขนของเขาและหนานหว่านเยียน แยกเขี้ยวยิงฟันท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุด

ส่วนเจ้าซาลาเปาน้อยและเกี๊ยวน้อย ก็กำลังยิ้มแย้มหยอกล้อน้องชายอย่างร่าเริงมีความสุขอยู่ข้างกาย หนึ่งครอบครัวสุขสันต์ไม่รู้หน่าย…

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น นกกระจิบนกกระจอกที่อยู่นอกตำหนักหยูซินกำลังส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว เคล้ากับเสียงร้องของจักจั่นที่น่ารำคาญ

หนานหว่านเยียนเลื่อนมือขึ้นกุมศีรษะที่กำลังออกอาการวิงเวียนไว้พลางลืมตาขึ้นอย่างแช่มช้า ทั่วกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เจ็บปวดราวกับถูกจับแยกชิ้นส่วนออกกระจัดกระจาย

“ซี๊ดด…”

นางวิงเวียนศีรษะรุนแรง เพิ่งหยัดกายขึ้นมานั่งบนเตียง ข้างใบหูพลันมีเสียงนุ่มนวลและเจือด้วยความเป็นห่วงดังขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว “เป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

หนานหว่านเยียนตัวแข็งทื่อไปทันใด ภาพกิเลสราคะแต่ละฉากที่เกิดขึ้นเมื่อคืนพลันโถมเข้ามาราวกระแสคลื่นในมหาสมุทร

นางหันขวับทันใด เป็นจังหวะเดียวกับที่สายตาได้ปะทะกับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งคู่นั้นของกู้โม่หาน ไอร้อนผ่าวไม่รู้จบพุ่งขึ้นมาที่หน้าผาก หนานหว่านเยียนไม่สนแล้วว่าเสื้อผ้าบนตัวจะหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อยเพียงใด ฉับพลันทันใดนั้นก็ฟาดฝ่ามือตบหน้ากู้โม่หานไปฉาดหนึ่งอย่างเต็มแรง

“กู้โม่หานเจ้านี่มันจิตวิปลาส! ไร้สมอง! เผด็จการบ้าอำนาจ! ไสหัวไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!”

เรื่องจริงหรือที่เมื่อคืน เขากับนาง…

เจ้าหมอนี่มัน มัน…เหลือเกินจริงๆ!

ดวงหน้านางแดงก่ำ ชัดเจนว่ากำลังโกรธกรุ่นขุ่นแค้น ทว่าทั้งตัวกลับไร้เรี่ยวแรง มิเช่นนั้นคงถีบเขาตกเตียงไปนานแล้ว

กู้โม่หานเห็นนางมีเรี่ยวแรงกระฟัดกระเฟียดเช่นนี้ แม้กระทั่งถูกตบหน้าไปฉาดหนึ่งก็ไม่โกรธกลับยิ้มแย้มยินดีออกมา

เขาคว้าข้อมือของหนานหว่านเยียนมากุมไว้ ประชิดเข้าไปให้ใบหน้าของนาง มุมปากเผยรอยยิ้มให้เห็น

“หว่านเยียน เหตุใดเจ้าถึงได้ลืมเก่งเพียงนี้ เมื่อคืนชัดว่าเจ้าเองก็มีความสุขมากมิใช่หรือ หากมิใช่ว่าเจ้าเองก็ตอบสนอง ข้าก็ไม่รู้แล้วว่าควรจะคล้ายความทรมานให้เจ้าได้อย่างไร”

เขาจดจำคำพูดของกู้โม่เฟิงไว้ แต่ถึงกระนั้นเขาเองก็ไม่บังอาจใช้กำลังเหิมเกริมตามอำเภอใจ ทว่าทุกสิ่งเป็นไปเพราะนางสามารถปรับตัวรับได้ทั้งหมด

หนานหว่านเยียนคล้ายกับคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงหน้าพลันแดงฉานทันใด แม้กระทั่งใบหูก็ยังร้อนจนดูเหมือนจะลุกเป็นไฟขึ้นมา

นางกัดฟันกรอด พยายามอย่างไรก็สลัดมือเขาไม่หลุด ได้แต่จ้องมองเขาด้วยแววตาวาวโรจน์เท่านั้น “หากเจ้าพูดอะไรอีกแม้เพียงคำเดียว ข้าจะเย็บปากเจ้า!”

ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น หางตาของนางก็ตวัดมองท่อนบนของกู้โม่หานที่เกือบเปลือยเปล่า ว่ามีรอยข่วนปรากฏขึ้นชัดเจนจำนวนมาก

เส้นรอยแผลพาดเป็นริ้วสะเปะสะปะบนกล้ามเนื้อคมชัดของบุรุษ ยิ่งขับให้ความดิบเถื่อนของกู้โม่หานชัดเจนขึ้นหลายเท่าโดยไม่ทราบสาเหตุ แตกต่างกับคิ้วคางคมชัดเนียนละเอียดของเขาอย่างสิ้นเชิง

ยิ่งไปกว่านั้นลำคอสองข้างของเขา ยังมีร่องรอยของเล็บมือสีแดงสดปรากฏให้เห็นด้วย เหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของนางทั้งสิ้น

เป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาตัณหาราคะนั้นรุนแรงมากเพียงใด

เพียงพริบตาเดียว หนานหว่านเยียนอายจนแทบสิ้นลม…

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท