ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 810 พลิกกลับ

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 810

ไม่ว่าอย่างไร เขาจะต้องหยุดยั้ง!

แต่เวลานี้ เหล่าทูตของแคว้นต้าเซี่ยเหล่านั้นกลับย้ายข้างแล้ว ทั้งยังกล่าวเตือนพ่อบ้านกาวว่า “แม่ทัพม่านหย่วน ข้ากลับคิดว่าข้อเสนอแนะนี้ของฮองเฮาไม่เลว เหมาะสมและคำนึงถึงส่วนรวม”

“ใช่แล้ว อย่างไรเสียหวงไท่เฟยก็เป็นคนแคว้นต้าเซี่ยของพวกข้า เชิญนางออกมาชี้ตัว ไม่ใช่ว่าจะยิ่งระบุตัวตนที่แท้จริงของจวิ้นจู่ได้มากยิ่งขึ้นหรือ?”

“พวกข้าลำตัวตรงก็ไม่ต้องกลัวว่าเงาจะเอนเอียง คำพูดทูตกาวน่าเชื่อถือมาโดยตลอด ยิ่งไม่ต้องกลัวว่าจะถูกพวกเขาตรวจสอบ ต้องการชี้ตัว ก็ให้หวงไท่เฟยมาชี้ตัวก็จบ!”

เมื่อทุกคนพูดเช่นนั้น ก็ไม่ดีที่พ่อบ้านกาวจะขัดขวาง แต่ในตามีความขึงขังเล็กน้อย

กู้โม่หานเอียงหน้ามองดูหนานหว่านเยียนแวบหนึ่ง สายตาลึกล้ำเป็นที่สุด เขารู้นานแล้วว่าตัวตนของหยุนอี่ว์โหรวทนการกลั่นกรองไม่ได้ ของปลอมจะเป็นของจริงได้อย่างไร

และรู้ว่า ทันทีที่เขาตอบรับข้อเสนอแนะของหนานหว่านเยียน ก็เท่ากับว่าเขาผลักนางขึ้นไปตำแหน่งจวิ้นจู่แคว้นต้าเซี่ยด้วยมือตัวเอง แต่เขาเม้มปาก และเปิดปากว่า

“ไปเชิญเสด็จแม่!”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” เฉินกงกงตอบรับด้วยความเคารพนอบน้อม และรีบออกจากท้องพระโรงไป

เห็นกู้โม่หานไม่คัดค้าน หนานหว่านเยียนจึงโล่งใจ

ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยเห็นเขาแสดงความคิดเห็นใดในเรื่องของจวิ้นจู่มาก่อน นางยังคิดว่าเขาสังเกตเห็นถึงพิรุธอะไรเข้า โชคดีที่ไม่มี

เหตุผลที่นางไม่กล้ายอมรับฐานะตัวตนของตัวเอง ก็เพราะกลัวว่ากู้โม่หานจะไม่ยอมปล่อยคน

เดิมทีนางก็ควบคุมสถานการณ์ได้ยากอยู่แล้ว หากว่ากู้โม่หานช่วยพ่อบ้านกาวอีก เกรงว่านางก็คงจะพลิกกลับมาได้ยากมากแล้วจริงๆ……..

หลังจากที่เฉินกงกงออกไป จิตใจของทุกคนในท้องพระโรงก็แตกต่างกันออกไป แต่สีหน้าของหนานฉีซานค่อยๆเคร่งขรึมขึ้น ในสมองปรากฏใบหน้าอันงดงามขึ้นมาอย่างฉับพลัน

โฉมหน้าของหญิงสาวที่คล้ายคลึงกลับหนานหว่านเยียนมาก เพียงแต่นางค่อนข้างอ่อนโยน สุขุม ไม่โดดเด่น แพรวพราวเหมือนหนานหว่านเยียน ด้วยบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จึงทำให้ผู้คนยากจะนึกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน แต่ความเป็นจริงแล้วโฉมหน้านี้แทบจะเหมือนถอดออกมาจากบล็อกเดียวกันทุกประการ

หนานฉีซานจำได้ไม่แน่ชัดว่า เขาไม่ได้คิดถึงคนผู้นั้นมานานมากเพียงใดแล้ว สายตามองไปยังหนานหว่านเยียนโดยไม่รู้ตัว

ดูอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ขมวดคิ้วและถอนสายตากลับมา แล้วมองไปทางหยุนอี่ว์โหรวอีกครั้ง

ใบหน้านั้นของหยุนอี่ว์โหรว เหมือนกับสาวใช้ชั่วช้านั่นไม่มีผิด แต่ท่าทางที่น่าสงสารนั่น ก็เหมือนกับแม่แท้ๆของนางทุกประการ

หยุนอี่ว์โหรวเป็นบุตรสาวนอกสมรสของเขา เพราะว่าฐานะต่ำต้อย เขาจึงให้วิธีการส่งไปที่ชนบท แต่กลับทำให้เรื่องราวแย่ลงด้วยการกระทำโง่ๆทำให้ถูกคิดว่าเป็นญาติฝ่ายมารดาของจวนแม่ทัพ

คำพูดเหล่านี้ หนานฉีซานไม่ได้พูดกับผู้ใดเลย เก็บซ่อนไว้ในใจมาโดยตลอด

แต่สถานการณ์นี้ในตอนนี้ มีประโยชน์ต่อเขาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นหยุนอี่ว์โหรว หรือว่าหนานหว่านเยียนเป็นจวิ้นจู่แคว้นต้าเซี่ย เขาก็เป็นคนได้ผลประโยชน์ และบางทีนี่ก็อาจจะเป็นโอกาสให้เขาได้พลิกตัว

ดังนั้น เขาเพียงแค่มองดูความเปลี่ยนแปลงอยู่เฉยๆก็พอ

“หวงไท่เฟยเสด็จ–” ในที่สุด ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองด้วยความเฝ้าหวัง ไท่เฟยค่อยๆย่างพระบาทตามเฉินกงกงเข้ามาในท้องพระโรง

สีหน้าของนางจริงจังเป็นพิเศษ สายตากวาดมองฝูงชนที่เบียดเสียดกันอยู่รอบๆ เผยความเย็นชาออกมา

เหล่าทูตแคว้นต้าเซี่ยยังคงเคารพไท่เฟยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพวกขุนนางเก่าแก่ หลังจากที่เห็นไท่เฟย ก็ล้วนทำความเคารพไปทางนางอย่างอดไม่ได้ “ข้าน้อย คารวะไท่เฟยเหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ!”

ไท่เฟยยังมีความทรงจำต่อคนเก่าแก่เหล่านี้อยู่บ้าง จึงพยักหน้าทักทายเล็กน้อย

นางมาถึงใจกลางท้องพระโรง มองหยุนอี่ว์โหรวด้วยแววตาเย็นยะเยือกแวบหนึ่ง เต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจและรังเกียจ

หยุนอี่ว์โหรวสั่นเทาอย่างอธิบายไม่ได้ มีพลังที่แข็งแกร่งพลังหนึ่งถาโถมเข้าสู่หัวใจ

หนานหว่านเยียนเห็นไท่เฟยมา นัยน์ตาลุกโชนเป็นความหวังอีกครั้งทันที กล่าวด้วยเสียงอันอ่อนโยนว่า “หม่อมฉันรบกวนเสด็จแม่แล้ว วันนี้เชิญเสด็จแม่มา เพราะมีเรื่องจำเป็นต้องให้เสด็จแม่ยืนยัน ไม่ว่าอย่างไรก็ขอเชิญให้เสด็จแม่โปรดแยกแยะ หยุนอี่ว์โหรวเป็นจวิ้นจู่ของแคว้นต้าเซี่ยหรือไม่กันแน่เพคะ!”

จิตใจของทุกคนล้วนตึงเครียดขึ้นมา ไทเฮาจับที่เท้าแขนแน่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยื่นคอยาวเพื่อฟัง

กู้โม่เฟิงก็ตื่นเต้นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เหงื่อเย็นเปียกไปทั้งหลัง

เรื่องราววันนี้ช่างน่าตื่นเต้นเกินไปแล้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะพัฒนาต่อไปอย่างไร

มีเพียงกู้โม่หานเท่านั้น ที่บนใบหน้าอันสง่างามสงบนิ่งเหมือนน้ำตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีความผันผวนใด ราวกับว่าเข้าใจทุกอย่างทะลุปรุโปร่งมานานแล้วเช่นนั้น

ไท่เฟยพยักหน้าไปทางหนานหว่านเยียน ส่งสายตาให้นางสบายใจ จากนั้นก็หันไปมองทุกคนแล้วกล่าวทันที “ข้าได้ทำความเข้าใจเหตุการณ์อย่างละเอียดแล้ว แต่ข้าอยากจะบอกว่า แม้ในมือของหยุนอี่ว์โหรวจะมีหยกซื่อหลิน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเป็นจวิ้นจู่แคว้นต้าเซี่ยอย่างแน่นอน!”

สิ้นสุดเสียง ทุกคนรู้สึกตกใจยกใหญ่ อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน

จิตใจของหยุนอี่ว์โหรวและพ่อบ้านกาวรู้สึกตระหนกเป็นอย่างมาก แต่เหล่าทูตแคว้นต้าเซี่ยเหล่านั้นกลับงุนงง กะพริบตาไปทางไท่เฟยด้วยความสงสัย

หวงไท่เฟยมองทุกคนที่อยู่รอบๆ กล่าวด้วยความเคร่งขรึมหนักแน่น

“จวิ้นจู่ของแคว้นต้าเซี่ยแต่ไหนแต่ไรมาก็มีเพียงแค่คนเดียว นั่นก็คือ——ฮองเฮาในตอนนี้ หนานหว่านเยียน!”

อะไร? !

ฮองเฮาเหนียงเหนียงก็เป็นจวิ้นจู่? !

เพิ่งจะสิ้นสุดเสียงของไท่เฟย ฝูงคนก็เอะอะโวยวายกันยกใหญ่

นี่มันอะไรกับอะไรกันแน่ หาความจริงไม่ได้ก็ช่างทำให้คนอายุสั้นไปกว่าครึ่งแล้วจริงๆ!

ในใจของทุกคนกระเพื่อมเป็นคลื่นซัดอย่างบ้าคลั่ง มองดูหนานหว่านเยียนและหยุนอี่ว์โหรวตะลึงปากอ้าตาค้าง เพราะตอบสนองไม่ทัน แม้เพียงแค่ครึ่งประโยคก็พูดไม่ออก

คำพูดของไท่เฟยยืนยันสิ่งที่เขาคาดเดาอยู่ในใจ ดวงตาของกู้โม่หานสั่นไหวเล็กน้อย มองดูหนานหว่านเยียนผู้งดงามสดใสที่อยู่ด้านข้าง เม้มริมฝีปากแน่น

“ไท่เฟย …….” พ่อบ้านกาวโกรธจนร้อนใจ กำลังจะเปล่งเสียง ไท่เฟยก็เพ่งมองเข้าอย่างดุดันแวบหนึ่งแล้วกล่าวต่อ “หนานฉีซานล่ะ? !”

“ข้าน้อยอยู่พ่ะย่ะค่ะ” หนานฉีซานยืนออกมาด้วยความเคารพทันที

หวงไท่เฟยเหลือบมองไปยังหนานฉีซาน แล้วกล่าวต่อทุกคนของแคว้นต้าเซี่ยก่อนว่า “ข้าและท่านพี่ชิงรักใคร่ผูกพันกันดั่งพี่น้อง เรื่องนี้เจ้ารู้ ปีนั้นเพราะท่านพี่ชิงให้กำเนิดบุตรยาก จึงได้ป่วยเป็นโรงเรื้อรัง หลังจากให้กำเนิดหว่านเยียนได้ไม่นาน ก็ป่วยหนักรักษาไม่หายจึงได้จากโลกไป ต่อจากนั้น ข้าก็ประสบกับเหตุร้าย นอนติดเตียงสิบกว่าปี”

“แต่ทารกหญิงตัวน้อยที่ท่านพี่ชิงให้กำเนิด ข้าจำได้ค่อนข้างลึกซึ้ง แม้ว่าจะอายุน้อย แต่ลักษณะโฉมหน้าคร่าตาเบื้องต้น เหมือนกับท่านพี่ชิงไม่มีผิด”

พูดจบ นางก็เอ่ยถามหนานฉีซานด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในตอนนั้นท่านพี่ชิงงดงามที่สุดในแคว้น หน้าตาเช่นนั้น สามารถแยกแยะและจดจำได้สูงมาก ข้าถามเจ้า หว่านเยียนนางหน้าตาเหมือนกับท่านพี่ชิงเป็นอย่างยิ่งใช่หรือไม่?”

ทุกคนล้วนรู้ดี ท่านพี่ชิงที่ไท่เฟยกล่าวถึง ก็คือมารดาผู้ให้กำเนิดหนานหว่านเยียน ซึ่งเป็นฮูหยินเฉิงเซี่ยงในเดิมที

แต่กู้โม่หานกลับประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าเสด็จแม่ของตัวเอง จะมีความสัมพันธ์ที่ดีเพียงนี้กับมารดาผู้ให้กำเนิดหนานหว่านเยียนจริงๆ

ทำไมเขารู้ไม่รู้เรื่องเลยสักนิด?

หนานฉีซานขมวดคิ้ว พยักหน้าอย่างซื่อสัตย์จริงใจ “หน้าตาของฮองเฮาเหนียงเหนียง เหมือนกับฮูหยินจริงพ่ะย่ะค่ะ เหมือนกันทุกประการตั้งแต่เด็กๆ เพียงแต่ตอนวัยเยาว์ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นเล็กน้อย จึงได้เสียโฉม ตอนนี้ได้ฟื้นคืนสู่โฉมหน้าเดิม ก็ยังคงเหมือนเป็นอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

ได้รับการพยักหน้ายอมรับจากหนานฉีซาน หวงไท่เฟยหันไปทางทุกคน ก็ไม่รู้ว่าต้องการจะด่าใคร พูดได้ทั้งเย็นชาและทั้งดุดัน

“ทุกท่านล้วนได้ยินแล้ว สายเลือดในครอบครัวถึงจะมีความคล้ายคลึงกันได้เพียงนี้ โฉมหน้าของหยุนอี่ว์โหรว ไม่มีความคล้ายคลึงกับท่านพี่ชิงแม้สักนิดเดียว จวิ้นจู่แห่งแคว้นต้าเซี่ยจะเป็นนางได้อย่างไร? !”

“ช่างเพ้อเจ้อโดยแท้จริง! เหลวไหล! โง่เง่าสิ้นดี!”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท