ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 824 เขาอยากพานางกลับต้าเซี่ย

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 824

จู่ๆ องค์หญิงชิงก็ชะงักคำพูดไป เขาได้แต่พยักหน้าเบาๆ ด้วยความงุนงง จากนั้นก็เอื้อมมือไปหลอกล้อทารกในห่อผ้า พลางครุ่นคิดในใจ ก็แค่เจ้าก้อนเนื้อเล็กๆ เท่านั้นเอง นี่คือจวิ้นจู่ที่เขาจะต้องปกป้องในอนาคตอย่างนั้นหรือ?

เขาคอยช่วยองค์หญิงชิงดูแลจวิ้นจู่อยู่หลายเดือน หลังจากที่ได้อยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิดแล้ว ยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจนาง

เจ้าเด็กคนนี้เงอะงะไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่นัก ดูไม่เหมือนบุตรสาวขององค์หญิงเลย ต่อไปภายภาคหน้าหากเขาต้องปกป้องดูแลนาง คงจะลำบากเป็นแน่แท้

เดิมทีเขาคิดว่าเขาสามารถอยู่ในแคว้นซีเหย่ได้อย่างมั่นคงตราบนานเท่านาน ทว่าช่วงเวลาดีๆ ก็ไม่ยืนยาวดังที่หวัง ผ่านไปเพียงไม่กี่ปี องค์หญิงชิงก็มาเสียชีวิตไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ

จวนทั้งจวนแขวนไปด้วยผ้าขาว ทุกคนในจวนต่างพากันก้มหน้าก้มตาไม่พูดจา และทำงานกันอย่างเงียบๆ ด้วยความเร่งรีบ นั่นเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าแท้จริงแล้วคนเราบอบบางถึงเพียงนี้

เขามองดูเด็กน้อยวัยแบเบาะที่นอนอยู่ในแขนของเขา จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนหนักอึ้งขึ้นมา

ทว่า เขาเคยสาบานกับองค์หญิงชิงไว้แล้ว ว่าจะปกป้องจวิ้นจู่เป็นอย่างดี ตอนที่จวิ้นจู่อายุหกขวบ นางถูกกลุ่มคนที่ไม่รู้มาจากไหนรังแกเข้า ก็เลยร้องไห้ไม่หยุด เขาก็เลยไปต่อยตีกับคนกลุ่มนั้น อยากจะถลกหนังของพวกเขาเสียให้หมด

ตอนที่จวิ้นจู่อายุแปดขวบ คนในจวนต่างพากันตำหนิติติงว่านางไม่รู้จักมารยาท เขาก็รีบออกมายืดอกรับความคิดแทน รับโทษโบยแทนจวิ้นจู่สิบครั้ง

จวิ้นจู่ก็ร้องไห้พร้อมกับถามเขาด้วยน้ำตาว่าเจ็บหรือไม่ ในใจเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แม้จะเจ็บแค่ไหน แต่กลับรู้สึกหายเป็นปลิดทิ้ง เขาจึงตอบนางไปว่าแค่แผลเล็กๆ ไม่เป็นไรเลย!

แต่ก็เสี้ยวเวลานั้นเอง ที่เขาพบว่าเด็กน้อยตรงหน้าไม่ได้เงอะงะอีกต่อไป และก็ไม่ได้สร้างเรื่องให้เขาต้องลำบากอีก ตรงกันข้าม นางกลับส่งผลต่ออารมณ์ของเขาโดยตรง พลอยทำให้เขารู้สึกกังวลและประหม่าอยู่ตลอดเวลา

เขามักจะชอบสวมชุดสีดำมาโดยตลอด มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาบังเอิญสวมชุดสีขาว จวิ้นจู่เอ่ยปากชมไปหลายคำ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็สวมแต่ชุดสีขาว และก็ไม่เคยสวมชุดสีอื่นอีกเลย

ตอนที่จวิ้นจู่อายุเก้าขวบ เขาได้รู้ว่าจวิ้นจู่มีคนที่ชอบมากอยู่คนหนึ่งหนึ่ง ในใจก็รู้สึกไม่ชอบอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังปลูกต้นผักกาดขาว เขายังรดน้ำพรวนดินไม่พอ ผักกาดขาวก็หนีไปบ้านของคนอื่นเสียแล้ว

แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน จวิ้นจู่ก็ร้องห่มร้องไห้กลับบ้าน บอกว่าคนพวกนั้นด่านางว่านางไม่คู่ควรกับคนผู้นั้น บอกว่านางไม่มีแม่ ไม่คู่ควรจะหิ้วรองเท้าให้ใครเสียด้วยซ้ำ

นั่นเป็นครั้งแรกที่เขามีความคิดอยากจะฆ่าคน แต่เพราะนึกถึงจวิ้นจู่ จึงทำได้เพียงแอบไปสั่งสอนคนที่นินทาว่าร้ายในกลางดึกด้วยแผนการที่เขาคิดขึ้น

แล้วก็ได้รู้ว่า คนที่จวิ้นจู่ชอบมากๆ นั้น ที่แท้แล้วก็คืออี้อ๋อง แม่ทัพหนุ่มที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จวิ้นจู่ก็ดูเหมือนถูกมนต์สะกดอย่างไรอย่างนั้น เอาแต่คิดถึงคะนึงหาแต่คนผู้นั้นทุกวันทุกคืน

พอได้ยินว่ากู้โม่หานได้รับบาดเจ็บ นางก็รีบขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรด้วยความกระวนกระวายใจ ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจวิ้นจู่นั้นเพ้อเจ้อ โง่เขลาเฉาโฉด มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่านางทุ่มเทด้วยความจริงใจ ไม่คำนึงถึงต้นทุนและสิ่งที่ต้องจ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

เขาอยากจะตามจวิ้นจู่ขึ้นเขาไปด้วย แต่เพราะไม่อยากให้คนอื่นที่เจตนาไม่ดีมาปองร้ายจวิ้นจู่ เพื่อปกป้องจวิ้นจู่ เขาที่อายุเพียงสิบสามก็กลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต

และเพราะจวนเฉิงเซี่ยงไม่ยอมหาหมอฝีมือดีมารักษาเขา เลยทำให้เขานอนหมดสติราวครึ่งปีเห็นจะได้ ครึ่งปีที่ผ่านนี้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรหว่านหว่านถึงได้เสียโฉม เขาเองก็ถูกวางยาพิษ พิษร้ายแล่นเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ความทรงจำของเขาหายไปช่วงหนึ่ง และได้ลืมฐานะของตนเองไป

ยังดีที่เขาคอยระลึกอยู่เสมอว่าจะต้องดูแลบุตรสาวของพี่หญิงให้ดี และมักจะรู้สึกอยากจะปกป้องดูแลหนานหว่านเยียนแตกต่างจากผู้อื่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ต่อมาเขาก็เริ่มนั่งรถเข็น วันๆ ทำได้เพียงตามหลังหนานหว่านเยียนอย่างเงียบๆ เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของนางเท่านั้น

เวลานางถูกรังแก เขาก็จะคอยลงมือจัดการอย่างลับๆ ราวกับว่าแผนการทุกอย่างถูกฝังอยู่ในหัวของเขาอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งคล่องแคล่วมากเท่าไหร่ เวลาต่อการและจัดการกับผู้คนก็จะยิ่งชำนาญการมากขึ้นเท่านั้น

คนส่วนใหญ่ที่รังแกนาง เขาเอาคืนหมดทุกคน มีเพียงแม่ทัพหนุ่มคนเดียวเท่านั้นที่เขาไม่มีโอกาสเอาคืน และก็ไม่กล้าทำด้วย

วันงานพิธีขึ้นปิ่นปักผมของหนานหว่านเยียน จู่ๆ นางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จิตใจของเขาสับสนกระวนกระวายไปหมด ราวกับถูกควักหัวใจไปทั้งดวงก็ไม่ปาน เจ็บปวดทรมานจนแทบจะหายใจไม่ออก

การตามหานางเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนที่ไม่มีขาเช่นเขาเป็นอย่างมาก แต่เพื่อที่จะตามหานางให้เจอ เขาต้องเจอกับความยากลำบากไม่น้อย ต้องถูกยาพิษกัดกร่อนในทุกๆ วัน สภาพร่างกายของเขาไม่ได้ดีเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

ในขณะที่เขาคิดว่าคงจะตามหาหนานหว่านเยียนไม่เจอแล้ว หัวใจของเขาก็เจ็บปวดรวดร้าวเป็นอย่างมาก แต่แล้วจู่ๆ จวิ้นจู่ก็กลับมาในสภาพที่น่าอนาถเป็นอย่างมาก

เขาจึงรีบเดินทางกลับไปยังจวนเฉิงเซี่ยงในทันที เขาอยากจะพูดคุยกับนาง แต่นางกลับไม่ชอบพูดจาอีกต่อไป และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นางก็ไม่สดใสร่าเริงเฉกเช่นที่ผ่านมาอีกเลย

นางมักจะเก็บตัวเงียบ ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องแปลกแค่ไหน นางก็ไม่เหลือบมองแม้แต่นิดเดียว

เขารู้ดีว่าจะต้องเป็นคนรักของจวิ้นจู่ที่เป็นคนทำนางเสียใจอย่างแน่นอน

เขาอยากจะช่วยนางเอาคืน ไม่ว่าจะเป็นถึงองค์ชายหรือลูกท่านหลานเธอ ก็ไม่มีสิทธิ์รังแกหว่านหว่านของเขาทั้งนั้น แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ นางจะวิ่งมาหาเขาด้วยความดีอกดีใจหลังจากผ่านไปไม่นาน

“ท่านน้า! ข้าจะแต่งงานกับเขาแล้ว ในที่สุดข้าก็จะได้แต่งงานกับกู้โม่หานแล้ว…”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท