ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 803
“พ่อบ้านกาว เจ้าอยู่ที่นี่ได้ไง?” เมื่อเผชิญหน้ากับพ่อบ้านกาวที่เคยดีกับเขาเหมือนกับคนในครอบครัว เป็นไปไม่ได้ที่ในใจกู้โม่หานจะไม่สนใจ
เขาสองคนอยู่ร่วมกันมาเป็นสิบกว่าปีและมีความผูกพันมาตั้งนานแล้วด้วย แต่ตั้งแต่คราวก่อนที่รู้ว่าพ่อบ้านกาวประทุษร้ายเสิ่นอี่ว์โดยเจตนา กู้โม่หานก็ไม่เชื่อใจและหวังพึ่งเขาอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว
เขาได้ฆ่าพ่อบ้านกาวด้วยมือของตัวเองและยังให้อวี๋เฟิงเอาศพไปทิ้งที่สุสานระเกะระกะแล้วด้วย แต่ทำไมตอนนี้พ่อบ้านกาวไม่เพียงแค่ยังไม่ตาย และวันนี้ยังได้มาเข้าเยี่ยมด้วยสถานะราชทูตแคว้นต้าเซี่ยด้วย?
พอนึกถึงจดหมายของแคว้นต้าเซี่ยที่ค้นออกมาจากห้องนอนของพ่อบ้านกาวเหล่านั้น ดวงตาของกู้โม่หานเหล่ลงและสายตาลึกซึ้ง
ส่วนดวงตาที่ยังร้อนแรงของหนานหว่านเยียนเมื่อกี้ถูกสาดน้ำเย็นมาหนึ่งกะละมังทันที ความสงสัยและความไม่เข้าใจหลายอย่างเชื่อมอยู่ในใจ
นางไม่นึกเลยว่าพี่ชายจะให้พ่อบ้านกาวมารับนาง
ทั้งๆ ที่พี่ชายกับพ่อบ้านกาวต่างไม่สนใจอีกฝ่ายเลยตอนอยู่ในจวนอ๋อง
ส่วนขุนนางหลายคนที่เคยเยี่ยมเยียนจวนอี้อ๋องก็ต่างรู้สึกงงงวยเหมือนกัน
ถึงอย่างไรพ่อบ้านกาวก็เคยเป็นคนของจวนอี้อ๋อง ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ ไม่นึกเลยว่าวันนี้กลับกลายเป็นราชทูตแคว้นต้าเซี่ยซะแล้ว นี่มัน…
แม้แต่เสด็จไทเฮายังอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ แต่ราชทูตแคว้นต้าเซี่ยแต่ละคนกลับไม่รู้สึกมีปัญหาอะไรเลย
ส่วนพ่อบ้านกาวเห็นปฏิกิริยาของแต่ละคนแล้วก็ไม่รู้สึกตื่นตระหนกตกใจสักนิดเลย และจากสายตาที่เขามองกู้โม่หานกลับมีความรู้สึกปลื้มปีติยินดี
อันที่จริงแล้วสามารถเห็นกู้โม่หานนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรตัวนั้นด้วยตาของตัวเอง เรื่องเล็กๆ ที่ติดอยู่ในใจเขาก็ถือว่าได้สมหวังแล้ว
ยังไงกู้โม่หานก็เป็นท่านหญิงที่เขาดูแลจริงตั้งสิบกว่าปี เขาแสดงความเคารพให้กับกู้โม่หานและหนานหว่านเยียนอย่างนับถือ
“กระหม่อมกาวม่านหย่วน เป็นตัวแทนของแคว้นต้าเซี่ย ขออวยพรให้แคว้นซีเหย่บ้านเมืองสงบสุข ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ฟ้าฝนต้องตามฤดูกาล และขออวยพรให้ฮ่องเต้กับเหนียงเหนียงรักกันตลอดไป สิริมงคลและสมปรารถนา!”
“กระหม่อมมาเป็นตัวแทนของแคว้นต้าเซี่ยในครั้งนี้เพื่อเรื่องสองเรื่อง”
“คนทั่วแผ่นดินต่างรู้กันว่าเมื่อก่อนแคว้นต้าเซี่ยกับแคว้นซีเหย่มีความเคียดแค้นต่อกัน แต่ตอนนี้เวลาผ่านไปและสถานการณ์ก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว ท่านเป็นคนเห็นอกเห็นใจและรักประชาชนมากๆ ไม่เริ่มสงครามขึ้นมาอย่างง่ายดายแน่นอน เนื่องจากแคว้นต้าเซี่ยพวกข้าก็มีความคิดอยากจะผูกราชไมตรีกับแคว้นซีเหย่ จะได้คลี่คลายความขัดแย้งและความไม่เข้าใจกันที่มีมาหลายสิบกว่าปีนี้”
เป้าหมายข้อนี้ไม่ได้เกินความคาดหมาย และกู้โม่หานก็เดาออกมาตั้งนานแล้วว่าแคว้นต้าเซี่ยส่งราชทูตมาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ต้องมีความคิดอยากผูกราชไมตรีอยู่แล้วแน่นอน
“แล้วเรื่องที่สองเหรอ?”
หนานหว่านเยียนก็กำลังจ้องมองพ่อบ้านกาวอยู่เช่นกัน เสด็จแม่เคยบอกให้ฟังว่าการที่แคว้นต้าเซี่ยมาไม่ได้เพื่อแค่มารับนาง แต่ก็เพราะถูกบังคับจากสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ หวังจะร่วมมือกันกับแคว้นซีเหย่และชนะแคว้นเทียนเซิ่งกลับ
ไม่ว่าเรื่องตัวเลือกของราชทูตแคว้นต้าเซี่ยตกลงเป็นยังไงกัน แต่สิ่งที่สามารถแน่ใจได้ก็คือพ่อบ้านกาวเป็นคนของแคว้นต้าเซี่ยแน่นอน
จดหมายที่ถูกค้นออกมาจากห้องนอนเขาในตอนนั้นก็สามารถยืนยันจุดนี้ได้แล้ว
ใจนางก็พอสบายได้แล้วเล็กน้อย
“ส่วนเรื่องที่สอง” กาวม่านหย่วนหยุดไปพักหนึ่ง สายตาเหลือบมองหนานหว่านเยียนแวบหนึ่งอย่างไร้ร่องรอย “ก็คือรับจวิ้นจู่ที่ระเหเร่ร่อนอยู่ในแคว้นซีเหย่ตั้งยี่สิบปีของพวกข้ากลับไป!”
อะไรนะ?!
จวิ้นจู่แคว้นต้าเซี่ยเร่ร่อนอยู่ในแคว้นซีเหย่ได้อย่างไร?! และตั้งยี่สิบปีแล้วด้วย?!
พอได้ยินปุบ คลื่นในใจแต่ละคนต่างซัดสาดอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาทันที!
ทุกคนล้วนทนไม่ไหวอีกแล้ว ต่างพูดมากพูดเยอะออกเสียงกระทู้ถามว่า “เป็นไปได้ไงที่จวิ้นจู่ของแคว้นต้าเซี่ยอยู่ในแคว้นซีเหย่?”
“ใช่สิ ถ้าตามที่ราชทูตกาวพูดอย่างนี้ แล้วเจ้ารู้หรือเปล่าว่าตกลงจวิ้นจู่ของพวกเจ้าคือใครและอยู่ที่ไหนอีก?”
“ต้องเข้าใจนะว่าแคว้นต้าเซี่ยในตอนนี้ไม่มีจวิ้นจู่ไม่ได้เลยนะ ถ้ามีจวิ้นจู่จริงๆ แสดงว่านางก็จะเป็นจักรพรรดินีแห่งแคว้นต้าเซี่ยคนต่อไปเลยนะ! เรื่องใหญ่เช่นนี้สะเพร่าไม่ได้เลย!”
ทั้งกู้โม่เฟิงกับเสด็จไทเฮาต่างอึ้งกันไปหมด ไม่คิดเลยว่าในแคว้นซีเหย่จะมีจวิ้นจู่ของแคว้นต้าเซี่ยคอยซ่อนอยู่?!
ฐานะของจวิ้นจู่แคว้นต้าเซี่ยสูงส่ง แทบจะเป็นพระยุพราชหญิงที่แน่นอนแล้ว แล้วใครล่ะที่เป็นจวิ้นจู่ของแคว้นต้าเซี่ย?
“จวิ้นจู่ของแคว้นต้าเซี่ย?” แม้กระทั่งกู้โม่หานยังตกตะลึงวับหนึ่งเลย แต่ถ้าจริงอย่างที่พ่อบ้านกาวพูดเช่นนั้น นี่ก็ต้องพัวพันถึงความกลมกลืนระหว่างแคว้นสองแคว้น เขาไม่รอบคอบไม่ได้
ดูออกได้ชัดว่าวันนี้พ่อบ้านกาวมาโดยเตรียมตัวอย่างดี พิสูจน์ได้ว่าในใจเขามีคำตอบแล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าก็พูดสิว่าจวิ้นจู่ของแคว้นต้าเซี่ยคือท่านใด?”
พูดจบ ในตำหนักใหญ่เงียบกริบทันที
ทุกคนล้วนกลั้นหายใจตั้งสมาธิรอคำตอบของพ่อบ้านกาว
ถึงแม้หนานหว่านเยียนจะรู้คำตอบแล้ว แต่ก็อดตื่นตื่นขึ้นมาไม่ไหว ในฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อมากมาย
นางรอวันนี้มานานมากแล้ว นางจำเป็นต้องจากไปด้วยฐานะนี้ ไม่อย่างนั้น…จุดอ่อนของนางมีตั้งเยอะ กู้โม่หานกำอยู่ในมือไว้ตลอด นางไปไม่ได้สักที
พ่อบ้านกาวสบตาอันเย็นชาและไม่มีความร้อนคู่นั้นของกู้โม่หานโดยไม่ละสายตาเลย แต่ไม่ได้รีบตอบกลับและกลับพูดอย่างไม่รีบร้อน
“เมื่อกี้ฮ่องเต้กระทู้ถามว่าทำไมถึงอยู่ที่นี่ได้ กระหม่อมตอบให้ได้ตอนนี้”
“กระหม่อมเคยเป็นพ่อบ้านในจวนของท่าน เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามไม่ให้คนอื่นรู้อยู่ในจวนอี้อ๋องตั้งนานไม่ใช่เพราะมีเจตนาเป็นศัตรูกับแคว้นซีเหย่และอยากแก้แค้น คือเพราะสะดวกในการปกป้องจวิ้นจู่จึงคอยอยู่เคียงข้างท่าน”
เมื่อคำพูดของเขาถูกพูดออกมาทีละคำๆ ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนมีความจริงสักอย่างกำลังถูกเปิดเผยตัวตนราวกับหมุนไหมจากรังไหมทีละนิดทีละน้อย
พอฟังมาถึงตรงนี้ ในใจของหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานต่างมีการคาดเดาสำหรับตัวเองแล้ว
ร่างของหนานหว่านเยียนเอนไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว มีคำพูดสักอย่างมาถึงข้างปากจะออกมาแล้ว แต่สุดท้ายก็ถูกนางกลืนลงไปอย่างแข็งกร้าว
พ่อบ้านกาวไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของหนานหว่านเยียน มัวแต่พูดต่ออย่างฮึกเหิมว่า “จวิ้นจู่เป็นหญิงสาวที่มีพรสวรรค์มากเป็นพิเศษ คือความเป็นอยู่อันสูงส่งไม่มีที่เปรียบ ตอนนั้นท่านหญิงฝากกระหม่อมว่าต้องปกป้องจวิ้นจู่ปลอดภัยตลอดชีวิต ตอนนี้ทั้งแคว้นต้าเซี่ยกำลังรอข่าวของจวิ้นจู่อยู่เลย หวังว่าจวิ้นจู่สามารถกลับมาอย่างปลอดภัย!”
“เพราะฉะนั้น หวังว่าฮ่องเต้ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่า คืนจวิ้นจู่ให้กับแคว้นต้าเซี่ย พวกกระหม่อมซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งในความปรารถนาดี!”
“ส่วนตัวจริงของจวิ้นจู่นั้น จริงๆ แล้วทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะฮ่องเต้ยิ่งคุ้นเคยที่สุด ท่านก็คือ…”